คนเมืองหลวงเสื้อแดง ยอมรับผิดหวังฟัง “คลิปนายกฯคุยสมเด็จฮุน เซน” บั่นทอนกองทัพไร้ภาวะผู้นำขาดประสบการณ์ เรียกร้องให้ยุบสภา หรือลาออก บอกให้กลับไปทบทวนตัวเองใหม่ กับบทบาทผู้นำประเทศ เรื่องปากท้องก็ไม่ดีขึ้น เงินดิจิทัลที่รับปากไว้ก็ไม่ทั่วถึง
จากกรณีคลิปสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ โดยเป็นการสนทนาเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา การปิด-เปิดด่าน ทั้งยังมีการอ้างถึงแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝั่งตรงข้าม ซึ่งต่อมานายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงชี้แจง ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงจริง ทำให้มีกระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว รวมไปถึงท่าทีของพรรคการเมือง ซึ่งหลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ยุบสภา ลาออก และเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้นัดชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดง มี สส.พรรคเพื่อไทย 7 คน จาก 10 เขต ซึ่งประชาชนกลุ่มจักรยานยนต์และสามล้อเครื่องรับจ้าง ภายใน บขส.แห่งที่ 1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี ได้จับกลุ่มเปิดดูคลิปผ่านโซเชียล พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์คลิปดังกล่าวไปต่างๆ นานา ส่วนมากจะไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี

...
โดยนายเทิดทูน สมภารวัด อายุ 55 ปี แสดงความคิดเห็นว่า ในกรณีเรื่องชายแดน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องเด็ดขาดในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้สนับสนุนให้เกิดสงคราม การเจรจามันก็ดี แต่บางครั้งโดนยั่วยุมาก โดนอะไรมากๆ ก็ยอมเขาหมด ตามที่ตนเห็นแต่เบื้องลึกตนก็ไม่รู้ ส่วนคำพูดว่าให้แม่ทัพเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” ซึ่งเป็นคำพูดของนายก คนอื่นพูดตนจะไม่สนใจเลย แต่นี่เป็นผู้นำประเทศพูด เป็นสตรีหมายเลข 1 ฝ่ายบริหาร จะต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ การใช้คำพูดมันต้องดูดีกว่านี้ ถือเป็นการบั่นทอนกำลังใจของกองทัพ ตนคิดว่าไม่สมควร ระดับผู้นำประเทศ การพูดมันสำคัญ ภาวะผู้นำสำคัญที่สุด
นายเทิดทูน แสดงความคิดเห็นต่อว่า ส่วนกรณีชายแดน แผ่นดินน่าจะเป็นของไทย เพราะไทยไม่เคยไปหาเรื่องใคร มากล่าวอ้างคล้ายกับกรณีบ้านร่มเกล้า ทหารไทยไม่เคยเกเร ให้ไปฟังอดีตทหารพราน บัณฑิต คำศรีเมือง พูด ไปฟังคลิปเก่าๆ จะรู้เลยว่า ทหารฝ่ายตรงข้ามเกเร เราต้องรักษาแผ่นดินไทยไว้ ถ้าจะให้ผมไปรบ ผมก็จะไปพร้อมบวกเลย ส่วนเรื่องการเมืองอยากให้ยุบสภา เพราะไม่เห็นเป็นรูปธรรมอะไร เงินดิจิทัลที่รับปากไว้ก็ไม่ทั่วถึง แค่นี้คุณยังทำไม่ได้แล้วจะไปรักษาประเทศ
“ให้กลับไปทบทวนตัวเองใหม่ ว่าเป็นผู้นำประเทศ ต้องสวมหน้ากากเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าอยู่บ้านก็เป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูกอยู่กับสามีนั่นไม่ว่ากัน แต่ถ้าประชุมสภาเรื่องนี้ก็ต้องแอคชั่นแล้ว แม้จะเป็นผู้หญิงก็ตามก็แอคชั่นได้ มีบู๊มีบุ๋นเหมือนกัน มันต้องครบเครื่องการเป็นนายก เป็นผู้นำ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีมาบริหารประเทศชาติ เรื่องความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชนก็ดิ่งลงเลย ถูไถไปเลย มาเข้าวินตั้งแต่เช้าถึงตอนนี้ได้เงินแค่ 120 บาท”
ส่วนนางวรรณี ศิริพันธ์ อายุ 70 ปี แม่อาหารตามสั่ง เผยว่า ขณะยังไม่มีลูกค้าก็ได้เปิดฟังคลิปนายกรัฐมนตรีไทย สนทนากับฮุนเซน ก่อนเล่าว่า รู้สึกเสียใจ ใจหาย ตนอายุมากแล้ว คิดว่านายกอายุยังน้อย ยังตัดสินใจไม่ได้ ความคิดยังเป็นวัยรุ่น เห็นว่าอยากให้เขาช่วย ซึ่งคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันคนละประเทศ ส่วนการทำงานก็ไม่ไปหน้ามาหลัง มันไม่ใช่ความคิดของนายกฯ เพราะนายกฯ ยังอายุน้อย จะให้คิดอะไร จึงอยากให้นายกฯ พิจารณาตัวเอง ถ้าบริหารไม่ได้ก็ลาออกไป หาคนอื่นมาแทน ส่วนเรื่องชายแดนก็อยากให้อยู่เงียบแบบปกติ ค้าขายกันเหมือนเดิม เพราะอย่างไรก็มีชายแดนติดกัน พื้นที่ก็เป็นของไทยแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว

“ตั้งแต่นายกมาบริหารประเทศ เรื่องปากท้องของประชาชน ก็ไม่ไปหน้ามาหลัง หรือไม่ดีขึ้น ประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเอง หากินกันไปแต่ต้องประหยัด สิ่งใดไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ เช่นเสื้อผ้าปีนี้ไม่ได้ซื้อเลย อยากฝากกำลังใจให้แม่ทัพภาคที่ 2 ช่วยปกป้องประเทศชาติไว้ให้ดี มีกำลังใจมากๆ เพื่อดูแลประชาชน”