ได้27กม.เปลี่ยนนั่งรถแทน จัดระเบียบใหม่‘แฟนคลับ’ สรุป4วันยอดบริจาค73ล้าน

“ตูน บอดี้สแลม” ออกวิ่งวันที่ 4 จากยะลาเข้าปัตตานี เกิดอาการเจ็บหลังและขา แต่ยังกัดฟันสู้วิ่งฝ่าสายฝนท่ามกลางประชาชนมารอต้อนรับให้กำลังใจเนืองแน่นเต็ม 2 ข้างทาง คาดสาเหตุจากวิ่งๆ หยุดๆ จับมือทักทาย รับเงินบริจาค และถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้าน สุดท้ายไม่ไหว แพทย์ประจำตัวและทีมงานต้องให้ยุติกลางคันหลังวิ่งมาได้ 27 กม. ไม่ถึงจุดหมายที่วางไว้ หวั่นบาดเจ็บเพิ่มส่งผลกระทบระยะยาว เจ้าตัวยัง แสดงสปิริตนั่งรถตู้ไปร่วมกิจกรรมมอบทุนการศึกษาให้โรงเรียนตามกำหนดการเดิม ส่วนยอดเงินบริจาคเข้าโครงการแล้วกว่า 73 ล้านบาท

ประชาชนทั่วประเทศยังส่งกำลังใจให้นักร้องหนุ่ม “ตูน บอดี้สแลม” หรือนายอาทิวราห์ คงมาลัย พร้อมทีมงานที่ออกวิ่งตามโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” จากใต้สุดของประเทศ ไทยที่ อ.เบตง จ.ยะลา ไปเหนือสุด อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระยะทาง 2,191 กม. จะใช้เวลาวิ่ง 55 วัน ตั้งเป้าระดมเงินบริจาค 700 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาล 11 แห่ง ออกสตาร์ตเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ผ่านไป 3 วัน มียอดเงินบริจาคแล้วกว่า 67 ล้านบาท

วันที่สี่ของการวิ่งโครงการก้าวคนละก้าว เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 พ.ย. นักร้องหนุ่ม “ตูน บอดี้สแลม” เริ่มออกวิ่งจากสถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ผ่านศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. วงเวียนศาลหลักเมืองยะลา เลี้ยวซ้ายออกถนนเทศบาล 1 ผ่านสำนักงานอัยการจังหวัดยะลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา รพ.ศูนย์ยะลา จุดตรวจท่าสาป แวะทำกิจกรรมที่โรงไฟฟ้ากัลฟ์ ยะลากรีน จำกัด ผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่ร่วมบริจาคเงินไปก่อนหน้านี้ 10 ล้านบาท

...

จากนั้นตูนพร้อมคณะออกวิ่งต่อถึง ต.ลำใหม่ อีก 5 กม. ก่อนจะเข้าเขตบ้านปากล่อ ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ปรากฏว่า ตูนต้องเข้าพักชั่วคราวที่ทำการไปรษณีย์ตำบลลำใหม่ เนื่องจากมีอาการเจ็บขาจากเส้นเอ็นยึด ปวดหลัง และเอวเล็กน้อย ตูนกล่าวว่า อาการไม่หนัก พร้อมจะสู้เพราะชาวบ้านมารอตั้งนานแล้ว ใช้เวลาพักประมาณ 50 นาที จึงออกวิ่งต่อไปได้ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตลอดเส้นทาง ยังคงมีชาวบ้านมารอให้กำลังใจ ถ่ายรูปเซลฟี่ พร้อมบริจาคเงินจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

จนกระทั่งเวลา 12.00 น. ตูนพร้อมทีมงานวิ่งมาถึงเขตรอยต่อระหว่าง ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา กับ ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี มีนายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผวจ.ยะลา ตามมาส่ง และนายเศวต เพชรนุ้ย นายอำเภอโคกโพธิ์ และชาวบ้านในพื้นที่มาคอยต้อนรับให้กำลังใจตะโกน “ตูน สู้ๆ” จากนั้นวิ่งไปถึงจุดพักแรกที่วัดธนาภิมุข หมู่ 6 ต.ปากล่อ ในเวลา 14.30 น. มีนายพงศ์เทพ ไข่มุกด์ รอง ผวจ.ปัตตานี มารอต้อนรับ ท่ามกลางประชาชนกว่า 500 คน แห่มาร่วมให้กำลังใจและบริจาคเงินจำนวนมาก

ระหว่างนั้นตูนเกิดอาการบาดเจ็บที่หลังขึ้นมาอีก ทีมงานคาดว่าเกิดจากลักษณะการวิ่งที่ไม่ปกติ เนื่องจากตลอดเส้นทาง ตูนจะเข้าไปทักทายจับมือประชาชน รับเงินบริจาค รวมทั้งต้องถ่ายเซลฟี่ในลักษณะนั่งยองๆและก้มตัว ทำให้เกิดอาการปวดหลัง และเจ็บขาที่ต้องวิ่งๆ หยุดๆ ไม่ต่อเนื่อง แพทย์ของทีมได้ปฐมพยาบาลและกายภาพบำบัดเพื่อลดการอักเสบของกล้ามเนื้ออยู่นานประมาณ 45 นาที แพทย์ประจำตัวและทีมงานลงความเห็นว่าไม่สมควรให้ตูนวิ่งต่อเพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น และอาจจะส่งผลต่อการวิ่งระยะยาว จำเป็นต้องยุติการวิ่งในวันนี้ไว้เพียงแค่นี้ รวมระยะทางจากจุดที่ออกวิ่งมาตั้งแต่ช่วงเช้าประมาณ 27 กม.

แต่เนื่องจากมีประชาชนกว่า 1,000 คน มารอต้อนรับตูนอยู่ที่โรงเรียนบ้านยางแดง ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จุดพักที่สองตามกำหนดการวิ่งของวันนี้ ทีมงานจึงให้ตูนนั่งรถตู้เดินทางไปยังโรงเรียนดังกล่าวห่างจากจุดแรก 15 กม. เพื่อไม่ให้ทุกคนที่มารอตั้งแต่เช้าต้องผิดหวัง เมื่อคณะของตูนเดินทางมาถึง มีนักเรียนและประชาชนยืนต้อนรับเป็นแถวยาวเนืองแน่นตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียนไปจนถึงอาคารเรียนซึ่งเป็นจุดจัดกิจกรรม แต่เนื่องจากตูนมีอาการบาดเจ็บจึงต้องให้นั่งรถเข้าจอดใกล้อาคารเรียนที่จัดกิจกรรมให้มากที่สุด

ทันทีที่ตูนออกจากรถ ประชาชนนับพันต่างตบมือส่งเสียงให้กำลังใจ ตูนก็โบกมือทักทายพร้อมรอยยิ้มก่อนเข้าไปร่วมกิจกรรมมอบทุนการศึกษา 10,000 บาท แก่นักเรียนที่เรียนดี 2 ทุน และมอบเงิน 50,000 บาท และอุปกรณ์การกีฬาให้กับโรงเรียน จากนั้นมีหน่วยงานต่างๆ และประชาชนบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าวฯ จำนวนมาก หลังเสร็จกิจกรรม ตูนพร้อมคณะขึ้นรถเดินทางกลับไปนอนที่ จ.ยะลา สำหรับเงินบริจาคเข้าโครงการถึงวันที่ 4 มียอดรวมกว่า 73 ล้านบาท ส่วนกำหนดการวันที่ 5 พ.ย. เวลา 04.30 น. ตูนจะเริ่มออกวิ่งจากวัดธนาภิมุข ไปตามถนนสาย 409 ผ่านแยกนาเกตุ เข้าสู่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

...

นพ.ธเนศ เติมกลิ่นจันทร์ นายแพทย์ชำนาญการกลุ่มงานประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นถึงการวิ่งของตูน บอดี้สแลม ว่า การวิ่งได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมร่างกายของแต่ละบุคคล หากไม่เคยฝึกซ้อมมาก่อนก็มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นขึ้นได้ แต่หากออกกำลังกายแบบหักโหมโอกาสจะเกิดโรคกล้ามเนื้อสลายก็มีได้ เพราะปกติกล้ามเนื้อของคนเราจะเป็นอวัยวะที่ใช้พลังงานสูง จะใช้ไกลโคเจนและไขมันเป็นหลัก การทำงานมากๆ และไม่ได้ฝึกมาก่อน กล้ามเนื้อใช้พลังงานไม่ทันจะทำให้เซลล์กล้ามเนื้อแตก แต่หากออกกำลังกายบ่อยๆ ร่างกายจะมีระบบซ่อมแซมก็ไม่มีปัญหาอะไร

ทั้งนี้ จะพบโรคกล้ามเนื้อสลายใน 2 กลุ่มคือ กลุ่มนักยกน้ำหนักและนักวิ่งมาราธอน กรณีตูนที่วิ่งแบบอัลตร้ามาราธอน เชื่อว่าในทีมมีแพทย์คอยดูแล และตูนก็เคยผ่านการวิ่งมาแล้วจึงไม่น่ากังวลมาก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยง เช่น เกิดการเจ็บป่วย ท้องเสีย อากาศร้อนและชื้นมาก ระหว่างวิ่งไม่ได้บริโภคน้ำที่เพียงพอ หรือดื่มน้ำมากเกินไป แต่ที่สำคัญห้ามรับประทานยากลุ่มเอนเสด ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ทั้งก่อน หลัง และระหว่างการวิ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดกล้ามเนื้อสลายและไตวายเฉียบพลันได้

ต่อมาเวลา 20.00 น. ทีมงานของตูนได้ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กเพจก้าว ระบุว่า จาก 4 วันที่ผ่านมา พบปัญหามีประชาชนจำนวนมากมาต้อนรับให้กำลังใจจำนวนมาก บางคนถึงขั้นจอดรถกลางถนนทำให้การจราจรติดขัด เป็นเรื่องที่ตูนให้ความเป็นห่วงตั้งแต่แรก โดยเฉพาะเรื่องอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทีมงานจึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ไปรอถ่ายรูปเซลฟี่และมอบเงินบริจาคได้ที่จุดเช็กพอยต์ ตามเส้นทางที่กำหนดการวิ่งในแต่ละวัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่ตูนกล่าวว่า ผ่านยะลามา 1 จังหวัดแล้วต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่อำนวยความสะดวก รวมถึงทหารตำรวจที่มาดูแลความปลอดภัย และประชาชนที่มาให้กำลังใจ มอบเงิน อาหาร เครื่องดื่ม บางคนนำสะตอมาให้ รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก หวังว่าในวันข้างหน้าจะกลับมาเที่ยวจังหวัดยะลาอีกครั้ง

...