
“นายกฯ” เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ นั่งเป็นประธานด้วยตัวเอง ดึงรองนายกฯทุกคน รัฐมนตรีจาก 5 กระทรวงหลัก ปลัด 7 กระทรวง รวมทั้ง เลขาฯ สศช. เลขาฯ สมช. และกฤษฎีกาเข้าร่วม ทำหน้าที่เหมือน ครม.เศรษฐกิจ แก้ปัญหาวิกฤติพลังงานและอาหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 ก.ค. 2565 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ โดยมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้ เป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการสภาความมั่นคงแห่งชาติก่อนหน้านี้ที่ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่เสมือนคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) โดยคำสั่งของนายก รัฐมนตรี ระบุว่า จากกรณีที่เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของไทย โดยทำให้หลายประเทศรวมทั้งไทยต้องประสบปัญหาที่กระทบต่อต้นทุนราคาพลังงานและวัตถุดิบ ส่งผลต่อการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพลังงานเชื้อเพลิงและสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งการขาดแคลนวัตถุดิบที่สำคัญในห่วงโซ่การเกษตรอันส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารสถานการณ์และการดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจดังกล่าวระหว่างส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเป็นไปอย่างบูรณาการ ทันต่อสถานการณ์ บรรเทาผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และกรรมการอีก 23 คน ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และรัฐมนตรีว่าการจาก 5 กระทรวง ประกอบด้วย รมว.คลัง รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.คมนาคม รมว.มหาดไทย และรมว.อุตสาหกรรม รวมทั้งปลัดจาก 7 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ เกษตรและสหกรณ์ คมนาคม พลังงาน พาณิชย์ มหาดไทย อุตสาหกรรม รวมทั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นกรรมการและเลขานุการ
สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ ให้กำหนดแนวทางการบูรณาการ และขับเคลื่อนให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้คลี่คลายลงโดยเร็ว รวมทั้งกำหนดแผนเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในระดับวิกฤติเศรษฐกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน และขับเคลื่อน ในการแก้ไขปัญหาหรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กลั่นกรอง รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะหรือความเห็นในการแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากผลกระทบของสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจต่อนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีด้วย
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเรียกประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ โดยการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการดังกล่าวจะมีลักษณะเดียวกันกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ฝ่ายเศรษฐกิจที่มีการนำหน่วยงานทางเศรษฐกิจเข้ามาหารือทำงานร่วมกันวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์และผลกระทบที่เกิด การให้ข้อเสนอแนะและความเห็นต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาในภาพใหญ่ของประเทศและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในระดับวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งจะได้กำหนดรายละเอียดและวิธีปฏิบัติตามเวลาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะเชิญภาคเอกชนและภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมการดำเนินการด้วย
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ได้ดูแลสถานการณ์เศรษฐกิจต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงใกล้แตะ 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด.