ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 มิ.ย.60 ปิด 1,585.61 จุด บวก 3.25 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 36,632.60 ล้านบาทหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขาย IRPC ปิด 5.30 บาท บวก 0.15 บาท, SCC ปิด 508 บาท ลบ 4 บาท, THAI ปิด 20 บาท ลบ 1.30 บาท, BEM ปิด 7.50 บาท บวก 0.10 บาท และ SCB ปิด 154 ไม่เปลี่ยนแปลงฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน มองภาพรวมทิศทางตลาดหุ้นไทยยังไม่ชัดเจน แม้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้ แต่ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง และมีแรงซื้อจากหุ้นรายตัวมองว่าภาพรวมการซื้อขายหุ้นไทย ดัชนีถูกผลักดันด้วยประเด็นรายตัว เช่น การปรับหุ้นเข้าออก ในดัชนี SET50 และ SET100 การปรับหุ้นเข้าออกในดัชนี MSCI เป็นต้น และล่าสุดคือประเด็นการทำ Window dressing สำหรับปิดงวดบัญชีไตรมาส 2มองแนวโน้มระยะสั้นคาดหุ้นไทยขยับบวกต่อกรอบแคบ ด้วยแรงซื้อหุ้นรายตัวรายกลุ่มจากการทำ Window dressing และหุ้นที่มีประเด็นเฉพาะตัวแนะกลยุทธ์การลงทุน เน้นเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผลักดันเศรษฐกิจในประเทศ เช่น CK-UNIQ-STEC-AMATA-ROJNA-WHA และหุ้นที่เป็นเป้าหมายของการทำ Window dressing เลือก BDMS-BCH-KBANK-BBLบล.กสิกรไทย มองสัปดาห์นี้ตลาดมีความคาดหวังว่าจะเกิด Window Dressing ค่อนข้างมาก เนื่องจากสถิติ 6 ปีที่ผ่านมาดัชนีจะปรับขึ้นในช่วง 5 วันสุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2 ทุกปี โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.60%โดยสถิติในอดีตจะพบว่าสถาบันในประเทศมักจะเป็นผู้ที่เข้าซื้อสุทธิในเดือน มิ.ย.เกือบทุกปี ด้วยความน่าจะเป็นสูงถึง 83% (ซื้อ 5 จาก 6 ปีล่าสุด) โดยซื้อสุทธิเฉลี่ย 8.55 พันล้านบาททั้งนี้หากเกิด Window Dressing กลุ่มหุ้นที่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้คือ 1. กลุ่มที่กองทุนมีการถือครองจำนวนมาก โดยยังมี Upside สูงและปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปีไม่มาก เช่น BBL-KTB-SCB-PTT-PTTEP-BJC-CPALL2.กลุ่มหุ้นปันผลสูงเกิน 4% ที่ยังให้ผลตอบแทนน้อยตั้งแต่ต้นปี เช่น LH-PSH-SC-SPALI-QH-PTT-PTTEP-PTTGC-RATCH-SPCG-TCAP3.กลุ่มหุ้นที่มีค่าทางสถิติที่ดีในการขึ้น 5 และ 2 วันสุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2 เช่น HMPRO-ADVANC-ROBINS-PSH-BJC-SC (เรียงตามโอกาสจากมากไปน้อย)อินเด็กซ์ 51