“ทักษิณ ชินวัตร” ยอมรับช็อกและโกรธมากปมคลิปเสียง ทำลูกผมถึงขนาดนี้ ซัด “ฮุน เซน” เจ้าเล่ห์ โทรหาส่วนตัวหลัง “อิ๊งค์” เตรียมรอ 3 ชม. อ้างว่าหลับ ขอโทษพลาดคบคนแบบนี้ แต่มั่นใจสงครามไม่เกิด


วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านเวที Exclusive Talk ผ่าทางตันประเทศไทยกับ 3 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย โดยในช่วงหนึ่งตอบคำถามถึงเรื่องคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยพิธีกรถามว่ายังเป็นพี่น้องกันหรือไม่กับสมเด็จฮุน เซน รู้จักกันมา 33 ปี นายทักษิณ ตอบว่า “เคยเป็น ทำลูกผมถึงขนาดนี้เนี่ย ผมถึงกับช็อกเลย ช็อกความรู้สึกเลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง” พิธีกรพูดว่านายทักษิณมีน้ำตาขณะพูด

นายทักษิณ กล่าวต่อไปว่า ลูกจะโทรศัพท์คุยกับตนตลอด วันนั้นเขาบอกว่าเดี๋ยวจะไปที่โรงแรมโรสวูด จะไปพบกับนายเคลียง ฮวด (ล่ามแปลภาษากัมพูชาให้ น.ส.แพทองธาร ในคลิปเสียง) ซึ่งนายฮวด จะต่อสายให้คุยกับสมเด็จฮุน เซน เขาเป็นคนอยากพูด นายกรัฐมนตรีจึงชวน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ในขณะนั้น) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปด้วยกันเพื่อที่จะรอคุย รออยู่เกือบ 3 ชั่วโมง โดยอ้างว่าหลับ และยังมีการถ่ายรูปท่าหลับมาให้ดู

“2 ชั่วโมงกว่าๆ โทรมาบอกผม ผมบอกกลับเถอะลูก ไม่ต้องไปรอมันหรอก ลูกก็สัก 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับ คณะที่มานั่งอยู่ด้วยกันก็แยกย้ายกันกลับ มันโทรเข้ามือถือส่วนตัวเพราะรู้เบอร์ สงสัยว่าไม่ได้หลับหรอกเตรียมอัดเทป เขาน่าจะรู้ว่าเรามีรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ด้วย โทรเข้าส่วนตัวเลย แหมมันก็น่าเจ็บใจว่าทำกันได้ยังไง เมื่อโทรมาก็ต้องรับสายเพราะทุกคนแยกย้ายไปแล้ว เดิมทีเราตั้งใจจะไปคุยแบบให้มันมีข้อมูล มีอะไรที่คุยกันรู้เรื่อง”

...

พิธีกรถามต่อหลังจากคลิปเสียง สมเด็จฮุน เซน ออกมาโจมตีนายทักษิณบ่อย ซึ่งนายทักษิณ ตอบว่า ไม่เห็นเป็นไรในเมื่อความสัมพันธ์มันจบ ก็จบไป ตนพยายามสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น คงไปเหยียบตาปลาอะไรเขาสักอย่าง พร้อมเล่าต่อถึงวันที่ถอนกำลังทหาร ฟังข่าวทราบว่าทางกัมพูชามีการเคลื่อนกำลังไป 12,000 คนไปที่ชายแดน

“ผมโกรธมาก ผมโทรไป ฮวด เฮ้ยมึงบอกเจ้านายมึงดิ๊ กูไม่อยากพูดเอง พูดเองเดี๋ยวเกิดอารมณ์คุมไม่อยู่ ไปบอกเลยนะ ลูกเราเป็นผู้นำทั้ง 2 ประเทศ จะทำสงครามกันใช่ไหม บอกให้ฮวดบอกเดี๋ยวนั้นเลยว่า คำพูดของผม ให้ไปบอกเลย โทรตรงกลัวคุมอารมณ์ไม่อยู่ เดี๋ยวมันจะแรงไป”

นายทักษิณ ยังเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์โปเชนตง ปี 2546 ที่เกิดกรณีเรื่องดาวพระศุกร์ อ้างว่ากบ สุวนันท์ พูดว่าเสียมเรียบเป็นของไทย ซึ่งกบ สุวนันท์ ไม่ได้พูด แต่กลายเป็นปลุกกระแสคลั่งชาติบุกเผาสถานทูตไทย ตนโทรศัพท์ไปตอนแรกก็รับสายคุยกันดี แต่มาตอนหลังไม่รับสาย จึงโทรศัพท์บอก นายจอม ประสิทธิ์ รัฐมนตรีที่สนิทกับสมเด็จฮุน เซน ว่าดูแลคนไทยให้เรียบร้อย อย่าให้มีคนไทยเจ็บตาย แต่เมื่อตนเห็นท่าไม่ดีก็เรียก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น มาพบที่ทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 21.00 น.

“ผมโทรไปบอกว่าถ้าไม่การันตีความปลอดภัยของคนไทย พรุ่งนี้ก่อนฟ้าผมจะส่งเครื่องบิน C-130 พร้อมหน่วยคอมมานโดไปที่สนามบิน และคืนนั้นผมสั่งเรือจักรีนฤเบศรออกเลย ให้ไปจอดลอยเรืออยู่ที่สีหนุวิลล์พร้อมเฮลิคอปเตอร์ เพราะผมกะว่าถ้าจะต้องคุ้มครองเครื่องบินเราเนี่ย เราจะต้องเอาเฮลิคอปเตอร์ลง ก็จอดรอไว้ตรงนั้น พอก่อนฟ้าสางส่งเครื่องบินไป นั่นก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะ แต่ถือว่าเรื่องประเทศสำคัญกว่า”

ในประเด็นห้องนอนที่บ้านของสมเด็จฮุน เซน นั้น นายทักษิณ ยอมรับว่าเป็นห้องนอนจริงๆ โดยพิธีกรถามต่อว่าผ้าสีชมพูรสนิยมใคร นายทักษิณ ตอบว่า “คงไม่ใช่รสนิยมผม” ก่อนจะถามต่อไปว่าประเด็นคะแนนนิยมตก คนที่สนิทกันไม่ควรทำขนาดนี้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เขาไม่ได้ทำร้ายเราเท่านั้น แต่ทำร้ายตัวเองด้วย เพราะความน่าเชื่อถือไม่มีแล้ว วันนี้ไม่มีใครคบแล้ว ไม่มีใครเข้าไปขอพูดด้วย เพราะไม่รู้ว่าอัดเทปหรือเปล่า

เมื่อถามอีกว่าเป็นเพราะนายทักษิณ พูดเรื่องคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ นายทักษิณ เผยว่า ตอนหาเสียงปราศรัยช่วยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตนบอกว่าตึก 25 ชั้นเป็นที่ซ่องสุมคอลเซ็นเตอร์ จึงให้ตำรวจไปสืบจนได้หลักฐานมาหมดว่าเอาคนไทยไปกักไว้อย่างไรไปทำคอลเซ็นเตอร์ กลายเป็นเศรษฐกิจกัมพูชาหลอกลวงเงินคนไทยไป ส่วนประเด็นการออกหมายจับ นายก๊ก อาน คนสนิทของสมเด็จฮุน เซน นายทักษิณ บอก วันนี้เรารู้เยอะเลยว่าโยงใยคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน บริษัทฮุยวัน เป็นแบล็กลิสต์ของอเมริกา ผู้ถือหุ้นใหญ่คือคนจีน คนนี้รับฟอกเงินทุกอย่าง แล้วก็มีหลานชายสมเด็จฮุน เซน ชื่อฮุน โต เป็นผู้ถือหุ้นด้วย

ทางด้านคำถามว่าตั้งแต่คลิปเสียงถูกปล่อยออกมา จน น.ส.แพทองธาร ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ได้คุยกับสมเด็จฮุน เซน หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่รู้จะคุยทำไม ผมส่งข้อความไปอันเดียว บอกว่าสิ่งที่ยูทำอย่างนี้ มันเสียหายทั้งยูทั้งไอนะ แค่นี้ แล้วไม่ตอบ”


ประเมินหรือไม่ว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้จะบานปลาย นายทักษิณ ตอบว่า ไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะบานปลาย วันนั้นที่ตนโทรศัพท์ไปโวยวายเขาถามกลับมาว่าจะให้เขาทำอย่างไร ตนบอกว่าก็ต้องถอนกำลัง เขาบอกว่าจะอนุญาตให้ทหารที่ชายแดนพูดคุยกับทหารฝั่งไทย แล้วก็จะนำไปสู่ JBC ต่อมาเขามีการถอนทหาร แต่บังเอิญว่าทหารไทยมีโปรแกรมไว้แล้วว่าขั้นตอนต่อไปคือจะปิดด่าน เลยโกรธ หาว่าเขาถอนทหารแล้วเราปิดด่าน ไม่รักษาสัญญา

“อิ๊งค์เขาโพสต์คำว่า วิธีทำแบบนี้ไม่ Professional ก่อนที่จะปล่อยเทป ก็โกรธ 2 อย่าง โกรธเรื่องคำว่าไม่ Professional กับเรื่องปิดด่าน แต่สำคัญจำไว้นะวันนี้ เรากับกัมพูชาไม่อยู่ในสถานะสงครามต่อกัน เพราะยังไม่ได้ประกาศสงคราม ถูกไหมตามกฎหมาย มันเป็นแค่ความขัดแย้งชายแดน เรายังไม่ได้ประกาศสงคราม เพราะฉะนั้นทุกอย่างยังอยู่ที่การพูดคุยกันแบบสันติได้อยู่”

พร้อมเผยต่อไปว่า การประชุม JBC, RBC และ GBC ถ้ากัมพูชาไม่รับ ก็ช่วยไม่ได้ไม่เป็นไร ยอมรับว่าสนิทกับสมเด็จฮุน เซน จริงๆ คิดไม่ถึงว่าคนสนิทกันขนาดนั้นจะเป็นอย่างนี้ แต่ตนถือเรื่องของประเทศมาก่อน เมื่อถามย้ำว่ายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม นายทักษิณ ระบุว่า “สงสัยต่างคนต่างลืมชื่อกันไปแล้ว” ในช่วงหนึ่ง นายทักษิณ เปิดเผยว่ามีเส้นเงินจากไทยเกี่ยวกับเรื่องแรงงาน จาก นาย ก. ซึ่งมีความสัมพันธ์กับเรื่องแรงงาน โอนเงินไปยังที่ปรึกษารัฐมนตรีแรงงานของกัมพูชา มีการโอนไปแล้วก็โอนกลับประมาณ 100 กว่าล้านบาท แต่ไม่รู้ว่าสนิทกับสมเด็จฮุน เซน หรือไม่

“ผมก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เขาโกรธ ถ้าจะโกรธก็น่าจะโกรธเรื่องนี้แหละ เขาก็ให้เกียรติผม ผมก็ให้เกียรติเขา เขาเรียกผมเป็นพี่ชาย ก็คบกันมาแบบนี้ ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ไม่รู้จะเอาประสาทส่วนไหนคิดได้ว่ามันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”

สำหรับประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน บอกว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริงนั้น นายทักษิณ ระบุว่า อยากพูดอะไรก็พูดไป ไม่มีปัญหา ก็แปลกนะเรามีปัญหากับเขมร แต่เหมือนจะเข้าข้างเขมรไปส่วนนึง พร้อมแนะนำให้ไปเข้า Google ดูว่าพระยาละแวกเป็นใคร จะได้เข้าใจอะไรมากกว่านี้ เรามีประวัติศาสตร์มาเยอะที่เจ็บช้ำ


นายทักษิณ ยืนยันเราไม่ต้องการประเทศที่ 3 เข้ามา และเรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จริงๆ แล้วเรื่องไม่ได้ใหญ่เลย เรื่องนิดเดียว การที่ น.ส.แพทองธาร คุยกับสมเด็จฮุน เซน ก็ไม่ใช่ผู้นำต่อผู้นำ แต่ในฐานะคนคุ้นเคย หวังจะพูดให้เขาได้ใจอ่อนช่วยกัน นักธุรกิจเวลาเจรจามี 2 มุมแบบ compromise กับรุนแรง เรารู้จักกัน ไปมาหาสู่ ก็เรียกกันเป็น Uncle เป็น Brother กันอยู่ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้

“เมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องขอโทษพี่น้องว่ามันพลาดจริง พลาดที่คบคนอย่างนี้ วันนี้ไม่ต้องห่วง ไม่มีสงครามแน่นอน ไม่มีความขัดแย้งถึงขนาดรบราฆ่าฟันกันแน่นอน ตอนนี้ต่างคนต่างฟอร์ม ก็ดำน้ำแข่งกันและกัน ใครอึดกว่า”

ในประเด็นข้อกล่าวหาและร้องต่อศาลว่า น.ส.แพทองธาร ขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากเรื่องคลิปเสียงสนทนา และมีการพูดถึงทหารว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม นายทักษิณ บอกว่า คำว่าตรงข้ามตรง จะเป็นข้ามความคิดก็ได้ ตรงข้ามการฝักใฝ่ทางการเมืองก็ได้ มันตรงข้าม เพราะเรายังไม่ได้ประกาศสงคราม ไม่ได้หมายความว่าเราเข้าข้างศัตรู แต่การเจรจาเพื่อให้เกิดความโน้มน้าวกันสามารถเจรจาได้หลายแบบ แล้วเป็นการเจรจาที่ไม่เป็นทางการ เป็นเรื่องที่เขาโทรศัพท์เข้ามา เราเตรียมการคุยแบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่เขาเจ้าเล่ห์ เมื่อถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าสมเด็จฮุน เซน อ้างว่าหลับ นายทักษิณตอบทันที “ไม่เชื่อ”

ในช่วงท้าย นายทักษิณ ฝากว่า “อยากจะบอกพี่น้องทุกคน โดยเฉพาะคนที่จะเป็นขาประจำ ผมไม่เป็นอันตรายต่อบ้านเมืองแต่ผมเชื่อว่าผมยังสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้เยอะ ผมอยู่ ผมรับรู้ทุกเรื่อง และจะทำในสิ่งที่ถูกต้องและประโยชน์ต่อบ้านเมืองที่สุด ผมยึดบ้านเมืองเป็นหลัก เรื่องอื่นเล็กมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าผมไม่ขยันในเรื่องบ้านเมือง เรื่องเศรษฐกิจ ผมดูทุกเรื่อง แต่ว่ามันขับเคลื่อนยาก ตอนนี้ระบบราชการมันเปลี่ยนไป กฎหมายมันเปลี่ยนไป ปฏิวัติมา 2-3 ครั้งทำให้กฎหมายเปลี่ยนไปเยอะ โครงสร้างทางการเมืองก็เปลี่ยนไปเยอะ มันยากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ละความพยายาม ผมอยู่ ผมรับผิดชอบ ผมทำเต็มที่เพื่อบ้านเมือง”