วันก่อนท่องเน็ตไปเจอบทความหลายชิ้นพูดถึงเรื่องการกอดว่าคนเราควรจะกอดกันทุกวัน ซึ่ง Virginia Satir นักจิตวิทยาชื่อดังของโลกได้กล่าวว่า คนเราควรกอดกันวันละ 4 ครั้งเพื่อความอยู่รอด หากกอดกันได้ถึงวันละ 8 ครั้งก็จะทำให้เรารักษาสมดุลในการดำเนินชีวิตได้ หากกอดกันวันละ 12 ครั้งจะทำให้เราเติบโตจากจิตวิญญาณ แต่เจ้าของบทความหลายคนจากหลายแหล่งสรุปตรงกันว่า เอาแค่วันละ 8 ครั้งก็พอแล้ว แต่ตัวเลขนี้มาจากบริบทของฝรั่งซึ่งมีวัฒนธรรมการกอดกันจนเป็นเรื่องปกติ หากพี่ไทยลองเอามาทำดูบ้าง คนรอบข้างหรือคนที่ถูกกอดทั้งวันอาจจะคิดว่าผู้กอดเป็นพวกขาดความรักหรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
มาดูกันว่าการกอดมีประโยชน์อะไรบ้าง (รวบรวมมาจากบทความและงานวิจัยที่ฝรั่งเขาทำไว้หลายคน)
1. เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค คนเราเวลาจิตตกหรือเครียดมากๆ มักจะเป็นหวัด ศาสตราจารย์ Cohen และ Doherty จากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon สหรัฐอเมริกา พบจากงานวิจัยว่าการได้รับการกอดบ่อยๆ ช่วยคนที่อยู่ในสภาวะเครียดและติดเชื้อได้ง่ายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นหรือลดอาการรุนแรงของการติดเชื้อลง
2. ทำให้อารมณ์ดีขึ้น การกอดช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนอ็อกซีโทซินซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้สึกผูกพันและไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ของมนุษย์ นอกจากนี้ การกอดยังช่วยให้ฮอร์โมนเซโรโทนิน และโดปามีน ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีมีความสุข อันนี้เห็นได้ชัดจากเด็กๆ ที่มีคนอุ้มหรือกอดอย่างทะนุถนอมจะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายอารมณ์ดี แต่ถ้าไม่ค่อยมีใครกอดมักจะมีอารมณ์ก้าวร้าว
3. ทำให้หัวใจมีสุขภาพดี มีงานวิจัยระบุว่า ฮอร์โมนอ็อกซิโทซินที่หลั่งออกมาขณะกอดกัน จะช่วยลดระดับความดันโลหิตด้วย อันนี้ก็เห็นได้จริง เวลาที่เด็กดื้อร้องไห้อาละวาด หัวใจจะเต้นแรง แต่เมื่อพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูเข้าไปอุ้มหรือกอดเอาไว้อย่างอ่อนโยน (ขอแนะนำว่ากอดเฉยๆ อย่าพูดมาก เพราะหากพูดผิดหู เด็กอาจโมโหมากขึ้น) เด็กจะค่อยหยุดงอแงอาละวาดและการเต้นหัวใจกลับสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น
...
4. ทำให้คนเราเห็นคุณค่าในตนเองและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น งานวิจัยของศาสตราจารย์ Taylor จากมหาวิทยาลัย UCLA พบว่ายีนที่เป็นตัวรับฮอร์โมนอ็อกซีโทซิน (Oxytocin receptor gene) มีความเชื่อมโยงกับการมองโลกในแง่ดีและการเห็นคุณค่าในตนเองของคนเรา รวมทั้งยังช่วยให้สามารถรับมือกับความเครียดและอาการซึมเศร้าได้ดี อ็อกซีโทซินยังช่วยให้คนเราเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและเข้าสังคมมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีขึ้น การกอดยังช่วยทำให้ผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามีอาการดีขึ้นอีกด้วย
5. เด็กที่ได้รับการกอดบ่อยๆ จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถในการปรับตัวและรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ค่อยได้รับการกอด ซึ่งเราจะพบเห็นได้บ่อยเวลาไปเยี่ยมเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็ก เด็กที่มีพ่อแม่ผู้ปกครองที่ให้ความอบอุ่นจะเป็นเด็กอารมณ์ดี ส่วนเด็กที่พ่อแม่ไม่สนใจมักจะร้องไห้งอแงอารมณ์ไม่ดี ส่วนเด็กที่ขาดทั้งพ่อและแม่จะรีบวิ่งมากอดหรือสัมผัสทุกคนที่มาเยี่ยม เห็นภาพอย่างนี้แล้วทำให้เชื่อว่าการกอดนั้นสำคัญจริงๆ
6. การกอดทำให้ผู้สูงอายุมีความสุขและคลายเหงาได้ดีขึ้น มีการศึกษาที่พบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับการกอดมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน จะมีพลังในการดำเนินชีวิตมากขึ้น มีสภาวะซึมเศร้าน้อยลง มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น และหลับสบายมากขึ้น
7. การกอดสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อได้ อันนี้หนุ่มๆ ที่อยากมีกล้ามโตๆ คงสนใจ เพราะจากการให้อ็อกซีโทซินกับหนูทดลอง พบว่าหนูมีการสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น และการกอดเป็นการเพิ่มอ็อกซีโทซินได้ตามธรรมชาติโดยไม่ต้องลงทุนอะไรค่ะ
8. หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ ผู้เผยแผ่พุทธศาสนาไปยังประเทศต่างๆ และได้ตั้งสถานปฏิบัติธรรม “หมู่บ้านพลัม” ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ได้สอนวิธีการทำสมาธิบำบัดด้วยการกอดให้กับผู้มาปฏิบัติธรรมและพบว่าผู้ที่ได้รับการกอดจะมีสมาธิจดจ่อกับปัจจุบัน และมีสติรู้ตัวได้ไวขึ้น รวมทั้งรู้สึกมีความสุขมากขึ้น
9. การกอดช่วยลดความกลัวในจิตใจ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาพบว่าเมื่อได้รับการกอด สัมผัสเบาๆ หรือแม้แต่การกอดตุ๊กตาหรืออะไรก็ได้ ทำให้ความกลัวลดลงได้
10. การกอดเพื่อให้ร่างกายหลั่งสารอ็อกซีโทซินและเซโรโทนินออกมา ควรกอดนานกว่า 20 วินาที ดังนั้นจะกอดให้หรือกอดถูกใครกอดก็อย่าเพิ่งรีบผละออกจากกันนะคะ รอแป๊บจนเราจะรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี และรับรู้การกอดนั้นได้ด้วยใจของเราจริงๆ ไม่ใช่กอดตามธรรมเนียมค่ะ
11. ในศาสตร์ตะวันออกก็บอกว่าการกอดแบบลำตัวแนบกันจะกระตุ้นจักระบริเวณอกและท้องส่วนบนให้ทำงาน ช่วยกระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าในตนเองเพิ่มขึ้น
12. งานวิจัยอีกมากมายพบว่า การกอดยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย หายปวดเมื่อย ผิวพรรณชุ่มชื้น การทำงานของระบบประสาทต่างๆ ดีขึ้น
การกอดมีแต่สิ่งดีๆ อย่างนี้ เราควรจะเริ่มกอดกันให้บ่อยขึ้นนะคะ แต่ครูเคทว่าเราเริ่มกอดคนสำคัญในครอบครัวเราอย่างพ่อแม่พี่น้องลูกคู่สมรสของเราก่อนดีกว่า ไม่ใช่มัวแต่ไปกอดคนแปลกหน้าในการอบรมสร้างแรงบันดาลใจหรือในกิจกรรมทางสังคม เพราะเราไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าเหล่านั้น มีสภาวะจิตใจ หรือ vibration หรือคลื่นความสั่นสะเทือนแบบใด หากจิตไม่ดี ไม่นิ่ง (เช่น โลภ เศร้า โกรธ) แล้วเราไปกอดเขาก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนพลังงานความสั่นสะเทือนกันได้ และการกอดที่ดีนั้น เราต้องปรับจิตปรับพลังของเราด้วยการตั้งจิตให้มีเมตตาก่อน แล้วจึงกอดผู้อื่นเพื่อที่เราจะได้ส่งพลังความเมตตาให้เขา ไม่ใช่ส่งพลังลบให้เขาค่ะ ส่วนใครรู้สึกเคอะเขินที่จะกอด ก็ให้เริ่มใช้การสัมผัสเบาๆ ก่อนก็ได้ เช่น จูงมือ โอบไหล่ เมื่อคุ้นเคยไม่เขินแล้วก็ค่อยกอดกันอย่างอ่อนโยนและเมตตาค่ะ
...
ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 0814581165 หรือเข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ