จรัส สุวรรณเวลาเพิ่มผู้เรียน-สร้างทักษะ-ชูความสามารถ จูงใจขยับค่าตอบแทนขึ้น 7%ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการ อิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กอปศ.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการปฏิรูปอาชีวศึกษา ซึ่ง กอปศ.ให้ความสำคัญโดยจะกำหนดเป็นมาตราในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... มีการดำเนินการใน 2 ส่วนคือ การลดข้อบังคับต่างๆ เพื่อการจัดการอาชีวศึกษามีความคล่องตัวมากขึ้น และการกำหนดมาตรการเชิงรุกเพื่อให้การจัดการอาชีวศึกษาเกิดประสิทธิภาพ เนื่องจากการจัดในรูปแบบเดิมไม่สามารถที่จะทำให้เกิดคุณภาพได้ด้าน ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานอนุกรรมการเฉพาะกิจด้านอาชีวศึกษา ของ กอปศ. กล่าวว่า ตนได้เสนอแนวทางปฏิรูปอาชีวศึกษา 3 แนวทาง คือ 1.การเพิ่มจำนวนผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและจบแล้วต้องมีงานทำ 2.การสร้างผู้เรียนให้มีทักษะในทางปฏิบัติ และ 3.การสร้างผู้เรียนให้มีความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการ โดยต้องเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีพต่อสามัญจากเดิม 38:62 ให้ขยับสายอาชีพขึ้นเป็นเกือบ 50% เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต้องสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มค่าตอบแทนผู้เรียนสายอาชีพขึ้น 7% ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เดิมค่าตอบแทนอยู่ที่ 11,400 บาท เป็น 12,000 บาท และประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) เดิม 13,280 บาท เป็น 14,000 บาท รวมถึงการให้ทุนเรียนฟรีแก่ผู้เรียนสายอาชีพในสาขาที่ขาดแคลนและสาขาที่ประเทศมีความต้องการประมาณ 20% ของผู้เรียนอาชีวะทั้งหมด การเพิ่มวงเงินกู้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยอาจคิดดอกเบี้ยต่ำ หรือปลอดดอกเบี้ย อีกทั้งจะจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้แก่ผู้เรียนสายอาชีพ 5,000 คนดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะปรับหลักสูตรให้ทันสมัย หรืออาจต้องยกเลิกหลักสูตรที่ไม่จำเป็น พร้อมต้องมีการเพิ่มยอดผู้เรียนในระบบทวิภาคีให้มากขึ้นจากเดิม 14% เป็น 80% หรือให้ผู้เรียนทุกคนเข้าร่วมโครงการนี้ทั้งหมด ขณะเดียวกันเรื่องครูอาชีวะกำลังประสบปัญหาขาดแคลนจึงมีข้อเสนอว่าอยากให้ผู้มีประสบการณ์จากภาคเอกชนเข้ามาเป็นครูอาชีวะ และในอนาคตครูอาชีวะอาจไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เพื่อเปิดโอกาสเพิ่มจำนวนครูอาชีวะ รวมถึงปรับเงินอุดหนุนอาชีวะเอกชนให้เท่ากับอาชีวะรัฐ.