เก็บค่าเหยียบแผ่นดินคนละ 300 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอู้ฟู่รับทรัพย์จากนักท่องเที่ยว

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เก็บค่าเหยียบแผ่นดินคนละ 300 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอู้ฟู่รับทรัพย์จากนักท่องเที่ยว

Date Time: 15 ก.พ. 2566 07:45 น.

Summary

ครม.เคาะเก็บค่าเหยียบแผ่นดินเดือน มิ.ย.นี้ ทางอากาศคนละ 300บ.ทางบกและทางน้ำคนละ 150บ.เจียดส่วนหนึ่งนำไปซื้อประกันให้นักท่องเที่ยว ที่เหลือนำเข้ากองทุน คาดครึ่งปีได้เงินเข้ากองทุน 3,250 ล.บาท

Latest

ไฟเขียวบอร์ด EV ปรับมาตรการ EV3–EV3.5 มาสด้าชูไทยฐานผลิตรถ MHEV

ครม.เคาะเก็บค่าเหยียบแผ่นดินเดือน มิ.ย.นี้ ทางอากาศคนละ 300 บาท ทางบกและทางน้ำคนละ 150 บาท เจียดส่วนหนึ่งนำไปซื้อประกันให้นักท่องเที่ยว ที่เหลือนำเข้ากองทุน คาดครึ่งปีได้เงินเข้ากองทุน 3,250 ล้านบาท แอตต้าจี้รัฐวางระบบบริหารเงินอย่าให้มีช่องโหว่ และให้ตั้งกองทุนเพื่อช่วยเอกชนด้วย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ก.พ.2566 เห็นชอบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางอากาศ 300 บาท และช่องทางบก ช่องทางน้ำ 150 บาทต่อคนต่อครั้ง เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการพัฒนา การท่องเที่ยว สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการจัดให้มีการประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาแบบไปเช้า-เย็นกลับ จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม

“ยืนยันว่าการเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้ เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการทำประกันสุขภาพและอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจากการเก็บข้อมูลในปี 2560-2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใช้บริการในสถานพยาบาลของรัฐ ซึ่งรัฐต้องใช้งบดูแลมากถึง 300-400 ล้านบาท ซึ่งการเริ่มบังคับใช้กฎหมายจะเริ่มภายใน 90 วันหลังประกาศราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะเริ่มใช้ประมาณวันที่ 1 มิ.ย.2566”

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่าปีนี้จะเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 13 ล้านคน คิดเป็นวงเงิน 3,900 ล้านบาท โดยเงินที่เก็บมา 300 บาทต่อคน จะนำมาซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยว 50 บาท ส่วนที่เหลือในปีนี้คาดว่าประมาณ 3,250 ล้านบาท จะนำเข้ากองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะจัดทำระเบียบการใช้เงินมาเสนอนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการที่มาจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 10 กระทรวง มากำกับการใช้เงิน “เงินในกองทุนจะนำมาใช้ในการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นการสร้างขึ้นหรือ Man Made ตลอดจนใช้จัดอีเวนต์ต่างๆ และในกรณีเกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนการแพร่ระบาดโควิด-19 แบบที่ผ่านมา ก็สามารถนำเสนอ ครม.ให้นำเงินดังกล่าวมาให้ภาคเอกชนท่องเที่ยวกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องได้”

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า รัฐบาลต้องวางรูปแบบการบริหารค่าเหยียบแผ่นดินตั้งแต่ตอนนี้ เพราะต่อไปจะเป็นเงินก้อนใหญ่ระดับหมื่นล้านบาท จึงต้องวางระบบและหาคนบริหารจัดการให้ดี ไม่ใช่นำออกมาใช้จ่ายทีละเล็กละน้อย และขอเสนอว่าคณะกรรมการที่จะมาดูแลการใช้จ่ายเงิน ควรมีตัวแทนของภาคเอกชนร่วมด้วย นอกจากนั้นต้องกำหนดสัดส่วนที่จะแบ่งวงเงิน มาจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2566 สมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และสมาคมโรงแรมไทย ได้ร่วมกันเชิญตัวแทน 7 พรรคการเมืองร่วมแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว โดยนายสรเทพ โรจน์พจนารัช พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เสนอให้แบ่งเงิน 100 บาท เงินจากการเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่อคนมาจัดตั้งเป็นกองทุนให้ภาคเอกชนท่องเที่ยว ขณะที่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เสนอให้มีการจัดตั้งธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว ให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกกว่า ขณะที่นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ภาครัฐบาลควรหาวิธีลดต้นทุนให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้ฟื้นจากโควิด-19 ขณะที่นายวรภพ วิริยะโรจน์ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า โอกาสที่มองเห็นในตอนนี้คือการพัฒนาให้เกิดซิงเกิลแพลตฟอร์มสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเกิดความสะดวกและจองห้องพักผ่านของโรงแรมระบบนี้ได้ด้วย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ