
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยสถานการณ์ธุรกิจร้านค้าทองคำในขณะนี้ว่า มียอดขายลดลงเฉลี่ย 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพราะกำลังซื้อของประชาชนในประเทศที่ลดลง จากสภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้คนชะลอซื้อสินค้าที่มีมูลค่าแพง เพราะคนส่วนใหญ่จะซื้อทองรูปพรรณไว้ใส่เพื่อความสวยงาม ส่วนทองคำแท่งซื้อไว้เก็บเพื่อการออม หรือเก็งกำไรระยะสั้น รวมทั้งลงทุนในระยะยาว แต่จากการที่กำลังซื้อชะลอตัวเพราะรายได้เท่าเดิมหรือบางภาคส่วน เช่น กลุ่มเกษตรกรมีรายได้ลดลง จากราคาสินค้าเกษตรที่ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น จึงนำเงินออมไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแทนการซื้อทองคำ
“ธุรกิจร้านทองเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจดี ร้านทองก็ขายดี เพราะมีเงินส่วนเหลือที่จะนำมาออมเพื่อการลงทุน แต่หากเศรษฐกิจชะลอตัว การลงทุนทองคำก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งร้านทองคงไม่ได้ปรับตัวมากนัก เพราะเป็นสินค้าที่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ”
นายจิตติกล่าวว่า ราคาทองคำในปัจจุบันอยู่ที่ 1,280 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ ออนซ์ คาดว่ามีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ในเร็วๆนี้ เพราะจิตวิทยาต่อความกังวลที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดของเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นผลทางจิตวิทยาระยะสั้นๆ ขณะที่ราคาทองคำภายในประเทศขณะนี้ ทองคำแท่งอยู่ที่บาทละ 20,200 บาท ซึ่งราคาไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก เพราะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 8% ส่งผลให้มูลค่าทองคำ หากคิดในรูปเงินบาทลดลงไปประมาณบาทละ 1,600 บาท.