ทำเอาแฟนๆเป็นห่วงพร้อมใจกันส่งกำลังใจให้นักร้องหนุ่ม “นนท์-ธนนท์ จำเริญ” ค่ายเลิฟอิส กลับมาแข็งแรงไวๆ พอหายดีจากโรคโควิด-19 แล้ว เลยได้อัปเดตสุดพิเศษ พร้อมเปิดมุมมองในวัย 25 ปี ที่เจ้าตัวมองว่าเป็นวัยแห่งการเติบโตและมีมุมมองต่อสิ่งรอบตัวโตขึ้น รวมทั้งเรื่องความรัก เลยขอถาม นนท์ เริ่มจาก

อัปเดตสุขภาพตอนนี้หายแล้วเป็นไงบ้าง?

“สุขภาพตอนนี้ปกติดีมากครับ มีไอบ้างแต่ไม่รุนแรง คันคอนิดๆ ช่วงนี้ทำเพลงอยู่ตลอดครับ พยายามหาอะไรที่ดีที่สุดมาต่อยอด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ใช้เสียง ยังไม่ได้ใช้ปอดเยอะ งานหลังบ้านอาจจะหยุดไปก่อน อาการป่วยสำหรับผมไม่น่ากลัวมาก แต่จะน่ากลัวสำหรับคนสูงวัย และคนที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น โรคประจำตัว คนที่มีน้ำหนักเยอะ”

หลายคนบอกว่ารักษาตัวอยู่แต่ก็หาอะไรทำให้สุขภาพจิตดีตลอด ตอนนั้นรับรู้ถึงความห่วงใยของแฟนๆมั้ย?

“ตอนรักษาตัวก็หากิจกรรมทำ ใช้เวลาทำงานในส่วนอื่นๆ มีเวลาได้พูดคุยกับทางครอบครัวผ่านทางโทรศัพท์มากขึ้น และที่สำคัญเราได้ใกล้ชิดกับ nontfam มากขึ้น บวกกับแฟนๆเค้าก็มีกิจกรรมที่เค้าจัดกัน ผมก็พอมีเวลาเข้าไปร่วมแจมและทุกครั้งที่ผมเข้าไปแจม ทางแฟนๆก็ให้เกียรติผมและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนตัวผมก็ได้ใกล้กับทุกคนมากขึ้นในช่วงนั้นนะครับ รับรู้ถึงความห่วงใยจาก nontfam และทุกๆคนที่เป็นห่วง ก็มีติด # ส่งกำลังใจให้นนท์เข้าไปอ่านทำให้มีกำลังใจมากๆ วันแรกที่ทราบว่าป่วยก็มีกังวลและเครียดบ้าง แต่ก็รับรู้ได้ว่าแฟนๆก็อยู่เคียงข้างเรา ช่วงเวลาที่ได้แชร์ ก็รับมาจากแฟนๆ และส่งต่อเป็นการ GIVE&TAKE ของพวกเราในช่วงเวลานั้นด้วยครับ”

...

ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าหนัก ชีวิตมีอะไรพลิกแพลงตลอด ถือว่าเป็นเบญจเพสแรงมั้ย?

“ผมอาจจะไม่เชื่อเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านเรามีคุณแม่ที่เชื่อมาก ผมมองว่ามนุษย์เราพออายุ 25 จะมีมุมมองที่ขัดกันนิดนึง เรารู้สึกว่าเราโตแล้วแต่เราอาจจะไม่ได้โตขนาดนั้น มันก็เป็นช่วง coming of age อย่างช่วงนี้รู้สึกว่าเป็นช่วงผลัดเปลี่ยนวัย เป็นช่วงที่เข้าวัยทำงานแล้ว 25 จริงๆ มุมมองเปลี่ยน เป็นปีที่ผมรู้สึกโตมากขึ้นกว่าทุกปี เป็นจุดที่เราได้เรียนรู้ ปีนี้ก็มีบิ๊กสเต็ปที่ผม
มองไว้และอยากไป เป็นงานที่คนไม่เคยเห็นมันออกจากเรา แต่การใช้ชีวิตเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตประมาทนะ ปีที่แล้วเป็นปีที่กระดูกหักเยอะที่สุดแล้ว 3 จุด ผมเป็นคนเล่นกีฬาเอกซ์ตรีมก็ต้องทำใจอยู่แล้ว แต่ ณ ปัจจุบันที่เรามีภาระ หน้าที่เยอะขึ้น พอเราเป็นอะไรขึ้นมา พ่อแม่ทีมงานก็ลำบาก”

แม่เชื่อเรื่องเบญจเพสแล้วเราทำตามเค้ามั้ย?

“ก็ทำครับ แต่ก็พยายามบอกแม่ว่าเราจะเชื่อทุกอย่างหมดไม่ได้ ใครบอกดวงดี แต่เราใช้ชีวิตประมาทมันก็ไม่ใช่ ท้ายที่สุดมันอยู่ที่เรา”

เวลาเจ็บป่วยต้องนอนนิ่งๆ ทำให้คิดอะไรได้เยอะมั้ย?

“อย่างช่วงนอนโรงพยาบาลปีที่แล้ว ได้คิดเยอะเลยครับ หลักๆคือครอบครัว บางทีเราทำงานจนไม่เห็นเลยว่าพ่อแม่แก่ไปขนาดนี้แล้ว จนวันหนึ่งช่วงก่อนมีโควิด-19 ผมมองพ่อแม่แล้วรู้สึกเหมือนตกตะกอนบางอย่าง โควิดรอบแรกเราล็อกวันหยุดตัวเองไว้สองเดือนอยู่แล้วเพื่อต้องการสร้างบ้านให้พ่อแม่เป็นบ้านที่พร้อมให้ผู้สูงอายุอยู่เลย เช่น ห้องน้ำไม่ลื่น มีที่พร้อมเข็นวีลแชร์ได้ ผมกับพ่อแม่ทำงานมาด้วยกันตลอดตั้งแต่ 7 ขวบ ผมไปร้องวงลูกทุ่งพ่อแม่ก็จะตามไปรับไปส่ง ไม่มีอิดออด ไม่มีไม่ไป ไปได้หมด ซัพพอร์ตผมสุดตัว อวยสุดตัวมั้ยก็ไม่ใช่ ไม่ค่อยชมด้วยซ้ำแต่การกระทำไม่เคยตกหล่น ผมรู้สึกว่าช่วงเวลานี้เราแข็งแรงพอจะซัพพอร์ตเค้าได้บ้าง เลยซื้อบ้านให้ ตอนนี้เหลือต่อเติม คิดแล้วทำเลย ไม่ต้องคิดนานในการลงทุนให้พ่อแม่ ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปมากกว่านี้แล้ว”

ชีวิตส่วนตัวล่ะอายุ 25 แล้ว มุมมองความรักเป็นยังไง?

“มีความรักครับ ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองครับ มีแฟนตั้งแต่อนุบาลแล้วครับไม่ต้องตกใจ (ยิ้ม)”

เรื่องความรักของเราก็ไม่ได้ดูเป็นข่าวอะไร?

“ผมก็ไม่ได้ปิดด้วยนะ ผมก็เดินปกติ ผมไม่ได้ป่าวประกาศ และไม่ได้ปิดกั้น แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่ได้โชว์อะไรอยู่แล้วและผมมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของคนสองคน ยิ่งมากคนยิ่งมากความ มันอยู่ในช่วงอายุ 25 ผมกำลังมีมุมมองกับชีวิตผมต่อไปแล้วผมไม่ได้มองแค่หาแฟน ผมมองหาคู่ชีวิตคนที่อยู่กับพ่อแม่ผมได้ ดูแลผมกับพ่อแม่ได้และผมสามารถซัพพอร์ตเค้าได้ แล้วมันปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีผลในการขับเคลื่อนงาน ไม่ได้หมายถึงเค้านะ หมายถึงความรักต่างๆที่ผ่านมา เราทำงานเล่าเรื่องพวกนี้ แล้วเราไม่มีความรักมันก็ไม่ใช่ครับ”.

...