หุ้นร่วงทองพุ่งน้ำมันขึ้น จับตาวิกฤติยูเครนกระทบเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างรุนแรง สวนทางกับราคาทองคำและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทะยานปรับตัวขึ้น หลังรัสเซียยิงถล่มยูเครน กดดันให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้น โยกเงินเข้าหลบภัยในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำ ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชียปรับตัวลงแดงเถือกทุกตลาด

โดยดัชนีหุ้นไทยมาปิดที่ 1,662.72 จุด ลดลง 33.73 จุด ระหว่างวันลงไปต่ำสุดที่ 1,656.62 จุด ลดลง 39.83 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 126,557.778 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,983.70 ล้านบาท รายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ 4,875.86 ล้านบาท ขณะที่ราคาทองคำโลกที่ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยทะยานขึ้นแตะ 1,950 เหรียญต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงถึง 17 รอบ โดยราคาทองแท่งช่วงเย็นเวลา 17.22 น. ราคาทองคำแท่งขายออก 30,000 บาท รับซื้อ 29,900 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 30,500 บาท เพิ่มขึ้นบาทละ 1,100 บาท จากวันที่ 23 ก.พ.65 ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกทะยานขึ้นเช่นกัน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันแน่นอน หากสู้รบกัน นอกจากราคาน้ำมันแล้ว ต้องมีผลกระทบต่อไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศ เป็นคู่ค้าของไทย ที่สำคัญนักท่องเที่ยวทั้งยูเครนและรัสเซียมาเที่ยวไทยจำนวนมาก “ราคาน้ำมันต้องติดตามไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ขณะนี้ อยู่ที่ 90-100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล อยู่ในขอบเขตที่กองทุนน้ำมันบริหารจัดการได้ กระทรวงการคลังได้เข้าไปช่วยระดับหนึ่ง แต่ถ้ารุนแรงขึ้นต้องติดตามตลอดเวลา”

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ต้องจับตาการแบ่งขั้วของกลุ่มพันธมิตร ประเทศคู่ค้า เทคโนโลยี เพราะมีผลต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมและความต้องการของแต่ละกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบตามมา แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมีผลกระทบมากพอสมควร แต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรงและไม่บานปลาย ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศตะวันตกและพันธมิตรรัสเซีย เพราะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจโลก ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถ้าราคาน้ำมันขึ้น 1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันในไทยจะมีต้นทุนสูงขึ้น 50 สตางค์ทันที ถ้ามีสงครามจริงคาดว่าราคาน้ำมันจะสูงถึง 120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 6 บาท แต่หอการค้าฯ มองว่าไม่น่ามีสงครามเกิดขึ้น

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ต้องไปดูเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ว่ามีผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่จะมาไทยหรือไม่ ขณะนี้ยังประเมินสถานการณ์ไม่ได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงหรือไม่ แต่นักท่องเที่ยวจากยูเครนและรัสเซียลดลงแน่นอน และอาจกระทบเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี ขณะที่นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพยฯ กล่าวว่า ขอให้นักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากไม่สามารถประเมินได้ว่าจะรุนแรงและขยายวงกว้างแค่ไหน แต่กระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้นักลงทุนฟังการประเมินสถานการณ์จากนักวิเคราะห์ใกล้ชิด ด้านนายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อ จะส่งผลดีให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นได้ต่อ ส่วนราคาทอง ในประเทศทะลุบาทละ 30,000 บาท หลังเงินบาทอ่อนค่าลง แนะเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง.