เพิ่งขยับสถานะจากแฟนเป็นคู่ชีวิต คู่รักหวาน ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ กับ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร สร้างความซาบซึ้งประทับใจกับโมเมนต์ขอแต่งงานสุดโรแมนติกกลางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ที่ โต๋ ตั้งใจเต็มที่เพื่อแสดงความจริงใจต่อ ไบรท์ และก็ได้หมั้นหมายเดินหน้าสร้างอนาคตไปด้วยกันแล้ว

ล่าสุดก็ขอควงคู่สาดความหวานขึ้นปก นิตยสารแพรว ฉบับ ก.พ.2564 เดือนแห่งความรัก แล้วยังเปิดใจถึงความรู้สึกแบบสุดพิเศษ 9 ปีจากคำว่าแฟนสู่การแต่งงาน
โต๋ เผยว่า “การที่ผมขอไบรท์แต่งงาน สำหรับผมคือการย้ำความมั่นใจของผมและไบรท์ รวมถึงเป็นการบอกครอบครัวผม ครอบครัวไบรท์และประกาศอย่างเป็นทางการให้คนรอบตัวรับรู้ว่าเราตกลงใช้ชีวิตในอนาคตร่วมกันแล้วนะ ทุกอย่างระหว่างเราสองคนไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเยอะ เพราะทุกอย่างดีอยู่แล้ว”
ไบรท์ กล่าวต่อ “อย่างที่โต๋บอกเลยค่ะ (ยิ้ม) ในแง่ความสัมพันธ์ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป ทั้งเรื่องความเข้าใจ ความรักที่มีให้กันสิ่งที่จะเปลี่ยนไป คือเรากำลังก้าวผ่านสเต็ปของชีวิตไปอีกขั้นแล้วนะ เพราะช่วงที่ผ่านมาคุณแม่ของไบรท์ไม่สบาย ไบรท์จึงค่อนข้างจมอยู่กับเรื่องนี้มาตลอด โฟกัสอยู่ที่แม่อย่างเดียวเลย ไบรท์ไม่คิดว่าเค้าจะขอแต่งงานแบบนี้เลย เพราะเราเคยคุยกันหลายครั้งแล้วว่า ไม่ต้องเซอร์ไพรส์นะ แต่เค้าบอกว่าตั้งใจทำให้จริงๆเพราะเค้ารู้ว่าไบรท์เป็นทุกข์ใจเรื่องแม่อยู่ในช่วงยากลำบากของชีวิต แต่พอเค้าขอแต่งงานซึ่งเป็นเรื่องดีมากๆในชีวิต เป็นเหมือนการเติมพลังให้กับไบรท์ และทำให้เข้าใจว่าชีวิตเราต้องเดินต่อไปข้างหน้า และมีอีกคนที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้วนะ (ยิ้ม) ถ้ามองในแง่มุมชีวิตอาจจะเปลี่ยนไปตรงนี้ แต่ถ้าในแง่ความสัมพันธ์ ไบรท์รู้สึกว่ารักเค้ามากขึ้นนิดหนึ่งนะ เพราะสิ่งที่เค้าทำให้พิเศษมากๆ (ยิ้ม)”
...
ก่อนหน้านี้เคยมีเซอร์ไพรส์กันมั้ย?
โต๋ตอบ “ไม่มีเลยครับ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมเซอร์ไพรส์ คู่ของเราเรียบง่ายมาก อีกอย่างคือไบรท์ค่อนข้างรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม บวกกับผมเก็บความลับไม่ค่อยอยู่ และอย่างที่ไบรท์บอกครับว่าผมตั้งใจทำมาก เพราะอยากให้เค้าและครอบครัวมั่นใจ ผมคิดทุกอย่างในหัวคนเดียวเกือบ 2 เดือนล่วงหน้า ซึ่งจริงๆผมวางแผนโครงการแต่งงานทุกอย่างไว้กลางปีนี้ แต่ความที่คุณแม่ของไบรท์ไม่สบาย เราเลื่อนทุกอย่างขึ้นมาให้เร็วขึ้น วันนั้นเราได้เห็นความน่ารักของทุกคนทีมงานรายการช่วยเก็บความลับ เงียบกริบ ทุกคนอยากทำให้ไบรท์มีความสุข เพราะนี่คือครอบครัวของไบรท์ และตอนที่ผมไปขออนุญาตพี่ยุทธ-สรยุทธ พี่ยุทธก็บอกว่าเต็มที่เลยโต๋ (ยิ้ม)”
ไบรท์ เสริมต่อว่า “วันนั้นไบรท์ไม่รู้จริงๆ อาจเป็นเพราะว่ากังวลแต่เรื่องคุณแม่ เลิกงานก็ไปโรงพยาบาลตลอด ซึ่งทุกครั้งที่ไบรท์เครียดเศร้าเค้าจะคอยปลอบเป็นกำลังใจสำคัญให้ไบรท์ ไปอยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลตลอด แล้วเย็นวันก่อนที่เค้าจะเซอร์ไพรส์ ไบรท์ยังนั่งร้องไห้เรื่องแม่กับเค้าอยู่เลย เพราะคุณแม่ต้องสแกนสมอง แต่เค้าเก็บความลับเก่งมาก”

โต๋กล่าวอีกว่า “กำลังใจและคำแสดงความยินดีจากทุกคนรอบข้างจากทุกคนทั่วประเทศ ทำให้ไบรท์กลับไปเป็นคนเดิมที่สดใส ยิ้มและหัวเราะเหมือนเดิม ซึ่งนี่คือสิ่งสำคัญที่ผมอยากให้เค้ารู้ว่าหนทางข้างหน้าเขาจะมีผมอยู่ แต่ผมไม่ได้หมายถึงว่าเค้าจะไม่คิดมากเรื่องคุณแม่นะ ชีวิตมีหลายมุม ตอนแรกผมก็คิดนะหรือจะไม่ต้องเซอร์ไพรส์ แต่อีกมุมการขอแต่งงานก็เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ผมจะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้” สิ่งที่ประทับใจกันที่สุดคืออะไร และช่วยเติมเต็มกันและกันเรื่องไหนบ้าง?
ไบรท์ตอบ “หลายด้านมากๆค่ะ โต๋ทำให้ชีวิตไบรท์สมบูรณ์ขึ้นในหลายมุมมาก อย่างไบรท์ไม่แต่งตัวเลยก็จะมีเค้าคอยช่วยคอยเลือกให้ เค้าเป็นเพื่อนคู่คิดของไบรท์ ส่วนถ้าเป็นเรื่องชีวิต เค้าเป็นส่วนหลักที่มาเติมให้เต็ม ไบรท์ค่อนข้างใช้ชีวิตกับความเป็นจริง ตรรกะสูง ซึ่งเรื่องนี้คล้ายๆกัน ไบรท์คิดว่าหายากนะที่ใครจะมานั่งคุยกับเราได้เป็นเรื่องเป็นราวจริงจังขนาดนี้ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้ความคิดเห็น”
โต๋พูดเสริม “เค้าเข้ามาเติมเต็ม ทำให้ผมได้เรียนรู้หลายๆด้านของชีวิตมากขึ้น ทำให้ผมมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผมโตมากับชีวิตศิลปิน ไม่ค่อยได้ทำอะไรด้วยตัวเอง มีคนดูแลจัดการให้ตลอด และเราไม่เคยคิดถึงการที่จะดูแลคนอื่น เรามุ่งไปที่ฝันของเราอย่างเดียวเลย แต่ไบรท์ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากเทกแคร์คนอื่น คือคิดถึงคนอื่นมากขึ้นนี่คือสิ่งที่เค้าทำให้ผมเปลี่ยนไปครับ”
มองชีวิตหลังแต่งงานไว้อย่างไรบ้าง?
โต๋ตอบ “เราก็ยังเหมือนเดิมผมให้เกียรติเรื่องการทำงานของเค้าเหมือนเดิม ผมคิดว่าเราทั้งคู่ก็ยังทำงานไปอย่างนี้อยู่ ถ้ามีเวลาก็อยากไปเที่ยวด้วยกันเพราะตั้งแต่คบกันมาเราไปเที่ยวกันน้อยมาก แต่เราก็แฮปปี้ที่จะซัพพอร์ตงานของกันและกันเสมอครับ”
...
แพลนอยากจะมีน้องมั้ย?
ไบรท์ “ตอนนี้ต่างคนต่างยุ่ง ที่คุยกันไว้ก็คืออยากมีเวลาพักที่เป็นเวลาส่วนตัวของเราสองคน เพราะที่ผ่านมาเราสองคนทำงานหนักมาก เลยยังไม่ได้คิดไปถึงจุดนั้นค่ะ”.
