รายได้รวมของทีวีดิจิตอลช่องต่างๆในปี 2561 ที่ผ่านมา อยู่ประมาณหลักหมื่นกว่าล้านบาท...เราหมายถึงรายได้รวมทั้งระบบ

แน่นอน...รายได้เหล่านั้นมาจากเม็ดเงินค่าโฆษณา จะมีที่รัฐอุดหนุนจากภาษีบาปภาษีบุญก็เพียงบางช่อง

ซึ่งการจะมีทีวีสาธารณะในรูปแบบรัฐต้องนำเงินที่แสนอัตคัตอยู่แล้วไปอุดหนุน จำเป็นต้องมีต่อหรือไม่?

คงต้องตั้งวงจับเข่าคุยกันในโอกาสอันใกล้...

มาพูดถึงรายได้รวมของแต่ละสถานีกันต่อ ใครจะเชื่อว่าช่องน้องใหม่อย่างช่องเวิร์คพอยท์ จะสามารถแซงช่องมหาชนอย่างช่อง 3 HD เข้ามาอยู่อันดับ 2

หายใจรดต้นคอเจ้าตลาดอย่างช่องมากสีวิกหมอชิต

ผลักช่องน้อยสีต้องเสียหน้าได้แค่เหรียญทองแดง เพราะทั้งปีมีรายได้รวมแค่ 1,800 กว่าล้านบาทเท่านั้นเอง

ที่บ๊วยสุดๆในกระบวนทีวีดิจิตอล ได้แก่ MCOT หรือช่อง 9 อสมท รายได้รวมทั้งปีประมาณ 386 ล้านบาท

ไทยรัฐทีวีช่อง 32 ก็ไม่ถือว่าขี้เหร่ หากเทียบกับสถานีที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน กวาดรายได้ทั้งปี 2561 ได้รวมเกือบๆพันล้านบาท

เมื่อดูรายได้ในภาพรวมและเจาะลึกไปในแต่ละสถานีแล้ว เป็นโจทย์หินที่หนักอึ้งของผู้บริหารทุกช่อง คนดูนั้นยังพอมี

แต่วิธีดู วิธีคิดเขาเปลี่ยนไป ผู้บริโภคหันไปดูทางแพลตฟอร์มใหม่ๆ

เครื่องรับโทรทัศน์รูปแบบเดิมกำลังจะเป็นตำนาน เหมือนเครื่องเล่นเทป แผ่นเสียง วิดีโอ DVD ฯลฯ

นวัตกรรมแบบพกพาคือเจ้าตลาด

ถ้าไม่รีบปรับปรุงปรับตัวให้กลืนกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ

ที่สุดทีวีดิจิตอลก็อาจจะกลายเป็นสื่อระดับวิทยุ AM ที่แทบจะไม่มีใครเหลียวแลอย่างในวันนี้...

“สันติพงษ์ นาคประดา”.

แจ๋วริมจอ

...