ทำความเข้าใจ "ห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโลก" อุปสรรคสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องภาษี

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำความเข้าใจ "ห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโลก" อุปสรรคสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องภาษี

Date Time: 28 ก.ค. 2564 12:18 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

No Trade, No Vaccine ทำความเข้าใจ "ห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโลก" อุปสรรคสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องภาษี แต่ยังรวมถึงข้อบังคับด้านเทคนิคหรือด้านสุขอนามัย การควบคุมราคา และมาตรการนำเข้าที่ซับซ้อนอีกด้วย

Latest


No Trade, No Vaccine ทำความเข้าใจ "ห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโลก" อุปสรรคสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องภาษี แต่ยังรวมถึงข้อบังคับด้านเทคนิค หรือด้านสุขอนามัย การควบคุมราคา และมาตรการนำเข้าที่ซับซ้อนอีกด้วย

อ.ดร.ดวงดาว มหากิจศิริ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วัคซีนถือเป็นสินค้าที่สามารถผลิตได้ในไม่กี่ประเทศ แต่ด้วยนโยบายการค้าระหว่างประเทศทำให้ผู้คนทั่วโลกมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น ซึ่งจากการศึกษาเรื่องปริมาณการนำเข้าส่งออกวัคซีนทุกชนิดไม่จำกัดเฉพาะวัคซีนโควิด-19 ของ OECD พบว่า ประเทศที่นำเข้าวัคซีนมีจำนวน 208 ประเทศ

แต่ประเทศที่ส่งออกได้มีเพียง 90 ประเทศ อีกทั้งกระจุกตัวสูงในผู้ส่งออก 10 ประเทศ ที่ครอบคลุมมูลค่าการส่งออกกว่า 93% ของโลก ในขณะที่วัคซีนเป็นสินค้า Percentile ที่ 6 ที่มีความต้องการนำเข้าสูงที่สุดจากจำนวน 5,384 สินค้า ถือเป็นเรื่องของความไม่เท่ากันของอุปสงค์อุปทาน ที่ประเทศพัฒนาแล้วและมีทุนทรัพย์พร้อมย่อมได้สั่งซื้อก่อน

โดยเฉพาะยิ่งในช่วงเวลาวิกฤติโควิด-19 การเข้าถึงวัคซีนมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น เพราะห่วงโซ่อุปทานวัคซีนเป็นลักษณะการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันในระดับโลก ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ

1.การค้นคว้าวิจัยพัฒนาวัคซีน

2.การผลิตแบบ Mass Production และบรรจุลงภาชนะ

3.การกระจายวัคซีน ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer) ที่คิดค้นร่วมกับบริษัทสัญชาติเยอรมัน ไบโอเอ็นเท็ค (BioNTech) เคยประกาศว่าจะผลิตให้ได้ 2,000 ล้านโดสในปี 2021 นับเป็นห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนที่สุดในอุตสาหกรรมยา ด้วยแหล่งผลิตของไฟเซอร์มากกว่า 40 แห่ง และซัพพลายเออร์อีกมากกว่า 200 แหล่งทั่วโลก (ข้อมูลอ้างอิงคลิกที่นี่)

สำหรับห่วงโซ่ของวัคซีนไฟเซอร์นั้นเริ่มตั้งแต่การผลิตวัคซีน มีการใช้สารประกอบถึง 280 ชนิด จากซัพพลายเออร์ 86 แหล่ง ใน 19 ประเทศ โดยสารประกอบสำคัญ 4 ชนิด ได้แก่

1. สารที่ทำให้เกิดภูมิคุ้มกัน ผลิตในเม็กซิโก จีน ตุรกี

2. สารกันเสีย ผลิตในเยอรมนี อาร์เจนตินา อินเดีย

3. สารเพิ่มความคงตัว ผลิตในฝรั่งเศส จีน เยอรมนี

4. ยาปฏิชีวนะ ผลิตใน จีน สวิตเซอร์แลนด์

ถัดมาคือกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ โดยขวดบรรจุวัคซีน ผลิตในจีน เยอรมนี อิตาลี ส่วนจุกยางปิดขวดวัคซีน ผลิตในจีน เยอรมนี โปแลนด์ ตามมาด้วยกระบวนการขนส่งในรูปแบบระบบห่วงโซ่เย็น หรือ Cold Supply Chain ที่ต้องใช้อุปกรณ์การเก็บความเย็นตามอุณหภูมิที่กำหนดไว้ จนกระทั่งมาถึงการฉีดเข้าสู่คน อุปกรณ์ที่จำเป็นคือ หลอดและเข็มฉีดยา อุปกรณ์ป้องกัน อาทิ ชุด PPE หน้ากาก เฟซชิลด์ มีการกระจายการผลิตในหลายประเทศทั่วโลก

อ.ดร.ดวงดาว กล่าวอีกว่า ด้วยความก้าวหน้าทางการค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันค่าเฉลี่ยของภาษีวัคซีนทั่วโลกอยู่ในระดับ 0.76% ถือว่าต่ำมากเพียง 1 ใน 10 เท่าของภาษีสินค้านำเข้าทั่วไป แต่ยังคงมีการเก็บภาษีนำเข้าสารประกอบวัคซีนที่อัตราภาษี 2.6-9.4% และอุปกรณ์การฉีดที่อัตราภาษี 4.4-4.5% ส่วนภาชนะบรรจุวัคซีนและอุปกรณ์การกระจายวัคซีน เช่น กล่องเย็นและฟรีซเซอร์ มีภาษีนำเข้าสูงถึง 12.7%

นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีทำให้บางประเทศเข้าถึงวัคซีนล่าช้า เช่น ข้อบังคับด้านเทคนิคหรือด้านสุขอนามัย การควบคุมราคา และมาตรการนำเข้าที่ซับซ้อน รวมทั้งการขนส่งที่ต้องรวดเร็วซึ่งการขนส่งทางอากาศมีความเหมาะสมที่สุด แต่ปัญหาคือถูกจำกัดด้วยเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ลดลง หมายถึงค่าขนส่งทางอากาศที่สูงขึ้น

"ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ จึงต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศที่ช่วยผลักดันให้วัคซีนข้ามพรมแดนมาโดยเร็วที่สุด อาทิ การเปิดเสรี การลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ หรือสารประกอบ การลดขั้นตอนความยุ่งยากของการข้ามพรมแดน เป็นกุญแจสำคัญให้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานสามารถดำเนินได้อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะกับประเทศยากจนเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรับวัคซีน เพราะเรื่องของโรคระบาด ไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย"

ทั้งนี้ การตรวจสอบการส่งออกวัคซีนสามารถทำได้โดยการค้นหารหัสพิกัดศุลกากรตามระบบ Harmonized System ซึ่งจะแสดงยอดรวมในหมวดวัคซีน โดยสามารถเทียบกับฐานปีก่อนหรือเดือนก่อนหน้า เพื่อพิจารณาร่วมกับการใช้มาตรการจำกัดการส่งออกวัคซีนในบางประเทศได้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ