เซ็ปเป้ (SAPPE) บริษัทเครื่องดื่มสัญชาติไทยที่ก้าวขึ้นสู่ระดับโลก ด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอย่างโมกุโมกุที่ขายไปแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลก นำโดย “ปิยจิต รักอริยะพงศ์” ซีอีโอหญิง
เส้นทางของเซ็ปเป้เริ่มต้นจากครัวเล็กๆ ของครอบครัว ที่คุณพ่อคุณแม่ของปิยจิต รักอริยะพงศ์ ทำธุรกิจขนมปังกรอบกระเทียม ทาเนยน้ำตาล และคุกกี้ต่างๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยายสายผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ
กระทั่งตลาดโมเดิร์นเทรดเริ่มมา และขนมเข้าโมเดิร์นเทรดยาก เพราะเป็นของสด ครอบครัวจึงไม่กระจายขนมเข้าโมเดิร์นเทรด
จุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจเกิดขึ้นเมื่อเจเนอเรชั่น 2 ก้อง-อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ พี่ชายของปิยจิต คิดทำเครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่มีวุ้นมะพร้าว และในปี 2544 เครื่องดื่มโมกุโมกุจึงเกิดขึ้น ด้วยการทำงานร่วมกับอาจารย์มหาวิทยาลัย เพื่อคิดค้นเครื่องดื่มที่ใส่วุ้นมะพร้าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก
"สมัยนั้นยังไม่มีชานมไข่มุก เราเป็นเจ้าแรกของโลกในเรื่องของเครื่องดื่มใส่วุ้นมะพร้าว เครื่องดื่มที่จะต้องเคี้ยว" ปิยจิตภูมิใจเล่าถึงนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค
ความสำเร็จของโมกุโมกุในช่วงแรกเกินความคาดหมาย เธอบอกว่า "สมัยนั้นมีรถ 6 ล้อ 10 ล้อมาจอดหน้าโรงงาน เพื่อที่จะมารอรับของที่ผลิตเสร็จใหม่ๆ แล้วเอาไปส่งต่อ"
การตอบรับที่ดีเกินคาดทำให้ครอบครัวตระหนักว่าการสร้างนวัตกรรมสามารถเปลี่ยนเกมในตลาดได้
ด้วยพื้นฐานได้รับการศึกษาจากต่างประเทศทั้ง 3 คนพี่น้อง และพบว่าคนต่างชาติหลายคนยังไม่รู้จักประเทศไทย มักจะเข้าใจผิดว่าเป็นไต้หวัน ประสบการณ์นี้จุดประกายความคิดที่จะสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก
"คนไทยเราก็ไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก เราอยากจะสร้างอะไรให้มันเป็น Legacy ของคนไทย เราอยากสร้างแบรนด์ไทยให้ไปตลาดโลก" ปิยจิตเล่าถึงแรงบันดาลใจสำคัญ
การขยายตลาดต่างประเทศเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ก่อนจะค่อยๆ ขยายไปฟิลิปปินส์ และจุดเปลี่ยนสำคัญคือตลาดเกาหลีใต้ สินค้าของเซ็ปเป้ฮิตในเกาหลีมาก และสามารถฮิตในประเทศอื่นด้วย
หลังจากประสบความสำเร็จในเกาหลี บริษัทจึงเริ่มมองไกลไปสู่ตลาดที่ท้าทายกว่า จนกระทั่งเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว โมกุโมกุสามารถเจาะตลาดฝรั่งเศสได้สำเร็จ
เซ็ปเป้ไม่ได้หยุดอยู่แค่โมกุโมกุ แต่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในหลายกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 5 กลุ่มหลัก คือ น้ำผลไม้ (โมกุโมกุ, เซ็ปเป้อโลเวล่า), เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (All Coco, Speed Beauty Drink, Blue), ผลิตภัณฑ์ชงผง (กาแฟ 3 อิน 1 ลดน้ำหนัก, Beauty Powder), ขนมเพื่อสุขภาพ (Beauty Jelly, Gummy), และอาหารเสริม
"เราเป็นนักนวัตกรรม เราชอบคิดชอบทำอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทุกๆ ปีจะออกสินค้าใหม่อย่างน้อยปีละประมาณ 20 กว่าตัว" ปิยจิตเผยถึงธรรมชาติของบริษัทที่ไม่หยุดนิ่ง
เธอยอมรับว่าไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์จะประสบความสำเร็จ แต่การเป็นนักนวัตกรรมก็มาพร้อมกับความเสี่ยงนี้ และเธอมองว่าเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย
เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่เคยปราศจากอุปสรรค หนึ่งในความท้าทายใหญ่คือปัญหาสินค้าลอกเลียนในตลาดจีน ซึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่ของบริษัท "เราเจอปัญหาในจีนในเรื่องของสินค้า Copy แล้วเราก็ตัดสินใจว่าเราจะเลิกกับ distributor เรา" การตัดสินใจนี้ทำให้ยอดขายตกไปเกือบ 10%
แต่วิกฤตก็กลายเป็นโอกาส เพราะทำให้บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง และหันไปโฟกัสที่ตลาดเกาหลีมากขึ้น จนประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
ปัจจุบันเซ็ปเป้ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อตลาดต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 นี้ บริษัทกลับเติบโตได้ 20%
นอกจากนี้ เซ็ปเป้เคยตั้งเป้าหมายรายได้ 10,000 ล้านบาทในปี 2569 จากฐานรายได้ 2,000 กว่าล้านบาทเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ปีที่ผ่านมา บริษัททำรายได้ได้เกือบ 7,000 ล้านบาท เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันอาจต้องปรับเป้าหมายใหม่
"เราได้กลิ่นอายของมันแล้วว่าเราใกล้แล้ว เราเกือบแล้ว แต่ว่าเรายังมี a long way to go" ปิยจิตเล่าถึงความรู้สึกเกี่ยวกับการเป็น Global Brand
สิ่งที่บริษัทกำลังทำคือการเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร พัฒนากระบวนการใหม่ๆ และเข้าใจผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศให้ดีขึ้น โดยบริษัททำวิจัยต่างๆ ในการที่จะเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากขึ้น เข้าใจว่าผู้บริโภคและความต้องการของเขามากขึ้น
นอกจากการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก เซ็ปเป้ยังมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะการสร้างงานให้คนไทย โดยโรงงานของเซ็ปเป้เป็นพนักงานคนไทย 100% ไม่มีแรงงานต่างด้าว อีกทั้งยังมีการสนับสนุนคนรอบชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านโครงการวาน หว่าน ว่าน ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานปลูกว่านหางจระเข้และส่งขายเข้าโรงงานเซ็ปเป้ เป็นต้น
ปิยจิตเชื่อในเรื่องของการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและการทำงานเป็นทีม เป้าหมายต้องชัด และเวลาตั้งเป้าอะไรต้องเป็นเป้าที่พูดไปแล้วมองเห็นภาพแล้วรู้สึกใจสั่น
เธอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำให้ทุกคนในองค์กรมีเป้าหมายเดียวกัน โดยย้ำว่า "การทำงานในเซ็ปเป้หรือทำงานที่ไหนก็ตาม ทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วเราจะทำยังไงให้ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน"
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney