ผลศึกษาเส้นทางกรมทางหลวงเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่โรงแรมแกรนด์อินคำ สุวรรณภูมิ สมุทรปราการ กรมทางหลวง โดยบริษัทที่ปรึกษา ได้จัดประชุมสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการที่เหมาะสม ครั้งที่ 2 งานสำรวจและออกแบบถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครรอบที่ 3 ด้านตะวันออก ช่วงจุดตัดทางหลวงหมายเลข 305 หรือถนนรังสิต-นครนายก ถึงทางหลวงหมายเลข 34 หรือถนนบางนา-ตราด ระยะทาง 52 กม. มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม 200 คนนายเพิ่มวุฒิ บูรพาศิริวิวัฒน์ วิศวกรโยธา ชำนาญการพิเศษ กรมทางหลวง กล่าวว่า โครงการดังกล่าว กรมทางหลวงว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษาวงเงิน 70 ล้าน ระยะเวลา 1 ปี เริ่มศึกษาเดือน มี.ค.2561 สิ้นสุดเดือน มี.ค.2562 สำหรับการศึกษาออกแบบแนวเส้นทาง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เริ่มจากถนนรังสิต-นครนายก บริเวณคลอง 10-11 อยู่ด้านตะวันออกของ รพ.มหาวชิราลงกรณธัญบุรี จากนั้นแนวเส้นทางวิ่งลงทิศใต้ ตัดถนนลำลูกกา ด้านตะวันออกของหมู่บ้านทำเลทอง ผ่านจุดพักรถ ข้ามคลองหกวาสายล่าง ตัดถนนมิตรไมตรี ถนนเลียบวารี ข้ามคลองแสนแสบ แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก ระยะทาง 25 กม. ส่วนที่ 2 ต่อจากปลายเส้นทางส่วนแรก ลงใต้ตัดถนนสุวินทวงศ์ ถนนฉลองกรุง เข้าสู่ด่านเก็บเงิน ผ่านทางรถไฟสายตะวันออก คลองประเวศบุรีรมย์ ข้ามถนนหลวงแพ่ง เข้าสู่ด่านเก็บเงินก่อนเชื่อมถนนมอเตอร์เวย์ สาย 7 และเข้าด่านเก็บเงิน จากนั้นแนวเส้นทางลงใต้ ผ่านจุดพักรถ พื้นที่ 44 ไร่ ต่อ 1 ฝั่ง และเข้าด่านเก็บเงินสุดท้าย ก่อนเชื่อมต่อถนนบางนา-ตราด ระยะทาง 27 กม. ทั้งนี้ มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 7 แห่ง ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง รูปแบบถนน มี 4 รูปแบบ ได้แก่ ถนนระดับดินขนาด 6-8 ช่องจราจร สะพานบกความยาวช่วงละ 20 เมตร สะพานระดับสูงความยาวช่วงละ 30 เมตร และสะพานระดับสูงความยาวช่วงละ 35 เมตร หลังจากรูปแบบเส้นทางชัดเจนจะเริ่มศึกษาทบทวนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม กรอบวงเงินลงทุน เบื้องต้นค่าก่อสร้างเฉลี่ย 150 ล้านบาท/กม. จะสรุปผลการศึกษาเดือน มี.ค.2562ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนความเห็นผู้เข้าร่วมประชุม ส่วนหนึ่งกังวลเรื่องแนวเส้นทางตัดผ่าน จะแบ่งพื้นที่ 2 ฝั่ง ปิดทางเข้าออก จะกระทบการสัญจรของคนในชุมชน เสนอให้ก่อสร้างทางคู่ขนาน บางส่วนกังวลเรื่องผลกระทบการจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บเงิน ควรใช้ระบบเก็บเงินอัตโนมัติมากกว่าเงินสด รวมถึงการกำหนดอัตราค่าผ่านทางที่เหมาะสม.