"ถามมาได้เลยค่ะ หมอตอบได้ทุกเรื่อง" แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า หมอพรทิพย์ อดีตแพทย์นิติเวชผู้คลี่คลายคดีฆาตกรรมปริศนามาหลายสิบคดีที่เป็นข่าวดังของประเทศ และวันนี้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวเริ่มต้นกับทีมงาน Thairath Talk ด้วยท่าทางสบายๆ แต่พอเริ่มคำถามแรก หมอพรทิพย์ก็พร้อมฟาดแรงทุกคำตอบ
ไม่ได้อยากเป็นหมอ?
หมอพรทิพย์ย้อนความถึงช่วงวัยที่ต้องเลือกเข้ามหาวิทยาลัย มีสองความชอบ คืออยากเป็นหมอและงานแบบศิลปะ อยากเป็นมัณฑนากร แต่พอไปสอบแล้วรู้ว่าไม่ใช่ทางของตัวเอง เลยมาทางหมอ พอมาเป็นหมอก็ชอบ แต่ช่วงเป็นแพทย์ฝึกหัดเลยได้เลยอะไรมากมาย
"พอได้เป็นหมอจริงๆ รู้เลยว่าหมอก็คือกุลีชั้นดี งานหนักมาก และใช้ความรู้มากมาย เราก็กลัวเราโง่เป็นพักๆเพราะมันง่วง เราก็กลัวทำคนไข้ตาย สามคือคนเกี่ยงงานมากเลย อย่างในโรงพยาบาลรัฐ ก็ไม่ค่อยอยู่ทำงานนะ แต่ตำแหน่งอยู่ ไปทำเอกชน แล้วให้เรามาแบกภาระ เราเลยมีความรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสุข
...
หมอเป็นคนที่ไม่ชอบเจอคนไม่รับผิดชอบ มันรับไม่ได้ เราเองก็เปลี่ยนเขาไม่ได้ เลยมาหาโลกของตัวเองที่จะรับราชการแล้วเราก็ไม่ต้องเจอคนพวกนี้ ตอนแรกมองว่าจะเป็นจิตแพทย์ ก็เป็นไม่ได้ เพราะช่วงนั้นได้ฟังคำแนะนำจากอาจารย์ คนไข้ติดอยากมาหามาปรึกษามาคุยด้วย อาจารย์บอกเป็นแบบนี้ไม่ได้"
กว่าคุณหมอพรทิพย์จะเลือกสาขาแพทย์ที่ชอบได้ก็ตัดสินใจเลือกอยู่หลายแขนง ทั้งวิสัญญีแพทย์ หมอเอกซเรย์ สุดท้ายถึงเลือกเป็นพยาธิแพทย์
"พยาธิกายวิภาค คืองานผ่าศพ 10% ส่วน 90% เป็นการตรวจชิ้นเนื้อ อาจารย์ของหมอในขณะนั้นก็แนะนำว่าดูบุคลิกหมอไม่ชอบอยู่กับผู้หญิงเยอะๆ มันจู้จี้ พอเราลองไปเรียนพยาธิกายวิภาค ทำให้เราเริ่มรู้สึกว่ามันเต็มอิ่ม วันๆ ตรวจชิ้นเนื้อ 50 ราย เจอเป็นมะเร็งเกือบ 50 ราย เราก็เริ่มรู้สึกทำไมเราแก้ปัญหาพวกนี้ไม่ได้
เลยหันมาสนใจงาน 10% ผ่าศพนิติเวช เพราะมันสนุกก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนขอบชีวิต เพราะชอบเรื่องสืบสวนสอบสวน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับศพนะ เแต่ถ้าอยากหาความจริงของคดีได้ครบถ้วนก็ต้องไปดูพยานหลักฐานและที่เกิดเหตุอีก"
เสน่ห์การผ่าศพ
"มันคือระบบคิด เพราะว่าทักษะการสังเกตกระตุ้นระบบคิดอย่างเป็นสาระ เสน่ห์ของการผ่าศพคือโลกธรรมใบใหญ่ เรื่องราวของศพสอนเราทุกมิติ เช่น เรื่องการกิน ตับไตไส้พุงเราไม่กิน เห็นมันมาทุกวัน ควบคุมไม่ให้อ้วนเพราะไขมันที่พุงมันเยอะจริงๆ
มิติที่สองเป็นเรื่องราวชีวิต คนเราไม่ได้มีเหตุผลที่จะตาย การเวียนว่ายตายเกิด และมิติที่สามคือการคิดบวก หรือการสร้างความสุขสงบในหัวใจ เพราะงานผ่าศพมันคือการติดทองใต้ฐานพระ มนุษย์สักกี่คนที่จะพลิกฐานพระดู แปลว่าเราทำแล้วใครจะรับรู้หรือชื่นชม แต่เราทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้วก็จงเกิดความพึงพอใจ"
พิธีกรถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ยังอยากเป็นหมอผ่าศพอยู่ไหม คุณหญิงหมอไม่นิ่งคิด แต่ตอบทันทีว่า ถึงย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่เปลี่ยนใจ แม้มันจะไม่ใช่อาชีพที่ทำเงิน และคนเป็นหมอนิยมมาทำกันก็ตาม
"หมอผ่าศพมันไม่ทำเงิน เมื่อเทียบกับคุณหมอสาขาอื่น และมันไม่ได้ทำง่ายๆ เพราะถูกกดไว้ด้วยระบบตำรวจ ถ้าเงินไม่ได้ แต่ได้อำนวยความยุติธรรมได้เต็มที่ มันก็ดีใช่ไหม และยังเป็นงานฝาก ของบก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ มันเป็นภาพสะท้อน"
นิติเวชต้องเป็นอิสระ
คุณหญิงหมอกล่าวต่อไปว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มีแผนปฏิรูปเรื่องการชันสูตรศพมันต้องมีเจ้าภาพ ซึ่งเราคิดว่ากฎหมายมันระบุว่าต้องเป็นหมอ อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ถึงเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขไม่มองแค่มีหน้าที่รักษาแต่คนเป็น ขณะเดียวกัน การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานก็จะต้องดีขึ้น เพื่อให้ทีมที่เก็บหลักฐานทำงานได้สมบูรณ์ พนักงานสอบสวนก็ใช้ดุลยพินิจได้ แต่หลังจากพนักงานเก็บหลักฐานทำได้สมบูรณ์แล้ว มีกรรมการกำหนดนโยบายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้
...
"แต่ทุกวันนี้มันเป็นงานที่เขาทิ้งๆ ขว้างๆ ถ้าเก็บศพ เรายังให้มูลนิธิเก็บเลย ซึ่งมูลนิธิเขาทำได้ดีนะ แต่ทุกประเทศที่เจริญแล้วงานแบบนี้รัฐต้องดูแล แล้วที่สำคัญเราเสนออะไรไป ตำรวจก็ค้านนะ เพราะอำนาจไปผูกไว้กับเขาหมด เพราะฉะนั้นแผนปฏิรูปมี เชื่อว่ามันจะมีความเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ เพราะว่ามันมีรัฐธรรมนูญนำ มีกรรมการ มีคนเขียนสภาพปัญหา จึงควรจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง"
พรทิพย์อริตำรวจ
บทสนทนาและข่าวคราวที่เราเห็นมาก่อนหน้า ทำให้เรามองว่าหรือหมอพรทิพย์จะเป็นศัตรูกับตำรวจ ซึ่งหมอพรทิพย์เองก็ยอมรับ
"เพราะเขาไม่ชอบเรา แต่ถามในมุมหมอเลยมันเริ่มมาจากคดีเจนจิรา เราไปขัดว่า 'เสริม สาครราษฎร์' (อดีตผู้ต้องขังคดีฆาตกรรมเจนจิรา) ไม่น่าจะฆ่าผู้ตายที่โรงแรม และความสำเร็จมาอยู่ที่เรา เลยทำให้ตำรวจเสียหน้า
แต่ถ้าถามพรทิพย์ตรงๆ ไม่เคยเกลียดตำรวจเลย แต่ไม่กลัว เพราะเราทำงานตามลิขิตชีวิตเรา เราไม่ได้ตั้งใจไปจัดการกับใคร หากเราจะตายด้วยการถูกยิงก็เพราะกรรมของเรา แต่ถ้าเรามัวแต่ไปคิดว่ากระแทกคนนั้นคนนี้ เราก็ไม่มีความสุข ด้วยบุคลิกนี้ก็เลยทำให้มองว่าเป็นศัตรูกับตำรวจ มีตำรวจเคยบอกว่าเขาไม่ได้ว่าคุณหมอไม่เก่ง แต่ถ้าคุณหมอโผล่มาเมื่อไหร่ คดีมันจะไม่ปิดแบบเขา อย่างที่เขาตั้งธงเอาไว้ จะปิดแบบเราแบบยุติธรรม"
...
หมอพรทิพย์เน้นย้ำว่า ในชีวิตไม่เคยถูกขู่ฆ่านะ แต่อาจเจอการแสดงท่าทีที่ไม่ชอบอยู่บ้างเท่านั้น
รอดมะเร็ง 3 ครั้ง
หากติดตามข่าวคราวของคุณหมอพรทิพย์มาตลอด จะรู้กันดีว่าเคยเป็นมะเร็งถึง 3 ครั้ง คือมะเร็งไทรอยด์ ลำไส้ใหญ่ และล่าสุดมะเร็งผิวหนัง แต่รักษาจนหายแล้ว
"มะเร็งมันสอนให้เราจัดการความเครียด อีกมุมเป็นประตูความตายที่เราต้องรู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าหลงระเริง มีอะไรที่อยากทำในด้านดีก็ทำซะ อะไรแก้ไขได้ก็รีบแก้"
สามี "เพื่อนชีวิต"
ลูก "จงเป็นคนดี"
บอกแล้วว่าหมอพรทิพย์มารายการ Thairath Talk ตอบทุกคำถามแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว อย่างเรื่องสามีและลูกที่ตอบจริงและตอบไม่กั๊กด้วย
"ชีวิตคู่ของหมอมันยาวนานมา 40 กว่าปีแล้ว มันไม่หวือหวาแต่มันมั่นคง" เคล็ดลับความรักที่อาจารย์หมอบอกก็คือไม่มีความลับต่อ พูดความจริงต่อกันเสมอ ยอมรับในตัวตนของกันและกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
ถามว่าเคยทะเลาะกันไหม หมอยิ้มเบาแล้วยอมรับว่าก็มีบ้าง แต่การโวยวายก็ไม่มีประโยชน์ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เปลี่ยน เราก็แค่ยอมรับ ส่วนวิธีการเลี้ยงลูก เลี้ยงแบบปล่อยให้คิดเอง แต่บังคับให้เขาเป็นคนดี
...
"หน้าที่แม่ของเราคือให้สิ่งที่ดีที่สุด นั่นคือ ต้องเป็นคนดี อันนี้บังคับ และวางรากกระบวนความคิดในฐานของความดี เมื่ออยู่ในรากแห่งความดี เราก็ปล่อยเขา ไม่บังคับเขาเลยนะ"
ติดตามเรื่องราวที่เสียใจมากจนหญิงแกร่งคนนี้ต้องหลั่งน้ำตา และอนาคตจะเห็นคุณหญิง พรทิพย์ลงสนามการเมืองหรือไม่ ในคลิปฉบับเต็มที่นี่...
ผู้เขียน : Bouquet Talk