
อาคเนย์ประกันภัยปิดกิจการจะเป็นอย่างไร TGH เผยขั้นตอนการดูแลลูกค้าประกันรถยนต์ ประกันโควิด อู่ซ่อมรถ โรงพยาบาล รวมถึงพนักงานบริษัท
เมื่อวันที่ 26 ม.ค 65 ผู้สื่อข่าวรายงนว่า หลังจากบริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGH ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
โดยการยกเลิกประกอบกิจการนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการของ เครือไทย โฮลดิ้งส์ ที่จะพิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการไป ได้โดยไม่ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม การเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและการจัดการเกี่ยวกับภาระและกรมธรรม์ประกันภัยทั้งหมดของ อาคเนย์ประกันภัยจะต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งจะจัดให้มีการประชุมในวันนี้ (26 ม.ค. 65) ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาผลกระทบ ในกรณีดำเนินกิจการของอาคเนย์ประกันภัยต่อไป ซึ่งย่อมจะนำไปสู่การมีฐานะ หรือการดำเนินงานที่ขาดความเหมาะสมจะประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและถูกเพิกถอนใบอนุญาต เปรียบเทียบกับกรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจประกันภัย โดยสมัครใจตามขั้นตอนของกฎหมายประกันวินาศภัยแล้ว
บอร์ดของ TGH เห็นว่ามีข้อพิจารณาที่สำคัญหลายประการที่แสดงให้เห็นว่า การขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นทางเลือกที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสีย ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. อาคเนย์ประกันภัย
กรณีดำเนินธุรกิจต่อไปและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : ประสบปัญหาด้านการเงิน โดยสถานะของหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
กรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจโดยสมัครใจ : ณ วันที่ 1 ม.ค. 65 65 อาคเนย์ประกันภัยมีสินทรัพย์สุทธิคงเหลือกว่า 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการชำระคืนเบี้ยประกันภัยตามกรมธรรม์ได้และยังมีสัดส่วนการดำรงเงินกองทุนที่ประมาณ 170%
ทั้งนี้ เงินและทรัพย์สินของอาคเนย์ประกันภัย ทั้งหมดจะใช้ในการชำระคืนเบี้ยประกันภัยและ ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกัน รวมถึง การชำระหนี้ต่อผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ทั้งหมด โดยไม่ได้นำไปชำระหรือคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นของอาคเนย์ประกันภัย หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (กลุ่มTCC) แต่อย่างใด
2. หน่วยงานกำกับและรัฐบาล
กรณีดำเนินธุรกิจต่อไปและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : ปัญหาหนี้สินจะเป็นภาระต่อหน่วยงานกำกับ และ กองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งอาจมีจำนวนมากถึง 10,000 ล้านบาท
กรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจโดยสมัครใจ : ไม่เป็นภาระต่อหน่วยงานกำกับ กองทุนฯ หากจัดการกับภาระกรมธรรม์ ประกันภัยทั้งหมดที่มีอยู่อย่างเหมาะสม
3. ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยที่ไม่เกี่ยวกับโควิดของอาคเนย์ประกันภัย จำนวน 8,629,036 ราย
กรณีดำเนินธุรกิจต่อไปและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ เนื่องจากขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของอาคเนย์ประกันภัย และการเยียวยาความเสียหายของกองทุนประกันวินาศภัยฯ ในช่วงระยะเวลาที่เกิดความเสียหายในอนาคต
กรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจโดยสมัครใจ : ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้ถือกรมธรรม์ จะได้รับการคืนเบี้ยประกันตามสัดส่วน หรือได้รับการคุ้มครองต่อเนื่อง หากย้ายกรมธรรม์ไปยังบริษัทประกันภัยอื่น
4. ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยโควิด 19 ของอาคเนย์ประกันภัย จำนวน 1,851,921 ราย
กรณีดำเนินธุรกิจต่อไปและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ เนื่องจากขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของอาคเนย์ประกันภัย และการเยียวยาความเสียหายของกองทุนประกันวินาศภัยฯ ในช่วงระยะเวลาที่เกิดความเสียหายในอนาคต
กรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจโดยสมัครใจ : ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้ถือกรมธรรม์ จะได้รับการคืนเบี้ยประกันตามสัดส่วน หรือได้รับการคุ้มครองต่อเนื่อง หากย้ายกรมธรรม์ไปยังบริษัทประกันภัยอื่น
5. คู่ค้า เช่น อู่ซ่อมรถ โรงพยาบาล ตัวแทน ของ อาคเนย์ประกันภัย 9,000 ราย
กรณีดำเนินธุรกิจต่อไปและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับค่าบริการ หรือได้รับล่าช้า หากอาคเนย์ประกันภัยถูกปิดกิจการและเข้าสู่กระบวนการขอรับชำระหนี้ในขั้นตอนของการชำระบัญชี
กรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจโดยสมัครใจ : ได้รับชำระอย่างครบถ้วนหากอาคเนย์ประกันภัยยังมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน
6. พนักงานอาคเนย์ประกันภัย 1,396 คน
กรณีดำเนินธุรกิจต่อไปและถูกเพิกถอนใบอนุญาต : พนักงานอาจถูกเลิกจ้างกะทันหัน ในกรณีถูกปิดกิจการ และจะได้รับเงินชดเชยล่าช้าเนื่องจากอาคเนย์ประกันภัยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
กรณีขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจโดยสมัครใจ : พนักงานจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตามแผนงานในการเลิกประกอบธุรกิจตามที่ คปภ. ให้ความเห็นชอบ