มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนที่เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 12 คน ถูกมองว่าส่วนใหญ่เป็นคนหน้าเดิมๆ มาจากข้าราชการ ทหาร และภาคธุรกิจใหญ่ๆ ยังไม่นับรวมกรรมการโดยตำแหน่งอีกส่วนหนึ่ง ประกอบด้วยผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพ ผู้นำฝ่ายทหาร และผู้บัญชาการตำรวจวิธีการได้มาซึ่งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็มีคำถามว่าผ่านกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 หรือไม่? นั่นก็คือ ต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งต้องเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็น และผลการวิเคราะห์ด้วย แนวความคิดส่วนใหญ่มาจากข้าราชการและทหารมีเสียงวิจารณ์ด้วยว่าการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการแต่งตั้งคณะกรรมการลักษณะนี้อาจถูกมองว่า คสช. แต่งตั้งคนของตนเข้าไปสืบทอดอำนาจ เพราะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นผู้กำหนดอนาคตประเทศไทยนานถึง 20 ปี และยังมี ส.ว.แต่งตั้งอีก 250 คน มีอำนาจเร่งรัดให้รัฐบาลทุกชุดให้กำหนดนโยบายและจัดทำงบให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติเหตุผลหนึ่งที่เป็นข้ออ้างของการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ผ่านๆมา ไม่มีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละ รัฐบาล เป็นข้ออ้างที่ถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมด เพราะประเทศไทยมีแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมานานเกือบ 50 ปี และรัฐธรรมนูญก็มีบทบัญญัติ “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ”ในอดีตหลายทศวรรษที่ผ่านมา เราเรียกเป้าหมายการพัฒนาประเทศว่า “แผนพัฒนา” เพิ่งจะเรียกว่า “ยุทธศาสตร์” ในรัฐบาลทหาร ในอดีตมีแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ แต่ไม่ได้บังคับต้องทำตามทุกอย่าง และรัฐธรรมนูญมีแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐ และมีลักษณะบังคับ เช่น “รัฐต้องกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่น”อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนายบรรยง พงษ์พานิช เตือนว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถ้าทำได้ดีประเทศจะเจริญรุดหน้า แต่ถ้าทำได้ไม่ดีอาจฉุดการพัฒนาประเทศหลายสิบปี เช่นเดียวกับแผนพัฒนาของนายพลเนวินแห่งพม่า อ้างว่าใช้สังคมนิยม ชาตินิยม และพระพุทธศาสนาเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วใช้ระบอบทหารนิยม ครองอำนาจนาน 40 ปี ทำให้พม่าที่เคยมั่งคั่งกลายเป็นประเทศยากจนยุทธศาสตร์ชาติจะมีผลผูกพัน “ผู้ที่เกี่ยวข้อง” อันได้แก่ คนไทยทั้งประเทศ 66 ล้านคน นานถึง 20 ปี โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการแต่งตั้งคณะกรรมการ และการจัดทำแผน แต่เป็นการบริหารจัดการ โดย คสช. นายบรรยงตั้งคำถามว่า “จะออกมาเป็นคนไปนำทางหรือเป็นโซ่ตรวนล่ามชาติกันแน่?” แต่หวังว่าจะไม่ลงเอยแบบเดียวกับแผนของนายพลเนวินแห่งพม่า.