กล่าวหา-บัตรคนจน เอื้อประโยชน์เจ้าสัว!โฆษก คสช.โต้ฝ่ายการเมืองปั่นกระแสโจมตี “บิ๊กตู่” เลื่อนเลือกตั้ง ยันทุกอย่างเดินตามกรอบเวลา โวย “มีชัย” เคลียร์แล้วทำไมยังเล่นไม่เลิก “สมชาย” ช่วยแจงไทม์ไลน์โรดแม็ปยังเหมือนเดิม แต่นายกฯคิดเผื่อสะดุดมีคนยื่นศาล รธน.ตีความ ก.ม.ลูก พท.ดาหน้าขย่มต่อท้าเหยงเปิดแถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐฯพิสูจน์ใครหลอกใคร เชื่อวางยาสั่ง สนช.คว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบ รธน. “อ๋อย” เอะใจว่าแล้วไงยื้อกาบัตรไปปี 62 “วัฒนา” เฉ่งนายกฯโกหกต่อเนื่อง โกงโรดแม็ปดึงเกมคืนอำนาจ “สามารถ” ทวงปลดล็อกเลิกแช่แข็งพรรค การเมือง ปชป.ผวาอัพเดตฐานข้อมูลสมาชิกไม่ทัน สนช.โต้เช็กบิลย้อนหลัง “ทักษิณ” 4 คดี ปัดฝุ่นใหม่หักเหลี่ยมนักการเมืองหลบหนี “พงศ์เทพ” จี้มาตรฐานเดียวกันไล่บี้สอบทุกรัฐบาล “ศรีสุวรรณ” โวยรัฐทบทวนบัตรคนจนเอื้อเจ้าสัว ขู่ฟ้องศาลคดีทุจริตฟันรัฐบาลกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุจะประกาศวันเลือกตั้งได้ปลายปี 2561 แต่จะได้เลือกตั้งจริงหลังจากนั้นภายใน 150 วัน ถูกฝ่ายการเมืองรุมถล่มอย่างต่อเนื่องว่าเป็นความพยายามยื้ออำนาจ บิดพลิ้ว ขัดทั้งรัฐธรรมนูญและแถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐฯ ขณะที่ คสช. และตัวแทนแม่น้ำห้าสายพยายามช่วยชี้แจงว่านายกฯเผื่อระยะเวลาหากเกิดการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ โฆษก คสช.ย้ำเลือกตั้งตามโรดแม็ปเมื่อวันที่ 8 ต.ค. พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ชี้แจงคำแถลงการณ์ร่วมของรัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกา เพราะตอนนี้เกิดความสับสนว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 61 หรือ 62 รวมทั้งเกรงว่าทางสหรัฐฯจะเข้าใจผิดได้ว่า ยืนยันว่าการเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามโรดแม็ป ซึ่งเริ่มตั้งแต่การมีรัฐธรรมนูญ จากนั้นต้องมีกฎหมายลูก เมื่อกฎหมายลูกแล้วเสร็จครบทุกฉบับก็ต้องบวกเวลาไปอีก 150 วัน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้แบบนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบกฎหมาย และเดินตามกรอบระยะเวลา ยืนยันว่าไม่ใช่การขยับวันเลือกตั้งออก แต่ทุกอย่างเป็นไปตามตารางเวลาที่เดินตามกรอบกฎหมายซัดซีกการเมืองปั่นกระแสโจมตี“ตอนนี้กฎหมายลูกยังเสร็จไม่หมด คาดว่าน่าจะเสร็จครบได้ทั้งหมดช่วงปลายปี จากนั้นต้องบวกไปอีก 150 วัน จึงจะกำหนดวันเลือกตั้งได้ ที่ผ่านมานายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมพรรคการเมืองยังนำประเด็นนี้ขึ้นมาพูดอีก เรื่องการเลือกตั้งยืนยันว่าไม่ใช่การเลื่อนหรือไม่เลื่อน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและกรอบระยะเวลาที่ถูกบังคับเอาไว้” พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวสนช.สาธยายไทม์ไลน์ยังคงเดิมนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองระบุ พล.อ.ประยุทธ์แสดงท่าทีไม่เดินตามโรดแม็ปให้เลือกตั้งปลายปี 2561 ว่า เท่าที่ดูทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแม็ป ขณะนี้กฎหมายลูกอีก 2 ฉบับคือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กรธ.จะส่งมาให้ สนช.ในวันที่ 21 พ.ย. และ 28 พ.ย. สนช.มีเวลาพิจารณาให้เสร็จภายใน 60วันหรือประมาณสิ้นเดือน ม.ค.61 จากนั้น สนช.จะส่งร่างกฎหมายลูกให้ประธาน กรธ.และองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องดูจะมีข้อโต้แย้งต้องตั้ง กมธ.ร่วมหรือไม่ จะมีขั้นตอนที่ กรธ.และองค์กรอิสระรับร่างไปพิจารณา 10 วัน หากมีขั้นตอนตั้ง กมธ.ร่วมกินเวลาอีก 15วัน การนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม สนช.ให้ความเห็นชอบ ถ้า สนช.เห็นชอบต้องตรวจสอบความถูกต้องของร่างกฎหมายทั้งหมดก่อนส่งให้นายกฯ ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาอีกเกือบ 2 เดือน จะอยู่ที่ประมาณเดือน เม.ย.61 เมื่อส่งร่างกฎหมายลูกไปให้นายกฯแล้วก็ต้องเก็บเรื่องไว้ก่อน เพื่อดูว่าจะมีใครยื่นเรื่องคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ คาดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ประมาณเดือน พ.ค.2561 และรอการโปรดเกล้าฯ ลงมาอีก 3 เดือน เมื่อโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วนับไปอีก 150 วัน จึงจัดการเลือกตั้งได้แบะท่ายื่นศาล รธน.ทำสะดุดนายสมชายกล่าวว่า แต่ถ้าก่อนนายกฯนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ปรากฏว่ามีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายลูก ต้องเสียเวลาออกไปอีกระยะหนึ่ง ไม่รู้ใช้เวลาเท่าใด เป็นไปได้ว่านายกฯอาจคิดเผื่อเวลาไว้ในกรณีเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมาหรือไม่ ต้องยอมรับว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีข้อทักท้วงเรื่องวิธีการเลือกตั้งมากมาย ส่วนร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ก็เป็นการนำมาใช้ครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ แต่ไม่อยากให้ไปเร่งรัดระยะเวลาเลือกตั้ง เพราะถ้ายังมีปัญหาอยู่แล้วไปเลือกตั้ง ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมอีก ถ้าจะล่าช้าออกไป 2-3 เดือน คงไม่เป็นไร นักการเมืองต่างหากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองแล้วหรือยัง อย่าเสียจริต ขอให้รอหน่อย “อ๋อย” เหน็บว่าแล้วไงยื้อกาบัตรปี 62วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ใครได้ ใครเสียจากคำแถลงร่วมสหรัฐฯ-ไทย” คำแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯที่บอกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความยินดีที่ไทยยังคงยึดมั่นตามโรดแม็ป นำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2561 ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว แต่ในรายงานข่าวบางสำนักตั้งแต่แรกใช้คำว่า จะประกาศให้มีการเลือกตั้งในปี 61 รู้สึกเอะใจตั้งแต่ตอนนั้น การประกาศให้มีเลือกตั้งกับให้มีเลือกตั้งความหมายไม่เหมือนกัน ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อธิบายว่า พล.อ.ประยุทธ์หมายความว่าจะประกาศในปี 61 แต่การเลือกตั้งอาจมีขึ้นในปี 62 ก็ได้ ทำให้คิดอยู่ในใจว่า “ว่าแล้วไง” ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ออกมายืนยันเองเป็นที่เข้าใจตรงกันว่าการเลือกตั้งจะมีในปี 62 หรืออย่างเร็วก็ปี 62 ไม่ตรงกับคำแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ“วัฒนา” เฉ่ง “บิ๊กตู่” โกหกต่อเนื่องนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.โกหกคนไทยว่า จะไม่มีการยึดอำนาจ เมื่อยึดอำนาจแล้วก็โกหกเรื่องการคืนอำนาจเรื่อยมา เริ่มจากแต่งเพลงโกหกประชาชนว่า ขอเวลาอีกไม่นาน จากนั้นปี 2558 ไปรับปากนายกฯญี่ปุ่นจะเลือกตั้งภายในสิ้นปีหรืออย่างช้าต้นปีหน้า ต่อมาปี 2559 ไปสัญญากับเลขาธิการสหประชาชาติ จะมีการเลือกตั้งในปี 2560 ครั้นทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อเดือน ส.ค.2559 บอกว่าจะเลือกตั้งปี 2560 ล่าสุดพูดกับคนไทยว่า ปลายปีหน้าจะประกาศวันเลือกตั้ง ขัดกับรัฐธรรมนูญและแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐฯกับไทยที่รัฐบาลไทยไม่เคยเอามาเปิดเผยฉะโกงโรดแม็ปดึงเกมคืนอำนาจนายวัฒนาระบุว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 267 บัญญัติว่าเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ กรธ. ต้องส่งร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ ให้ สนช. ภายใน 240 วัน โดย สนช.ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน จากนั้นส่งศาลรัฐธรรมนูญ และอาจตั้งกรรมาธิการร่วมอีก 60 วัน รวมแล้วกระบวนการนี้ใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ 6 เม.ย.60 อันเป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ นั่นคือตั้งแต่เดือน เม.ย.61 เป็นต้นไปต้องจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150วัน หรือภายในเดือน ก.ย.61 ตรงกับข้อ 8 ของแถลงการณ์ ร่วมที่ถูกสหรัฐฯบีบคอให้กำหนดวันเลือกตั้งระบุชัดเจนว่าจะจัดการเลือกตั้งในปี 2018 ไม่ใช่ปลายปี 2561 เชื่อว่าสมุนเผด็จการคงสนองด้วยการทำทุกวิธีถ่วงเวลาการคืนอำนาจให้นานที่สุด ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยให้ความสำคัญกับคนไทย แถมหงุดหงิดทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องการเลือกตั้ง ไม่เคยใส่ใจทำความชัดเจนกับเจ้าของอำนาจว่าจะคืนให้เมื่อไร แต่ยอมทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรถึงกำหนดการเลือกตั้ง เพื่อแลกกับผลประโยชน์ตัวเองได้ไปทำเนียบขาว เป็นความผิดของคนไทยที่ไม่เชื่อมั่นในพลังตัวเอง จึงยอมก้มหน้าให้เผด็จการทำอย่างไรก็ได้ ทั้งที่ตั้งแต่มีโลกใบนี้มายังไม่เคยมีเผด็จการที่ชนะประชาชน ท้าเปิดแถลงการณ์ร่วมใครหลอกใครนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ระบุว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในปี 2561 แต่จะมีการเลือกตั้งได้เมื่อไรยังไม่ทราบแน่ชัดนั้น สวนทางกับแถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐฯ ข้อ 8 ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ที่ระบุว่า จะเร่งรัดออกกฎหมายลูกให้เป็นไปตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้จัดการเลือกตั้งได้ภายในปี 2561 ไม่ใช่ปี 2562 ตามที่รัฐบาลพยายามจะบิดเบือนให้เกิดความสับสน อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์นำบันทึกการสนทนากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯกับคนไทย ใครเข้าใจผิดหรือใครถูกหลอกหรือไม่ วันนี้ฝ่ายการเมืองไม่เดือดร้อนว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อใด แต่ถ้าไม่มีเลือกตั้งประชาชนจะเดือดร้อน เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน จะได้รับผลกระทบ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะหดหาย กระทบหนักทั้งระบบเชื่อ คสช.วางยาให้ สนช.ตีตก ก.ม.ลูกนายอนุสรณ์กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าว สนช.จะคว่ำร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายเพื่อยืดวันเลือกตั้งนั้น ฝ่ายเสนาธิการ คสช. คงกำลังประเมินว่าคะแนนนิยม คสช.กับฝ่ายการเมืองเป็นอย่างไร ถ้าเมื่อใดมั่นใจว่า คะแนนนิยม คสช.เหนือกว่าฝ่ายการเมืองชัดเจน อาจเห็นการประกาศวันเลือกตั้ง หรือกรณีคะแนนนิยม คสช.ไม่กระเตื้อง มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุการเมืองทำให้ร่างกฎหมายลูกตกไป เพื่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ไม่สามารถกำหนดอะไรได้ อาจต้องเริ่มต้นจัดทำร่างกฎหมายลูกใหม่ หรือปรับแก้ร่างใหม่ ไม่มีใครรู้เวลาที่แน่นอนว่า กระบวนการดังกล่าวจะเสร็จเมื่อใด และ กรธ.จะยังอยู่เพื่อปรับแก้กฎหมายหรือต้องสรรหา กรธ.ใหม่ วันนี้ไม่มีใครรู้คะแนนนิยม คสช.จริงๆเป็นอย่างไร แต่ขอให้ คสช.มั่นใจผลงานตัวเอง ไม่ต้องกลัว อย่าไปตัดสินใจแทนประชาชนทุกเรื่อง ถ้า คสช.มั่นใจคะแนนนิยม นโยบายและผลงานตลอด 3-4 ปี ของตนเอง ขอให้ลงแข่งขันตามกติกาแล้วประชาชนจะเป็นคนตัดสินจับตาจงใจสร้างกับดักอุบัติเหตุนายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.ปี 2540 กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุการเลือกตั้งยังไม่อาจระบุได้แน่ชัดจะเป็นปลายปี 61 หรือปี 62 เพราะมีตัวแปรหลายอย่างว่า ไม่แน่ใจว่า ทั้งสองคนส่งสัญญาณอะไร ถ้าดำเนินการตามไทม์ไลน์ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดอย่างเคร่งครัด คำว่าอุบัติเหตุ หรือตัวแปรที่ทำให้การเลือกตั้งถูกลากยาวไปปลายปี 61 หรือต้นปี 62 ย่อมไม่มี ถ้าเกิดขึ้นจริงแสดงว่าไม่ใช่ปัจจัยภายในรัฐธรรมนูญ แต่เป็นปัจจัยภายนอกรัฐธรรมนูญ ถ้าเดินตามรัฐธรรมนูญร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ น่าจะประกาศใช้ได้อย่างช้าสุดไม่เกินวันที่ 31 มี.ค.61 เลือกตั้งเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค.61 หมายความว่ากำหนดวันเลือกตั้งไม่ควรเกินวันที่ 31 ก.ค.61 จึงนึกไม่ออกว่าการเลือกตั้งจะถูกลากยาวไปถึงปลายปี 61 หรือปี 62 ได้อย่างไร ถ้าคว่ำกฎหมายลูกจริง แสดงว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจ ถ้า สนช.ลงมติคว่ำกฎหมายลูกด้วยคะแนน 2 ใน 3 ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ หวังว่าจะไม่มีผู้ใดจงใจให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองบี้ปลดล็อกคำสั่งแช่แข็งพรรคนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้ว ถึงเวลาที่ คสช.ควรปลดล็อกคำสั่งหัวหน้า คสช.ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ เนื่องจากมีการกำหนดเงื่อนไขหลายอย่างให้พรรคการเมืองต้องทำภายในเวลาที่กำหนด อาทิ การเรียกประชุมใหญ่พรรคเพื่อให้ความเห็นชอบข้อบังคับพรรค และการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายใน 180 วัน การเรียกประชุมใหญ่ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องผ่านขั้นตอนยกร่างข้อบังคับพรรค คัดเลือกผู้แทนสาขาพรรค คัดเลือกตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ที่ต้องทำให้ครบทุกขั้นตอน และใช้เวลาพอสมควร หาก คสช.ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองก็ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน ถ้าไม่ทำตามก็มีโทษถึงขั้นยุบพรรค ไม่มีสิทธิส่งผู้สมัครพรรคลงเลือกตั้ง ดังนั้น คสช.ควรปลดล็อกพรรคการเมืองโดยเร็วที่สุด ทุกอย่างเริ่มต้นนับหนึ่งแล้ว แต่พรรคกลับทำอะไรไม่ได้ ติดคำสั่ง คสช.ยังไม่อนุญาต คำสั่ง คสช.ดูเหมือนจะใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกเลิกระแวงนักการเมืองจ้องป่วนนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้ว ถือเป็นหน้าที่และมารยาทของ คสช.ต้องปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมเคลื่อนไหวได้ ไม่ต้องหวาดกลัวว่า พรรคการเมืองจะถือโอกาสก่อเรื่องวุ่นวาย เพราะพรรคการเมืองต้องเร่งทำตามขั้นตอนต่างๆที่กฎหมายลูกกำหนด เช่น การหาสมาชิกพรรค การคัดเลือกตัวแทนสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด แค่นี้ก็หน้ามืด ไม่มีเวลาไปทำอะไรตุกติกได้แล้ว อยากให้ คสช.เลิกระแวง และไว้ใจพรรคการเมือง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไปรับปากบนเวทีโลกแล้วว่า จะประกาศวันเลือกตั้งปลายปี 2561 หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามโรดแม็ปที่กำหนด ความเชื่อมั่นของต่างประเทศจะยิ่งแย่ลง รวมถึงเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบด้วย“สุธรรม” ชี้งานด่วนรอพรรคปรับตัวด้าน น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้วว่า พรรคที่จะขอตั้งใหม่และพรรคเก่าที่มีอยู่เดิมประมาณ 70 พรรค มีหน้าที่ต้องเตรียมการภายในแต่ละพรรค พรรคที่จะตั้งใหม่ ยังติดคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมใดๆ เป็นหน้าที่ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องหาความชัดเจน ส่วนพรรคการเมืองเก่าต้องเตรียมแจ้งเปลี่ยนแปลงจำนวนและข้อมูลสมาชิกพรรคให้เป็นฐานข้อมูลปัจจุบัน (อัพเดต) ให้ตรงกับ กกต. หรือสำนักงานทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทย ให้เสร็จภายใน 90 วัน พรรคใดที่ตั้งแล้ว แต่ยังมีสมาชิกพรรคไม่ครบ 500 คน ต้องเร่งหาให้ได้ภายใน 180 วัน และต้องมีสมาชิกพรรคที่จ่ายเงินบำรุงพรรคในปีแรก กำหนดที่คนละ 50 บาทต่อคนให้ครบ 5 คนขึ้นไป ภายใน 180 วัน ภายใน 1 ปีต้องจัดให้มีสมาชิกพรรคนั้นๆจ่ายเงินบำรุงพรรค ไม่น้อยกว่า 5,000 คน และภายใน 4 ปี ต้องมีสมาชิกพรรคที่จ่ายเงินบำรุงพรรคไม่น้อยกว่า 10,000 คนขึ้นไป รวมถึงทุกพรรคต้องจัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขระเบียบ ข้อบังคับพรรคให้รองรับกับรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องประกาศอุดมการณ์พรรค จัดทำนโยบายและสรรหาคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายใน 180 วัน และยังต้องตั้งสาขาพรรค หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดให้เสร็จภายใน 180 วัน ทั้งหมดนี้หากไม่ดำเนินการตามเงื่อนเวลาที่กฎหมายกำหนด อาจถูกสั่งยุบพรรคได้ อยู่ที่จะเตรียมการภายในอย่างไร คสช.เองก็ทราบหวั่นอัพเดตฐานสมาชิกไม่ทันเวลาน.ต.สุธรรมกล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลใจหรือปัญหาอุปสรรค พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีสมาชิกพรรคมากกว่า 2 ล้านคน การอัพเดตฐานข้อมูลสมาชิกพรรคแต่ละพื้นที่ให้เป็นปัจจุบัน ทั้งกรณีผู้เสียชีวิตและย้ายพรรค ย้ายที่อยู่อาศัย เราทำเองไม่ได้ เพราะไม่มีฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร กกต.ก็ไม่มีเช่นกัน ต้องประสานผ่าน กกต.กับสำนักงานทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทยเพื่อจัดทำฐานข้อมูลสมาชิก สำคัญมากต่อทุกพรรคการเมือง เนื่องจากเกี่ยวกับการจัดตั้งสาขาพรรคประจำเขตเลือกตั้ง ต้องตรวจสอบว่ามีสมาชิกของพรรคในเขตนั้นเกิน 500 คนขึ้นไป หรือการตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดที่ต้องมีสมาชิกที่แสดงตนเกิน 100 คนขึ้นไปในจังหวัดนั้น และที่สำคัญคือเพื่อการจัดทำไพรมารีโหวต คัดหา ตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค จึงเกรงว่างานตรวจสอบ เปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลสมาชิกให้เป็นปัจจุบัน ที่ต้องให้สำนักงานทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทยทำ อาจฉุกละหุกไม่ทันต่อเงื่อนไขเวลาที่มีอยู่สนช.โต้ครหาเช็กบิล 4 คดี “ทักษิณ”อีกเรื่องนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะอดีตโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนช.กล่าวถึงการดำเนินการรื้อฟื้นคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 คดี ตามร่าง พ.ร.บ.การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ภายหลังมีการหลบหนีคดีไปว่า เป็นหน้าที่ของอัยการที่ต้องยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้พิจารณาว่าจะพิจารณาคดีลับหลังจำเลยหรือไม่ ตามขั้นตอนศาลอาจจะพิจารณาออกหมายจับอีกครั้ง เพราะนายทักษิณหลบหนีไปนานแล้ว อาจมีการเปลี่ยนแหล่งที่พักพิง หากภายใน 3 เดือน ยังไม่ได้ตัวนายทักษิณมา ก็เข้าเงื่อนไขการพิจารณาคดีลับหลังได้ หรือศาลอาจจะไม่ออกหมายจับ เพราะเห็นว่ามีหมายจับในคดีเหล่านี้อยู่แล้ว ให้พิจารณาคดีลับหลังทันทีก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาลแก้ลำเล่ห์นักการเมืองหลบหนีนายสมชายกล่าวอีกว่า ยืนยันว่าไม่ใช่การเล่นงานนายทักษิณย้อนหลัง แต่เป็นการทำให้กระบวนการพิจารณาคดีที่ถูกแช่แข็งช่วงที่ผ่านมา เพราะจำเลยหลบหนี สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จะได้ทันเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมือง ไม่ให้คดีเกิดทางตัน ซึ่งไม่ได้บังคับใช้กับนายทักษิณคนเดียว แต่ใช้กับนักการเมืองทุกคน หาก ครม. สนช. ไปกระทำความผิดตามกฎหมายฉบับนี้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกันพท.จี้มาตรฐานเดียวรื้อคดีทุก รบ. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) มีแนวคิดรื้อฟื้นคดีเก่าของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ที่ให้พิจารณาลับหลังจำเลยได้และเตรียมตั้งคณะทำงานพิเศษมาพิจารณาว่า ไม่ติดใจหากจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมา แต่ติดใจองค์กรอิสระกับกระบวนการยุติธรรม ถ้าทำหน้าที่ตรงไปตรงมา มาตรฐานเดียวกัน เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชน ระบบการตรวจสอบเป็นสิ่งที่ดีสนับสนุน แต่ต้องมาตรฐานเดียวกัน พยายามตรวจสอบอย่างเที่ยงธรรม ไม่ได้อคติหรือกลั่นแกล้งใคร การตรวจสอบข้าราชการประจำรัฐบาลไม่ว่าสมัยไหนก็ต้องมาตรฐานเดียวกันหมด แล้วใช้มาตรฐานเดียวกันตรวจสอบรัฐบาลที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้ด้วย เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนมองเห็นอยู่ขณะนี้คือกลไกตรวจสอบรัฐบาลปัจจุบัน เรารู้สึกองค์กรต่างๆที่มีหน้าที่ตรวจสอบมีความแตกต่างจากการตรวจสอบคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำ หรือรัฐบาลเก่าๆจวกการเมืองไม่ปกติย้อนหลังได้นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อมีกฎหมายใหม่ออกมา คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เท่ากับบังคับอัยการอยู่ในตัวว่า คดีอะไรที่ค้างอยู่ ถ้ากฎหมายใหม่เดินต่อไปได้ต้องเดินต่อไป ดูว่ามีคดีอะไรอยู่ในเกณฑ์ที่จะใช้กฎหมายใหม่ได้ แต่คิดว่ามีข้อกฎหมายที่ต้องถกเถียงอยู่พอสมควร คณะทำงานที่ตั้งขึ้นจะทำอะไรต้องชี้แจงต่อประชาชนได้ โดยเฉพาะประเด็นข้อถกเถียงที่ว่าย้อนหลังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายที่ออกกฎหมายบอกว่าย้อนหลังได้ แต่อีกฝ่ายบอกว่าแม้เป็นวิธีพิจารณาแต่เป็นโทษกับจำเลยก็ไม่ควรย้อนหลังได้ เพราะผู้ถูกดำเนินคดีควรได้รู้ว่าเขามีสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายมากน้อยแค่ไหน การออกกฎหมายลักษณะนี้ การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องโดยปริยาย ต้องการย้อนหลังดำเนินคดีเรื่องเก่าๆของนักการเมือง และในภาวะที่ประเทศยังไม่ปกติเช่นนี้ การตีความทางกฎหมายต้องเรียนตรงๆ อาจเป็นไปแนวทางเดียวกันกับผู้ออกกฎหมายกำหนดไว้ หวังให้เป็นไปตามหลักตามทฤษฎีคงยากตร.ตรวจซ้ำดีเอ็นเอ “ยิ่งลักษณ์”พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.ฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 เกี่ยวข้องพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหลบหนีกล่าวว่า ผลการตรวจสิ่งของในบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปรียบ เทียบดีเอ็นเอในรถเก๋งโตโยต้า รุ่นคัมรี สีเทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ขับพาหลบหนี และรถเก๋งฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีเทา ทะเบียน 3 กก 31 กรุงเทพมหานคร รถคนสนิทของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันผลได้ เนื่องจากดีเอ็นเอที่เก็บได้ในรถมีสิ่งเจือปนและมีดีเอ็นเอปะปนจำนวนมาก ต้องทำซ้ำๆจนได้ผลที่ชัดเจนโพลอึ้ง “ปู” เผ่นหนีคดีไปนอกได้ วันเดียวกัน ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง โพลการเมืองที่สุดทึ่งและอึ้งจาก 1,225 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค.ว่า ประเด็นร้อนทางการเมือง และสังคมที่สุดอึ้งจนพูดไม่ออกของประชาชนพบว่า ร้อยละ 41.2 อึ้งเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หนีคดีออกนอกประเทศไปได้ รองลงมา ร้อยละ 35.2 ระบุ พูดไม่ออกเมื่อประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นแพะรับโทษในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 32.7 ระบุ อึ้งกับราคาอาหาร ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ร้อยละ 25.6 อึ้งเมื่อรัฐบาลและหน่วยงานรัฐปล่อยให้ร้านสะดวกซื้อมีเครื่องกดเบียร์ขาย เมื่อถามถึงนักกฎหมายที่ประชาชนเชื่อถือในการแก้ปัญหาประเทศ ร้อยละ 53.1 ระบุนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ร้อยละ 46.9 ระบุ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ส่วนคำถามถึงระยะเวลาที่รัฐบาลควรอนุญาตให้พรรคการเมืองและนักการเมืองเคลื่อนไหวได้ ร้อยละ 44.5 ระบุ มากกว่า 1 ปีขึ้นไป หรือก่อนเลือกตั้ง “สมชัย” ปูด กก.สรรหาขาดคุณสมบัตินายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวว่า มีการประชุมกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดแรก เมื่อวันที่ 6 ต.ค. เริ่มพบปัญหาคือ 1.ตัวแทนหน่วยงานหนึ่ง มีตำแหน่งในอดีตเทียบเท่ารองปลัดกระทรวงเข้าร่วมประชุมตอนต้น แต่กลับไม่มีรายชื่อในเอกสารแถลงข่าว ทราบมาว่ามีคุณสมบัติไม่ครบ ต้องส่งรายชื่อคืนหน่วยงานที่ส่งมา เพื่อส่งรายชื่อใหม่มาแทน 2.มีข้อสังเกตกรรมการสรรหาอีกคนหนึ่งอาจขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ และพ้นตำแหน่งยังไม่ครบ 10 ปี 3.มีความเป็นไปได้ว่ากรรมการสรรหาที่ได้รับการเสนอชื่อจากหน่วยงานอีกคนหนึ่งอาจขาดคุณสมบัติ กรณีเคยปฏิบัติหน้าที่ใดๆในศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระใดๆ หากกระบวนการสรรหาเดินหน้าต่อไป ไปพบภายหลังว่ากรรมการสรรหาบางท่านขาดคุณสมบัติอะไรจะเกิดขึ้น จะมีการโต้แย้งจากผู้ไม่ได้รับการสรรหาว่ากระบวนการไม่ถูกต้อง นำไปสู่ความวุ่นวายในภายหลังหรือไม่ ถึงวันนี้ไม่อยากจินตนาการ“เรืองไกร” ยื่นร้องนายกฯ–ครม.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า จากการที่นายกฯและ ครม.มีมติแต่งตั้ง สนช.ไปดำรงตำแหน่งกรรมการปฏิรูปด้านต่างๆรวม 9 คน อาทิ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานกรรมการปฏิรูปตำรวจ อาจเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 10/2551 ว่า การแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยเป็น 3 ฝ่าย แต่ละฝ่ายต้องไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ การที่ สนช. 9 คน รับเป็นกรรมการปฏิรูป อาจขัดมาตรา 184 ของรัฐธรรมนูญปี 60 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญมาตรา 186 ยังห้ามรัฐมนตรีก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานฝ่ายอื่น การที่นายกฯและ ครม. มีมติแต่งตั้ง สนช.เป็นกรรมการในฝ่ายบริหาร อาจเข้าข่ายต้องพ้นจากตำแหน่ง จะไปยื่นเรื่องต่อ กกต.วันที่ 9 ต.ค.เวลา 10.00 น. ให้ตรวจสอบเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย“ศรีสุวรรณ” โวยบัตรคนจนเอื้อเจ้าสัว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การ พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลทำโครงการ บัตรคนจนให้ประชาชนรูดซื้อสินค้าในร้านค้าที่กำหนดว่า ไม่ต่างอะไรกับนโยบายประชานิยมในอดีต ไม่ได้ช่วยเพิ่มตัวเลขจีดีพีประเทศ แต่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจเจ้าสัว นายทุนใหญ่เจ้าของสินค้าอุปโภค-บริโภค ขนาดใหญ่ที่ส่งผ่านสินค้าไปยังร้านธงฟ้าประชารัฐ สินค้าส่วนใหญ่มาจากบริษัทใหญ่ไม่กี่ราย ขณะที่สินค้าเอสเอ็มอีจากกลุ่มผู้ผลิตในท้องถิ่นที่ไม่มีไลน์ธุรกิจกับร้านค้าที่กรมการค้าภายในกำหนด จะไม่สามารถขายสินค้าได้เลย เงินจึงไหลเข้าบริษัทใหญ่ กลุ่มเจ้าสัวที่อยู่ข้างหลังรัฐบาล เหมือนใช้คนจนเป็นข้ออ้างเพื่อประโยชน์ธุรกิจนายทุน สงสัยว่ารัฐบาลเร่งรีบผลักดันโครงการเพื่อปูฐานเสียงให้ประชาชนนิยม นำไปสู่การจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่รองรับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันในการเลือกตั้งปีหน้า ขอให้รัฐบาลทบทวนและหยุดเอื้อประโยชน์ธุรกิจให้เจ้าสัวผ่านบัตรคนจนโดยเร็ว หากมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอเมื่อใด สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะไปร้องเรียนกล่าวโทษผู้ใช้อำนาจต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป รัฐเต้นปัดถือหางนายทุนใหญ่ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการวิจารณ์การซื้อสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ว่า ผู้ถือบัตรสามารถเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้ทุกชนิดทุกยี่ห้อของผู้ผลิตทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผู้ผลิตในชุมชน สหกรณ์วิสาหกิจชุมชน และบริษัทใหญ่ ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มใดเป็นพิเศษ นายกฯเน้นย้ำให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ผลิตและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีรายได้น้อย พร้อมกำชับเร่งติดตั้งเครื่องรูดบัตรอีดีซี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สั่งให้ตรวจสอบวิธีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องที่อาจเข้าข่ายทุจริตได้ หากพบการกระทำความผิด ร้านค้าอาจถูกถอดออกและยึดเครื่องรูดบัตรคืน ส่วนผู้ถือบัตรอาจถูกระงับวงเงินในบัตรทันที