นับถอยหลังไปกับความสนุกสุดแซ่บแบบเกินๆ สำหรับเจนนิเฟอร์ คิ้ม ดีว่าตัวแม่เมืองไทย บนเวที “เกินคิ้ม Concert” ที่จะเกิดขึ้นวันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน 2566 ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี แถมงานนี้ไม่ได้มาเดี่ยวแต่ขนทัพแขกรับเชิญตัวพ่อ ตัวตึง ตัวจี๊ด อย่างตูน บอดี้สแลม, แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก, ตั๊ก–ศิริพร, จ๊ะ–นงผณี แต่ละคนพร้อมขน “มุก” มาฟาดแบบไม่กลัวเมื่อยกราม WORLD ARTISTS การันตีความสนุกสุดเหวี่ยง งานนี้เจนนิเฟอร์ คิ้ม มาคอนเฟิร์มด้วยตนเอง ผ่าน “คนดังนั่งคุย”

กับคอนเสิร์ตครั้งนี้มีความเกินยังไงบ้าง

“คอนเสิร์ตครั้งที่ 7 ในชีวิต ทุกครั้งเราจะคิดว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายเสมอ ด้วยวัยเราอายุ 50+ ไปแล้ว ครั้งนี้เฉียดกับคำว่าครั้งสุดท้ายจริงๆ หลายๆ คนพูดว่ายังร้องเพลงได้อีกเยอะ แต่เรารู้สึกว่า กว่าจะรวบรวมผู้คนมาดูเราได้ 1 รอบ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่าย แต่ครั้งนี้เราจะรวบรวมเอาทุกอย่างในชีวิตเราจริงๆ มีเรื่องเล่น เรื่องคุยที่อยากเล่า ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ใช้ชื่อว่า เกินคิ้ม มันจะเกินกว่าที่เค้าเคยเห็นเรา เกินกว่าที่เค้าคาดคิด และจะเกินคำว่าคุ้มค่า อย่างน้อยที่สุดเพลงเราจะเยอะมาก เล่นเพลงของศิลปินดังๆ ยุค 90 จนถึงปัจจุบันเราจะนำมารวมเป็นเมดเลย์ เพราะคำว่าเมดเลย์ เราไม่ต้องร้องยืดยาว ทุกคำทุกประโยคคนดูร้องได้แม่นยำกว่าเราอีก บางครั้งคนชอบคิดว่านักร้องทำให้คนดูสนุก แต่เราเป็นนักร้องหนึ่งคนที่คิดว่าจะสนุกหรือไม่สนุกขึ้นอยู่กับคนดู ถ้าคนดูมีแววตาน่าสนุก ทำให้เราอยากร้องสนุก คุยสนุก คนดูจะเป็นจุดเริ่มต้น ใครที่มาดูคอนเสิร์ตตอนเราอายุ 56 แล้วก็เหมือนมางานแซยิดเรานะ (หัวเราะ) พี่ถือว่าเค้าคือแฟนคลับตัวจริง เพราะในวันสำคัญของเรา เราต้องการกำลังใจ แต่เขามาสนับสนุนเรา เพื่อที่เราจะมีแรงทำให้เขามีความสุข ใครมาวันนั้นเราจะรักเค้าฉิบเลย ไม่รู้จะไปทดแทนบุญคุณยังไง ถ้ามีลูกจะให้ลูกบวชแต่ถ้ามีผัวเด็กบวชให้ มันเป็นความรู้สึกอย่างนี้”

...

ยิ่งทำให้เราใจฟูใช่มั้ย

“ใจฟูตั้งแต่ช่วงบนยันท่อนล่างฟูไปทั้งตัวเลย (หัวเราะ) ทุกวันนี้ลูกๆ กะเทยชอบพูดกับพี่ว่า แม่ฉ่ำมั้ย? คือฉ่ำมากในความหมายคืออิ่ม มันเต็มมันล้นจะเป็นคอนเสิร์ตนึงฉ่ำมาก ความจดจำในช่วงโมเมนต์นั้นเราจะจดจำเหมือนทุกๆ สายตาที่มองเราจะมีพลังบางอย่างให้เรารู้สึกได้ วันแรกที่อยากเป็นนักร้องตอนวัยรุ่น 10 กว่าๆ จนอายุ 56 คนเหล่านี้ยังมา เราอายุมากแล้วไม่ได้อยู่ในกระแสอะไรใดๆ แต่เค้ายังอยากฟังเสียงเรา นี่ตัวจริงของฉัน เราไม่ได้เรียกเขาว่าเอฟซีแต่เราเรียกเขาว่าญาติ พี่เป็นคนชอบนับญาติกับคนอยู่แล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงตรงนี้มีเรื่องนั้นเรื่องโน้น วุ่นวายมากมายที่ทำให้คนออกจากชีวิตเราตลอด แต่เขายังเป็นกำลังใจให้เราจนถึงวันนั้น คนพวกนี้เหมือนญาติเราจริงๆ การวัดความเป็นนักร้องของเราจะวัดความรักของเรามันต้องวัดในวันที่ชื่อเสียงเราลง ไม่ใช่วันที่เราขึ้น เวลาที่น่ากลัวที่สุดเวลาที่เราขึ้นเพราะเราสามารถเลวได้สุดๆ แต่เวลาที่เราลงเราจะเห็นคนอื่นเห้ย! เลวๆกับเราสุดๆเหมือนกัน ซึ่งอันนั้นทำอะไรเราไม่ได้หรอก”

เป็นเพราะพี่คิ้มผ่านเรื่องราวทั้งสุข ทุกข์มาหมดแล้วหรือเปล่าเลยทำให้เข้าใจโลก “เจอมาหมดแล้วจริงๆ จนแบบว่า อย่าบอกว่าไม่รู้สึกอะไร รู้สึกตลอดแต่จับมาปุ๊บแล้วปล่อยวางได้ทันที เพราะว่าสิ่งนึงที่เรารู้สึกว่าไม่ว่าจะดีหรือร้ายคนนี้จะยังอยู่กับเรา ไม่ว่าทำอะไรจะอยู่ข้างนะๆ”

ทำให้นึกถึงหน้าพี่โก้ แซกแมน เลยเหมือนเป็นเงากันและกัน “พี่โก้ก็เป็นคนนึงในชีวิตที่สำคัญ อยู่เคียงข้างเรา คำว่าอยู่เคียงข้างไม่ได้หมายความว่าเค้ามายืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้คุยกันทุกวันแต่เขาจะมีเวลาที่สำคัญคือเค้ารู้ได้อย่างไร วันที่เราอยากได้เขามา มันเหมือนกับว่า...เราเป็นคนเชื่อเรื่องพลังของจิต เคยเป็นมั้ย? เวลาเราอยากโทร.หาใครแล้วคนนั้นโทร.มาหาเรา อยากเจอหน้าใครแล้วคนนั้นมาหาเรา อยากกินอะไรได้กินสิ่งนั้น มีคนซื้อให้กิน”

หลังๆส่งกระแสจิตถึงพี่โก้บ่อยมั้ย “ไม่ค่อยส่ง หลังๆ โทร.ไปจะเป็นต่างประเทศเพราะมันชอบบินไปต่างประเทศ ไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ใช่แค่โก้นะ ท็อป-ดารณีนุช พี่ก้อง-ปิยะ หรือพี่บางคนไม่ได้อยู่แวดวงการแต่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก เขาไม่เคยว่า ไม่เคยตำหนิ ไม่เคยถามด้วยทำไม ถ้าเกิดความผิดพลาดใดๆ เขาจะพูดว่าเอาน่ะๆ ทำไปแล้ว เดี๋ยวมันจะผ่านไปเอง รู้ไหมคนอื่นเกลียดเราไม่ตายหรอกแต่ถ้าเราเกลียดตัวเองสิตาย”

“พี่ไม่ได้เก่งเพราะผ่านร้อนผ่านอะไรมาเยอะหรอก พี่โชคดีที่เตี่ยพี่ แม่พี่เป็นคนสอนให้เราเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักพี่รักน้อง เป็นคนมีระเบียบ เตี่ยพี่จะสอนให้รู้จักข้อเสียของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก หน้าตาไม่สวยนะ แต่ถูกทดแทนด้วยสติปัญญาและความฉลาดของเรา ถ้าเป็นแบบนี้จะเป็นแบบนี้ ยอมรับก่อนเราไม่ได้เป็นคนโชคดีขนาดนั้น ถ้าทำอะไรเกินตัว ทำอะไรไว้ก็ต้องรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเราถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราไม่คาดหวังเตี่ยไม่เคยพูดว่าไม่เป็นไรหรอก เขาจะพูดว่า ป๊าบอกมึงแล้วนะ แต่ทุกครั้งป๊าบอกมึงแล้ว เขาบอกข้อเสียที่จะเกิดขึ้นทุกเรื่อง ทุกครั้งเป็นไปตามนั้น เราได้เรียนรู้มีหลายๆอย่างในชีวิตไม่ได้เป็นตามนั้น ตั้งแต่พี่ร้องเพลงมา พี่ไม่เคยฟลุ๊ก ไม่เคยดังชั่วข้ามคืน ไม่เคยโชคดีได้อย่างนี้มาฟรีๆ มันไม่ง่ายเลยชีวิตพี่ ต้องใช้ความสามารถ ความอดทน ความพยายาม พิสูจน์ตัวเอง ตั้งแต่เด็ก เตี่ยพี่สอนเสมอทำอะไรด้วยตัวเอง ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ทำให้เต็มที่ อย่าไปขอความช่วยเหลืออะไรจากใคร กระแสถ้าเราไปเกาะคือเป็นการขออย่างนึง ในเมื่อชีวิตพี่มาด้วยความยากลำบาก กระแสเป็นสิ่งที่ฉาบฉวย เหมือนคนจุดประทัดตู้มต้ามแล้วดับไป แต่พี่เป็นเทียน มีอยู่เล่มเดียวพี่จุดมันขึ้นมา บางครั้งก็ดับมันไว้ ต้องการแสงสว่างค่อยจุดขึ้นมา เงินทองพี่หาในจุดที่พี่พอใช้แล้ว พี่เป็นคนไม่ได้ใช้อะไรสิ้นเปลือง ชอบซื้อของฝากคน พี่ไม่ได้ซื้ออะไร พี่ปรนเปรอให้ตัวเองสิ่งเดียวคือความสำเร็จในแต่ละงานที่มันเกิดขึ้น”

...

เวลาทำคอนเสิร์ตมีแอบหวั่นใจเข้าเนื้อบ้างมั้ย

“เมื่อไหร่เราคิดทุกอย่างเป็นตัวเลข พี่จะไม่ใช่นักร้อง จะกลายเป็นนักคำนวณ นักการตลาดไป ในโหมดนั้นไม่มีอยู่ในนักร้องเพราะถ้ามีปั๊บนักร้องจะร้องเพลงไม่เพราะเลย แล้วพี่รู้สึกว่าอะไรจะเป็นก็เป็น ฉันทำดีที่สุดแล้วเป็นได้แค่นี้ก็คือแค่นี้ อย่างช่วงนี้มีคอนเสิร์ตไม่ได้คิดจะสร้างกระแสเพื่อให้บัตรคอนเสิร์ตขายได้ แต่ถ้าขายได้ถือว่าคนยังเอ็นดู มันต้องการแค่นี้ คำว่าเกาะกระแสคืออะไรล่ะ ในหลายๆครั้งพี่เจอผู้ใหญ่ที่เราสามารถเดินเข้าไปหาเค้าได้ แต่เวลาที่พี่มีปัญหาหรือคนนั้นโดดเด่นสิ่งนึงที่สอนพี่ เมื่อไหร่คนนึงที่เรารู้จักเขาดังมากๆ มีกระแสมากๆ เราอย่าเข้าไปหาเค้านะ รอให้กลายเป็นคนธรรมดาค่อยเจอกัน คุยกัน สังเกตพี่ ใครเห่ออะไรพี่จะไม่มีรูปสิ่งนั้นเลยต่อให้ได้ถ่ายคู่กับคนนั้น เรามีความรู้สึกว่าอยากให้คนรักเราที่เรา ไม่ใช่รักเราที่อยู่ในกระแสตลอดเวลา รักเราที่ความสามารถ เวลาทำยูทูบขายตัวเรา อยู่ที่คอนเทนต์ของมันนั่นแหละ ถ้าคนเราอยู่วงการนี้มา 30 กว่าปีเราตกตะกอนได้แล้ว คำว่าเกาะกระแส ความเป็นผู้ใหญ่ในสารบบของพี่จะไม่มีคำว่าเกาะกระแส”

เกินคิ้มแขกรับเชิญแต่ละคนคิวทองดีลยากขนาดไหน

“ก่อนอื่นคือดูงบก่อน อู้หู ไม่เคยรู้เลยทุกคนค่าตัวสูงมาก แต่ความแพงเกิดจากประสบการณ์ของเค้าต้องให้ ชื่อเสียง คิวแน่นๆของเค้าก็ต้องให้ ดังนั้น คอนเสิร์ตพี่ถึงไม่มีแถลงข่าวใครจะมาเหลือตัวพี่คนเดียวแล้ว ทุกคนคิวแน่น เขายอมขึ้นเวทีในวันนั้นให้ถือว่าเป็นบุญหัวหงอกแล้ว เราอยากได้แบบนี้เอง ความอยากได้ของเราคิดเผื่อคนดู คนดูต้องอยากเห็นคนพวกนี้ แต่ละคนที่เราเลือกมาจะมีมุมน่าประทับใจคนละแบบ อย่างพี่ตูนฟีทกับคนที่เป็นร็อกด้วยกันไม่แปลก ร็อกกับหมอลำเป็นสมการได้ดีงาม มีใครเคยเห็นพี่ตูนร้องกับดีว่าสายอารมณ์ รุ่นพี่ รุ่นอา เป็นสิ่งที่รวมกันมันจะเป็นสีอะไรแต่เรามีสีในหัวเลย รวมกันจะต้องเป็นสีฟ้าๆ ละมุนๆ เพราะว่าสีเหมือนน้ำทะเล เหมือนชื่อลูกเค้าเลย ส่วนแจ๊สเหมือนน้ำมันหล่อลื่นที่ดีมาก ส่วนจ๊ะเคยเห็นแอลกอฮอลล์ 70% จุดไฟปุ๊บติดเร็วแล้วร้อนผ่าวมั้ย หลังจากนั้นในคอ ในหู หน้าแดงไปเลยมันคือเค้า เราเห็นสายตาบางอย่างมีความเป็นเด็กบ้านๆที่ไปกินเหล้ากับเพื่อน แล้วเปรี้ยวบ้าน เมากลับมา แต่รักเพื่อนมาก มีแขกที่ซ่อนเก็บไว้ ต้องบอกก่อนว่าโชว์ไดเรกเตอร์คือพี่หน่อย ปั้นเรามาตั้งแต่คอนเสิร์ตสโนว์คิ้ม ครั้งที่ 7 ยังอยู่ในนั้น”

...

เคยมีเหตุการณ์พี่หน่อยอยากให้ทำแต่พี่คิ้มไม่อยากทำ

“ครั้งนี้แหละ พี่หน่อยอยากให้พี่คิ้มทำแต่เราไม่อยากทำ เป็นคนที่ขี้เกียจทำคอนเสิร์ต เหมือนเป็นคนไม่จัดงานวันเกิด เพราะเกรงใจคนอื่นเค้า นึกในใจวันศพตัวเอง ตายวันเสาร์เผาวันอังคารนะ เกรงใจคนอื่นเค้า เกรงใจทุกๆคน ยิ่งคอนเสิร์ตก็เกรงใจทุกๆคน ถามว่าสตางค์อยากได้มั้ย เอาจริงๆ นะ เมื่อก่อนทำก็อยากได้สตางค์แต่วันนี้ต้องอยากทำก่อนเดี๋ยวสตางค์ได้มากได้น้อยไม่เป็นไร ค่อยว่ากัน พอมันมีสตางค์คิดอีกแบบ เกรงใจคน อย่างการทำ คอนเสิร์ตครั้งนึงมันวุ่นวาย 6 ครั้งทำให้ไม่เหมือนกัน พี่หน่อยก็บอก มึงก็ทำเกินๆไปสิ (หัวเราะ) เขาเป็นคนคิดเกินคิ้ม เนื้อหาที่เราจะพูดคุยที่ไม่มีสคริปต์ เพราะเราไม่ชอบมีสคริปต์มันไม่สนุก มีแต่สคริปต์เพลงและขอร้องคนดูเลยว่าช่วยจำเนื้อร้องแทนนักร้องด้วย (หัวเราะ) เป็นการทำปาร์ตี้ให้เหมือนคอนเสิร์ตมันถึงสนุก คนทุกคนเป็นคนสำคัญ คนที่งานสนุก ทุกอย่างสนุกหมดแหละ นักร้องเก่งแค่ไหนถ้าคนข้างล่างไม่สนุกกับเรามันก็กร่อยไปเลย อันนี้ขอร้องแฟนคลับช่วยพกความสุขมาจากที่บ้านก่อน เพื่อเป็นหัวเชื้อ สองจำเนื้อให้ได้ ช่วยนักร้องด้วยค่ะ (หัวเราะ)”

ตอนนี้กระแสเรื่องบัตรคอนเสิร์ตตอบรับดีขนาดไหนใกล้หมดแล้วหรือยัง

“ถามว่ากระแสตอบรับหรือกระแสตีกลับ (หัวเราะ) ทุกวันนี้คำว่ากระแสตอบรับหรือกระแสตีกลับเวียนหัวกันมาก มันเปลี่ยนเยอะ ไม่แน่ใจ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงคนห่างหายไปจากคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตกลับมาเยอะแยะ มาพร้อมช่วงเลือกตั้งอีกต่างหาก การแบ่งจุดสนใจคนโฟกัสทางนั้นมากกว่านี้ ตั๋วของพวกเรามาช้าแต่มานะ ตอนนี้มานีนั่งรอไปก่อน เดี๋ยวมานะก็มา มันจะไปของมันเรื่อยๆ (หัวเราะ) พี่เป็นคนสุขกับปัจจุบัน อยู่เหนือคำว่าอยู่เป็นเพราะแก่หัวหงอกขนาดนี้ ทำในสิ่งที่เป็นเราให้ดีที่สุด ถ้าสิ่งนี้เข้ามาหาเราเค้าจะเข้ามาหาเองและเขาจะอยู่กับเรา การอยู่เป็นคือการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ถ้าอยู่เป็นตัวของตัวเอง คนที่เข้ามาจะอยู่กับเรานานๆ เหมือนรอดูหน้าคนดูว่าใครจะมาดูเราเล่น คนนั้นแหละญาติเรา ไกลแค่ไหนมา คนน้อยแค่ไหนพี่พอใจ บอกเลยคนอย่างพี่เต็มอิ่มมาจากที่บ้าน ใจพี่เต็ม ความสนุกพี่เต็ม ความรักพี่เต็ม แล้วคนเต็มๆ มาเจอกันจะเกินลุ้นออกไป ไม่ได้กลัวเรื่องอะไร”.

...