ตรวจร่างกาย 2 พี่น้องลูกครึ่ง รอดชีวิตจากการตกตึก เดินเท้ากว่า 20 กม. หนีออกจากบ้าน ไม่พบถูกทำร้าย สภาพจิตใจดีขึ้น แต่ยังไม่ยอมกลับไปอยู่กับแม่ ได้คุยพ่อแล้ว รอมาหา 8 เม.ย.

จากกรณี 2 พี่น้องลูกครึ่งไทย- สวิตเซอร์แลนด์ วัย 12 ปี และ 11 ปี ที่รอดจากการพลัดตกจากชั้น 4 อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านรามคำแหง หนีออกจากบ้าน เดินเท้ากว่า 20 กิโลเมตร ไปหาพ่อชาวต่างชาติ แต่ไม่เจอ เนื่องจากอ้างว่า ทนไม่ไหว ที่ถูกแม่แท้ๆ ทำร้าย ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว

2 พี่น้องลูกครึ่งรอดตกตึก หนีจากบ้านอ้างแม่ทำร้าย เดิน 20 กม.ตามหาพ่อ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 31 มี.ค. ด้าน ดร.สมคิด สมศรี อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า หลังจากที่ พม.ได้รับตัวเด็กมาดูแล ได้มีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือทุบตี ในส่วนนี้ต้องนำเรียนให้ทราบก่อนว่า เด็กทั้ง 2 คนเป็นลูกครึ่ง ซึ่งวัฒนธรรมการเลี้ยงดูของคนไทยและต่างชาติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเด็กซึ่งเป็นลูกครึ่ง ถูกแม่ซึ่งเป็นคนไทยใช้งาน หรือถูกดุ ประกอบกับผู้เป็นพ่อไม่อยู่ด้วย เด็กก็อาจจะเกิดความอึดอัด ซึ่งการเลี้ยงดูลูกของชาวต่างชาติส่วนใหญ่ จะมีความผูกพันกับผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่

ส่วนสภาพจิตใจเด็กก็ถือว่าดีขึ้นกว่าตอนรับมา เพียงแต่ไม่อยากกลับไปอยู่กับผู้เป็นแม่ ขณะนี้ได้ติดต่อไปทางพ่อเด็ก ที่ทำงานอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้แล้ว โดยระบุว่าจะกลับมารับตัวเด็กในวันที่ 8 เม.ย. ทั้งนี้ ได้ให้เด็กพูดคุยกับพ่อเป็นที่เรียบร้อย ทำให้สภาพจิตใจเด็ก ดีมากขึ้นไปอีก

...

ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า ในส่วนของแม่เด็ก ตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้เข้าพบกับเด็ก แต่จะอนุญาตให้เข้าพบพร้อมทั้งพ่อและแม่ หลังจากที่ทุกฝ่ายพร้อม ซึ่งในการพูดคุยจะมีทั้งสหวิชาชีพ พม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดส. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ร่วมกันพูดคุยหาทางออกที่ดีที่สุดว่าเด็กสมควรจะไปอยู่กับใคร ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเอาตัวเด็กทั้ง 2 คนเป็นที่ตั้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กเข้ามาอยู่ที่บ้านพักของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เจ้าหน้าที่ได้ดูแลเป็นอย่างดี ไม่ต้องกังวล และฝากไปยังพี่น้องประชาชนที่พบเห็นเด็กได้รับบาดเจ็บ หรือถูกทำร้าย ให้แจ้งมาทาง พม. โดยตรงเพื่อความรวดเร็วในการเข้าช่วยเหลือ หรือโทรมาที่สายด่วน 1300.