เอกชนสุดระทมโควิดซ้ำ 3 ระลอก สภานายจ้างฯชี้เศรษฐกิจเสียหาย 11 ล้านล้าน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เอกชนสุดระทมโควิดซ้ำ 3 ระลอก สภานายจ้างฯชี้เศรษฐกิจเสียหาย 11 ล้านล้าน

Date Time: 14 ก.ค. 2564 07:21 น.

Summary

สภาองค์การนายจ้างฯประเมินผลกระทบต่อโควิด–19 ตั้งแต่ระบาดรอบแรก เดือน ก.พ. 63 ลากยาวถึงขณะนี้ สร้างความเสียหาย ทำให้มูลค่าเศรษฐกิจไทยหายไปกว่า 11 ล้านล้านบาท

Latest

ผ่านปี 68 "งูร้าย" สู่ปี 69 "ม้าเหนื่อย" เฟ้นหา "แสงสว่าง" ท่ามกลางปัจจัยลบ

สภาองค์การนายจ้างฯประเมินผลกระทบต่อโควิด–19 ตั้งแต่ระบาดรอบแรก เดือน ก.พ. 63 ลากยาวถึงขณะนี้ สร้างความเสียหาย ทำให้มูลค่าเศรษฐกิจไทยหายไปกว่า 11 ล้านล้านบาท วอนรัฐเยียวยาเต็มที่ลดผลกระทบล็อกดาวน์รอบนี้ที่คาดจะลากยาวเกิน 14 วัน

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านแรงงาน และผู้ประกอบการ หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ออกมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว 10 จังหวัด เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-25 ก.ค. ว่า จะส่งผลกระทบต่อการว่างงานให้เพิ่มขึ้นแต่จะมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับมาตรการเยียวยาของรัฐบาลในทางปฏิบัติว่าจะสามารถแก้ไขได้ตรงจุดหรือไม่

สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในขณะนี้ คือ ผู้ประกอบการภาคธุรกิจในกลุ่มผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่มีความบอบช้ำจากวิกฤติที่เกิดขึ้นตั้งแต่การระบาดระลอกแรกจนถึงการระบาดในระลอกที่ 3 ซึ่งทำให้กำลังซื้อของคนไทยอ่อนแอลงต่อเนื่อง และแม้การล็อกดาวน์ครั้งนี้จำกัดวงแค่ 10 จังหวัด แต่เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนต่ออัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และการจ้างงานรวมกันสูงถึง 60-70% ของจีดีพีรวม

ดังนั้น หากพิจารณาภาพรวมความเสียหายทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวมาตั้งแต่เดือน ก.พ.2563 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจไทยอาจสูงกว่า 11 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 65.3% ของจีดีพี เมื่อเทียบจากฐานปี 2562 คิดจากมูลค่าของจีดีพีที่หดตัวลง โดยได้รับผลกระทบทั้งด้านการส่งออก และรายได้จากการท่องเที่ยวที่สูญหายไปจำนวนมหาศาล โดยแม้ว่าส่งออก 5 เดือนแรกของ ปีนี้จะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจในประเทศก็ยังทรุดตัวต่อเนื่อง

“การล็อกดาวน์รอบนี้ จะทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ผู้ค้ารายย่อย แผงลอย พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัด, ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว, การก่อสร้าง ฯลฯ มีแนวโน้มที่จะยังทรุดตัวต่อเนื่อง และยังเป็นแรงกดดันต่อภาวะความเปราะบางของตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น เพราะธุรกิจเหล่านี้มีการจ้างแรงงานสูงมาก คิดเป็น 2 ใน 3 ของการว่าจ้างแรงงานทั้งหมด”

นายธนิตกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากพิจารณาตัวเลขแรงงานในระบบประกันสังคม มาตรา 33 เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวน 11.07 ล้านคนเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีจำนวน 11.54 ล้านคน ชี้ให้เห็นว่าวิกฤติเศรษฐกิจทำให้แรงงานในระบบหายไปถึง 463,275 คน ลดลง 4.01% และเมื่อพิจารณาจากแรงงานต่างด้าวพบว่า เดือน พ.ค.2562 แรงงานต่างด้าวทุกประเภทมีจำนวน 3.189 ล้านคนเทียบกับเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวนลดลงเหลือ 2.307 ล้านคน หรือหายไปถึง 27.6% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาการล็อกดาวน์ครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย. 2563 จำนวนแรงงานในระบบประกันสังคมลดลงอย่างมากและต่อเนื่องตลอดทั้งปี แม้ว่ารัฐบาลจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผ่านโครงการต่างๆของรัฐใช้เงินไป 513,000 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินจากประกันสังคมและเงินกู้เสริมสภาพคล่องเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งใช้เงินไปแล้ว 300,000 ล้านบาท แต่ก็ไม่ช่วยให้การจ้างงานกลับมา โดยสะท้อนจากเดือน ม.ค.-พ.ค.แรงงานในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้นเพียง 22,157 คน ขณะที่แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายเพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัยถึง 126,468 คน

“การล็อกดาวน์ครั้งนี้เอกชนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้จบภายใน 14 วัน เพราะประชาชนใน 10 จังหวัดก็ยังคงเดินทางกันตามปกติ ขณะที่กิจกรรมบางอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ แม้รัฐบาลจะประกาศเคอร์ฟิวในบางช่วงเวลา แต่ก็เป็นเวลาที่คนก็ไม่ได้เดินทางไปห้างสรรพสินค้าหรือมีกิจกรรมกลางคืนแต่อย่างใด”

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากการอนุมัติวงเงินเยียวยาผลกระทบกว่า 42,000 ล้านบาทแล้ว น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปีแก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสปาและกิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมความงามออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.64 - 17 มี.ค.65 และยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการแก่การดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงแก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 2 ปี.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ