เจอทั้งงานหิน งานยากแต่ก็คุ้มเหนื่อยสุดๆ เพราะมีแต่กระแสชื่นชมท่วมท้นจนเป็นละครฮอตเปรี้ยงเพียงแค่ข้ามคืน!! สำหรับ ญาญ่า–อุรัสยา เสปอร์บันด์ นางเอก สาวจากละคร “กลิ่นกาสะลอง” ทางช่อง 3 ต้องสวมบทบาท 4 คาแรกเตอร์ นิสัยต่างกันสุดขั้ว ใช้พลังเยอะ แฮปปี้กว่านั้นที่ได้ร่วมงานกับพระเอกตี๋หล่ออย่าง เจมส์ มาร์ เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีทำให้กล้าเล่นเต็มที่โดยเฉพาะเลิฟซีน ไม่หวั่นณเดชน์ คูกิมิยะ แฟนหนุ่ม จะแอบหวง แอบเคืองเพราะต่างคนไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของกันและกันอยู่แล้ว ใน “คนดังนั่งคุย”
เรื่องถามหลายคาแรกเตอร์เหลือเกิน
“หลายคาแรกเตอร์แต่ก็จริงแต่ต่างกันมากๆ กาสะลอง ซ้องปีบ พริมพี่ มีอะไรที่แตกต่างกันออกไป โดยที่ไม่ได้รู้สึก 4 ตัวยากจัง พี่ปุ๊เขียนมาให้มันต่างกัน เท่ากับเราเล่นละคร 3 เรื่องใน 1 เรื่องใช้พลังเยอะกว่าทุกเรื่อง ตอนถ่ายนี่ไม่ได้นั่งเลยค่ะ” ผีกาสะลองออกมาน่ากลัว มีความแค้นอะไรขนาดนั้น “จากที่เปิดเรื่องเลยโดนพ่อและน้องสาวขังและโดนข่มขืน ตายในนั้นโดยที่รอเพราะพระเอกสัญญาว่าจะมาช่วย เป็นวิญญาณอยากให้ทุกคนรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เล่นเป็นผีเล่นเองกลัวเองด้วยมั้ย “ในระดับนึงค่ะ แต่เป็นผีไม่ได้แต่งหน้าดูน่ากลัว ยังเป็นผีมาสวยๆ เพื่อให้พระเอกจำเค้าได้ ถึงแม้สภาพตายจะไม่ดี ด้วยอิทธิฤทธิ์ทำให้ตัวเองสวยได้”
ตอนนี้กระแสคนเกลียด พริมพี่ เยอะเลย
“เป็นตัวละครตัวนึงที่คนจะไม่รักแต่เค้าอยู่แค่ 2 ตอนก็ตกเหวแล้วไม่ได้อยู่นาน พริมพี่ คือแฝดน้อง ซ้องปีบมาเกิดค่ะ จะร้ายก็ไม่ร้ายแค่ไม่มีคนรักจริงๆ เอาแต่ใจ” ญาญ่าได้อ่านกระแสคอมเมนต์บ้างมั้ย “ยังไม่ได้อ่านเลยแต่อย่างที่บอกเป็นตัวน่ารำคาญ จริงๆ จำตัวละครตัวนี้ไม่ค่อยได้เพราะเล่นน้อยสุด มาอีกที ตอนไหนบอกไม่ได้ แทบไม่มีบทบาท เป็นตัวละครที่คนไม่รักเพราะเค้ามีบาปกรรมมาเยอะจากชาติที่แล้ว” ถึงบทจะมีความยากแล้วความสนุก ที่ได้เล่นเรื่องนี้ “สนุกที่เป็นทาเลนจ์ (ความสามารถพิเศษ) เล่นยังไงก็ได้ให้ 4 ตัวละคร เล่นไม่ให้เหมือนกันทั้งหมด มีหลายคาแรกเตอร์ที่คนคาดไม่ถึงด้วยว่ามี มันเยอะมากเราจะเล่นยังไงไม่ให้เหมือนกัน หน้าหนูก็เหมือนเดิม เมกอัพไม่ได้เปลี่ยนเลย เปลี่ยนแค่เสื้อผ้า แต่เราเล่นยังไงไม่ให้เหมือนกันมันยากตรงนี้ ยากสุด สีหน้าแววตาต้องต่าง เป็นละครที่แคสน้อยสุดเท่าที่เล่นมา”
...

ต้องพูดภาษาเหนือด้วยยากมั้ย
“ชอบค่ะ หนูว่ามันน่ารักมากๆ เป็นสำเนียงที่ฟังดูแล้วเพลิน พูดก็เพลิน” ฝึกนานมั้ย “ไม่ได้นั่งฝึกเค้าจะส่งวอยซ์มา เราแค่ก๊อบเสียง อารมณ์นั้นไม่ได้เทกคอร์ส ไม่เหมือนตอนที่เล่นเรื่องนาคีอันนั้นต้องเทกคอร์ส ภาษาอีสานเพราะเรามีเวลาน้อย เดือนนึงก่อนถ่ายมานั่งเรียนภาษาอีสานแต่อันนี้ส่งเสียงมาให้แล้วเราก็พูดตาม ภาษาเหนือง่ายกว่า มีเสียงไกด์นำ คำนี้พูดอย่างนี้ สำเนียงจะเป็นอย่างนี้” ช่วงถ่ายละครต้องพูดภาษาเหนือทำให้ติดปากเวลาต้องพูดปกติบ้างมั้ย “นิดนึงค่ะ เหมือนตอนที่ต้องพูดภาษากลางปกติจะขึ้นจมูกนิดหน่อยไม่ได้ติดมาก หนูรู้สึกเรายิ่งติดยิ่งดีค่ะมันพูดเยอะ พูดทั้งเรื่อง (หัวเราะ)” นอกจากฝึกพูดภาษาเหนือ ยังต้องเรียนรำ ฝึกนานมั้ย “รำนิดเดียวเลยค่ะ น้อยมากๆ ของเจมส์ ต้องทำอะไรเยอะกว่าหนูต้องเรียนสะล้อ ฝึกการต่อสู้ ของหนูแค่รำแต่น้อยมากๆ หัดรำ 2 ชม.เอง” คนชอบญาญ่ารำดูสวย ไม่แพ้มืออาชีพ “อันนี้ต้องขอบคุณต้นทุนเรียนรำอีสาน ตอนรำนาคี การรำมันเป็นอินเนอร์ค่ะ ท่าพื้นฐานการรำบอกเลยศูนย์มาก ที่โรงเรียนไม่ได้มีเรียน จะมาเรียนเมื่อต้องใช้จริงๆ พอได้รำก็ชอบนะคะ แต่เมื่อยมาก หนูว่าเป็นการฟ้อนเล็บ ที่มีเสน่ห์มากๆ เรารำสะโพกติดเอว เห็นสรีระของผู้หญิงได้ดีมาก มือก็ต้องอ่อน รำภาคเหนือยากกว่ารำภาคกลางและอีสานเพราะมันเนิบ ก็จะเมื่อยกว่า ดีว่ามีฉากเดียว คัตเดียวค่ะ”
ร่วมงานกับเจมส์ มาร์ เข้าขากันได้ดีใช่มั้ย
“ดีค่ะ โชคดีรู้จักกันอยู่แล้ว ด้วยบทที่มันยากแบบนี้แล้วเราต้องเริ่มใหม่กับคนที่เราไม่รู้จักมาก่อน มันก็จะเหนื่อยเข้าไปใหญ่ ก็รู้จักเจมส์อยู่แล้ว ไม่ต้องมาเริ่มจากศูนย์เพื่อทำความรู้จักกัน อายุเท่ากันเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว เล่นก็ใส่กันเต็มที่ เจมส์มีความเป็นฝรั่ง หนูก็มีความเป็นฝรั่ง ตอนที่เล่นฉากอะไรจริงๆ คือนักแสดงบางคนเราจับหัวเค้าไม่ได้ เราเล่นแรงกับเค้าไม่ได้แต่อันนี้เราเป็นเพื่อนกัน ฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ได้ (หัวเราะ) จะจับหัว จะกระชากก็ได้ คือไม่ได้หรือไม่รู้นะแต่คิดว่าได้ไว้ก่อนว่าได้เพราะยังไงเป็นเพื่อนกัน มาคุยกันทีหลังได้ เคลียร์กันได้ ซึ่งโชคดีมากๆ ถ้าหนูต้องแยกสมองคอยดูคนที่เราร่วมงานด้วยเป็นยังไง หนูคงเครียดตายเพราะจะต้องจำหลายอย่าง จำบททุกตัว พอเราได้เพื่อนร่วมงานที่ดี ชีวิตเราก็ง่ายขึ้น และเจมส์เป็นคนที่ตั้งใจทำงานด้วย บทไม่เคยผิด” เจมส์ชมญาญ่าเล่นเก่ง และทึ่งในความสามารถของเราอยู่ “หนูว่าหนูอึดและถึกมากกว่า (หัวเราะ)”
เวลาเข้าฉากเลิฟซีนด้วยความเป็นเพื่อนกันมีเขินหรือขำกันขนาดไหน
“เขินและขำแต่ส่วนมากคือเขิน คนน่าจะเห็นตอนแรกๆ มุมภาพสวย ไอเดียดี พี่สันต์ ผู้กำกับและทีมเก่งมาก กลายเป็นเลิฟซีนไม่ธรรมดา มีรสชาตินึง ละครช่อง 3 อาจจะไม่ค่อยได้เห็น ก็สนุกดี โชคดีเรารู้จักกันไม่อย่างนั้นคงไม่เล่น ง่ายๆ สั้นๆ (หัวเราะ) ” เล่นจริงจูบจริงแฟนๆ ฟิน “หนูจูบจริงทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะ ถ้าพาร์ตเนอร์ของเราทำให้เรารู้สึกมั่นใจเราก็โอเค ส่วนมากเล่นจริง ยกเว้นคนที่เราไม่สนิทก็ไม่กล้าเล่นจูบจริง โชคดีเป็นเจมส์ ด้วยมุมภาพ วิธีเล่า มันก็มากกว่าผู้กำกับท่านอื่นๆ ที่เคยร่วมงานด้วย พี่สันต์เก่งมากๆ เก่งสุดๆ หนูทึ่งมาก อะเมซิ่งมาก ทุกอย่างที่เค้าทำเป็นแพชชันที่สูง เค้ามีไฟในการทำงานเยอะมาก อะไรที่เค้าให้เราทำ เราก็สนุกที่จะทำเต็มที่ค่ะ”
...
ทางเจมส์บอกว่าโดนพี่ณเดชน์แซวเรื่องเลิฟซีนกับญาญ่าด้วย
“เหรอคะ ไม่เคยคุยเรื่องนี้กันจริงๆ เพราะว่าเป็นการทำงาน เราไม่ได้ซีเรียสกัน” เวลาถ่ายฉากนี้ ณเดชน์จะรู้ใช่มั้ยญาญ่าเล่นฉากนี้ “ไม่ขนาดนั้น ปกติไม่ค่อยเล่าเรื่องงาน เค้าคุยกันเองหรือเปล่า? อ่อๆ รู้แล้วค่ะ วันก่อนเค้านั่งคุยกัน มีเจมส์ มีพี่อ๋า ผู้จัดของเค้าว่าเลิฟซีนมีเยอะอยู่ เพราะหนูเล่น 4 ตัวเพราะฉะนั้นจะได้เล่น 4 รอบ เล่นได้หลายรอบอยู่ แต่พี่ณเดชน์ไม่ได้แซวอะไรมากแค่พูดว่าโอ๊ย...ย โชคดีจังเลย คุ้มอะ แต่เค้าเแซวเจมส์ เท่านั้นค่ะ” ปกติเล่นฉากหวานๆ เลิฟซีนจะมีเล่าให้พี่เค้าฟังก่อนมั้ย “ไม่ค่ะ ตัวเค้าก็ไม่ได้เล่าและไม่ได้ซีเรียส มันคืองานอันนึงไม่ได้รู้สึก ยกเว้นถ้าดูละครแล้วรู้สึกก็จะแหม่ๆๆๆ ทีหลัง ยังไงแล้วหนูเห็นเวลาพี่ณเดชน์เล่นกับนางเอกคนอื่น หนูก็อยากให้คนดูจิ้น พระนาง อยากให้คนฟินสิ่งนั้น หนูก็เชื่อว่าเล่นกับผู้ชายคนไหนก็อยากให้คนดูรู้สึกว่าเค้ารักกัน มันต้องเป็นแบบนี้ เชื่อในตัวละครพระ นางทุกครั้ง”

...
ล่าสุดญาญ่าได้ไปเจอพี่อั้ม–พัชราภา เป็นยังไงบ้าง
“รู้สึกบิวตี้ฟูล สวยมาก” ทำไมเจอกันได้ “หนูไปขายเสื้อผ้าที่ AB Fab เป็นตลาดนัดที่มีเสื้อผ้าดาราซึ่งเป็นเพื่อนของพี่อั้ม แล้วพี่อั้มไปขาย หนูกำลังย้ายบ้านก็เลยอยากเอาของไปโละทิ้งแต่มีคนแนะนำให้ไปขายแทน โชคดีที่มีอันนี้ และจริงๆ พี่อั้มเสร็จนานแล้ว แต่พี่อั้มมาอยู่เป็นเพื่อนหนูเฉยๆ เค้ารู้ว่าหนูจะมา ซึ่งหนูเจอพี่อั้มหลายครั้งมากๆ แค่คนไม่รู้เท่านั้นเอง” เจอพี่อั้มนี่คนแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นโมเมนต์ความดีใจของญาญ่าขนาดนี้มาก่อน “อ่อๆ ไม่คิดว่าพี่อั้มจะอยู่เป็นเพื่อนหนูเพราะที่นั่นร้อนมาก พี่อั้มหน้าแดงแล้วแต่พี่อั้มก็ยังนั่งเป็นเพื่อนหนู ช่วยขายของ ซึ่งไม่ต้องทำก็ได้ เค้าอยู่เป็นเพื่อน หนูรู้สึกโอ๊ย...ย ไม่ได้แค่สวยอย่างเดียวแต่น่ารักด้วย ชอบพี่อั้มมากค่ะ เป็นผู้หญิงคนนึง วูเมนส์ เพาเวอร์มากๆ สวยและทำงานหนัก มีจุดยืนที่ชัดเจน และทุกคนนับถือ ทัศนคติในการทำงานดีค่ะ พี่อั้มไม่เคยไปทำงานสาย ทำทุกอย่างเต็มที่ และหนูชอบ เป็นผู้หญิงที่สวยและเข้มแข็งมาก” ความเป็นพี่อั้ม ญาญ่าได้พลังหรือแนวทางชีวิต “หนูอยากหุ่นเหมือนพี่อั้มสักครึ่งก็ค่ะ อยากดูแลตัวเองให้ดีเท่าพี่อั้ม ทุกสิ่งทุกอย่างพี่เค้าเพอร์เฟกต์มาก หุ่นดีมากๆๆ อยู่ด้วยรู้เลยมีพลังที่สูง เราได้พลังกลับมาเหมือนกัน” สองนางเอกเจอกันทุกคนยิ้มตาม “แฟนคลับหนูบอกว่าวันนี้คุ้มจังเลยได้เจอพี่อั้มด้วย (หัวเราะ) หนูเป็นติ่งพี่อั้ม ฟิน ทุกคนบนโลกใบนี้เป็นติ่งพี่อั้มค่ะ แน่นอนฟันธง เพราะเพื่อนหนูทักคนบอกอิจฉาที่หนูได้เจอพี่อั้มได้กอดพี่อั้มค่ะ”
...
ความรักตอนนี้เราเริ่มชัดเจนมากขึ้น ทำให้เราคลายกดดัน ผ่อนคลายขนาดไหน
“ไม่เคยรู้สึกกดดันกันอยู่แล้วค่ะ ก็สบายๆ ไม่ได้ชี้นิ้วต้องเป็นแบบนี้นะ เวลานี้นะ อะไรแบบนี้ เป็นบุคคลที่เชื่อเรื่องพรหมลิขิต มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไม่ได้ซีเรียสค่ะ เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ได้ตั้งใจว่าวันนี้จะชัดนะ วันนี้ไม่ชัดนะ ทำทุกอย่างตามความรู้สึกเพราะเวลาทำงานก็เครียดพออยู่แล้ว” แค่ทุกคนรอฟังคำชัดเจนของเราสองคน “ค่ะ เข้าใจค่ะ คำที่ทุกคนบอก รอโมเมนต์ที่ถูกต้อง หนูว่าไม่มีโมเมนต์นี้ค่ะ เมื่อไหร่ที่มันเกิดขึ้นก็เมื่อนั้นไม่เห็นต้องเครียดเลยก็ปล่อยตามความรู้สึกไป” ทุกวันนี้มีเวลาเจอกันมากขึ้นมั้ย “ไม่ค่อย เพราะหนูทำงานทุกวัน พี่ณเดชน์ก็ทำงานทุกวัน วันไหนที่ว่างจริงๆ ก็ได้เจอหนูว่าหนูเจอแม่แก้วบ่อยกว่าเจอพี่ณเดชน์ค่ะ (หัวเราะ) ”
ตอนนี้ไอจีของแม่แก้วลงโพสต์แต่รูปญาญ่ามากกว่ารูปณเดชน์ไปแล้วนะ
“เราต้องแบ่งกันค่ะ หมายถึงหนูกับพี่ณเดชน์จะต้องแบ่งพื้นที่ในไอจี คือแม่แก้วเป็นคนแอ็กทีฟมากๆ ในไอจี ในโซเชียลมีเดียเพราะฉะนั้นแม่แก้วจะลงรูปหลายรูปต่อวัน แม่แก้วอาจจะเบื่อลงรูปพี่ณเดชน์ก็เลยอยากลงรูปหนูบ้าง” เวลาแม่แก้วจะลงรูปญาญ่ามีบอกเราก่อนมั้ย “ไม่ค่ะ ไม่ซีเรียสเลยค่ะ ตามสบายเพราะรูปสวยทุกรูปหนูโอเคค่ะ คือแม่จะลงรูปยังไงก็ได้ ขอแค่หน้าหนูดูสวยก็พอค่ะ” ด้วยวัยขนาดนี้เริ่มมองอนาคต ชีวิตแต่งงาน ชีวิตครอบครัวบ้างหรือยัง จะต้องเป็นแบบไหนยังไง “ไม่ขนาดนั้นค่ะ ไม่รู้ค่ะ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นไม่ได้อยากชี้ว่าตอนนี้ พรุ่งนี้ ในปี 2 ปี 3 ปี ไม่ได้คิดขนาดนั้นแค่รู้ว่าในอนาคตหนูจะมีความสุขพอแล้วค่ะ”
ทีมข่าวบันเทิง