Thairath Money พามารู้จักกับ "TACO" ที่ไม่ใช่อาหารเม็กซิกัน แต่มาจาก "Trump Always Chickens out" คำศัพท์ที่นักลงทุนต่างประเทศใช้ล้อเลียนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพฤติกรรมที่เกิดซ้ำจนหลายคนเริ่มรู้ทัน และไม่ตื่นตระหนกกับข่าวใหญ่ของทรมป์อีกต่อไป ใครเป็นคนตั้งชื่อให้ แล้วมันเกิดมาจากอะไร?
คำนี้กลายเป็นศัพท์ยอดฮิตในแวดวงนักลงทุนช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาเริ่มเชื่อว่า ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นร่วงจากนโยบายของทรัมป์ สุดท้ายเขามักจะถอยกลับมาเสมอ โดยคำว่า TACO ย่อมาจาก “Trump Always Chickens Out” จากสำนวนภาษาอังกฤษ "Chickens Out" ที่แปลว่า ถอนตัวเพราะกลัว, เปลี่ยนใจไม่ทำเพราะไม่มีความกล้า
คำนี้ถูกบัญญัติโดย Robert Armstrong คอลัมนิสต์จาก Financial Times ผู้เขียน Taco trade theory and the US market’s surprise comeback เพื่อล้อลักษณะการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่มักประกาศนโยบายแรงๆ แต่สุดท้ายก็มักจะถอยทุกครั้ง เช่น การขู่ด้วยภาษีอัตราสูง แต่พอเจอกับกระแสตีกลับก็เปลี่ยนใจขยายเวลาหรือระงับคำสั่งชั่วคราว
“การเปลี่ยนใจกลับลำ” ได้กลายเป็นเครื่องหมายการค้าทางนโยบายของทรัมป์ ทั้งในวาระแรกและวาระที่สอง ย้อนไปช่วงสงครามการค้าในปี 2018–2019 เขาขู่ขึ้นภาษีการค้าแบบครอบคลุมหลายครั้ง รวมถึงการแบน TikTok แอปพลิเคชั่นวิดิโอสั้นยอดนิยมในสหรัฐฯ แต่สุดท้ายก็มักจะผ่อนปรนหรือยืดเวลาในการเจรจาออกไป
พฤติกรรมลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในกับการขึ้นมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ “Liberation Day” ที่ประกาศในช่วงต้นเดือนเมษายนในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก S&P 500 ดิ่งลงมากกว่า 12% ในสัปดาห์ถัดมา แต่เมื่อตลาดเริ่มผันผวนอย่างหนัก ฝ่ายบริหารของทรัมป์ก็เริ่มลดโทนความแข็งกร้าว และประกาศเลื่อนการเก็บภาษีออกไปอีก 90 วัน ส่งผลให้ตลาดค่อยๆ ฟื้นตัว โดยปัจจุบัน S&P 500 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนการประกาศนโยบายถึง 4% และปรับเพิ่มขึ้น 0.7% ตั้งแต่ต้นปี
ในมุมของผู้สนับสนุน การขู่แล้วถอยกลับเหล่านี้สะท้อน “กลยุทธ์การเจรจาอันแยบยล” ของทรัมป์ ที่พยายามบีบบังคับให้รัฐบาลต่างประเทศยอมอ่อนข้อเพื่อทำข้อตกลงการค้า แต่กลับกันสำหรับนักลงทุนจำนวนมากดูเหมือนการ “ถอย” มากกว่ากลยุทธ์
เมื่อความไม่ไว้วางใจเริ่มก่อตัวขึ้น นักลงทุนจะเริ่มไม่ใส่ใจคำขู่ต่างๆ มองว่าเป็นแค่คำขู่หลอก และเลือกที่จะดำเนินกลยุทธ์การลงทุนโดยสมมุติว่า “ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงจริง” ส่งผลให้ความผันผวนในตลาดลดลงชั่วคราว แต่ในทางกลับกัน ผู้นำก็จะสูญเสียพลังในการกำหนดความคาดหวังของตลาดและเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดจะฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจจริงกลับยังไม่สะท้อนภาพในเชิงบวกมากนัก นักวิเคราะห์ชี้ว่า การดำเนินนโยบายของทำเนียบขาวในช่วงนี้ถือว่ามีผลกระทบเชิงประวัติศาสตร์ และอาจก่อให้เกิดความเปราะบางในระยะยาว หากพฤติกรรม “ขู่ทุกที แต่ถอยทุกครั้ง” ยังคงเกิดซ้ำอีกต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
อ้างอิงข้อมูล The Guardian
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -