Highlight :
- "ปวดท้อง" อาการที่ Lady MIRROR ไม่ควรมองข้าม แม้จะปวดแล้วหายก็ตามที บางครั้งอาจส่งสัญญาณบ่งบอกถึง "โรค" ที่อาจจะเกิดกับเราได้ โดยเฉพาะกับสาวๆ ที่มีอาการ "ปวดท้อง" อย่างต่อเนื่อง
- แนะนำให้ทุกคนสังเกตอาการ ว่าเป็นการ "ปวดท้อง" แบบไหน เช่น ปวดท้องรุนแรง ปวดท้องตอนขยับตัว หรือปวดท้องและมีไข้ร่วมด้วย นอกเหนือจากนี้เรายังสังเกตเวลาปวดท้อง ร่วมกับตำแหน่งที่ปวดด้วย
- ปวดท้องบริเวณรอบสะดือ คือตำแหน่งของลำไส้เล็ก มักมีอาการปวดบิด ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน แต่หากกดบริเวณนี้แล้วปวดมาก เป็นอาการของไส้ติ่ง ถ้าปวดมากจนทนไม่ได้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ก่อนที่ไส้ติ่งจะแตก แต่ถ้ามีอาการปวดแบบมีลมในท้องด้วย อาจเป็นแค่กระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกตินั่นเอง
"ปวดท้อง" อาการที่ Lady MIRROR ไม่ควรมองข้าม แม้จะปวดแล้วหายก็ตามที บางครั้งอาจส่งสัญญาณบ่งบอกถึง "โรค" ที่อาจจะเกิดกับเราได้ โดยเฉพาะกับสาวๆ ที่มีอาการ "ปวดท้อง" อย่างต่อเนื่อง ไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาดนะคะ MIRROR แนะนำให้ทุกคนสังเกตอาการ ว่าเป็นการ "ปวดท้อง" แบบไหน เช่น ปวดท้องรุนแรง ปวดท้องตอนขยับตัว หรือปวดท้องและมีไข้ร่วมด้วย นอกเหนือจากนี้เรายังสังเกตเวลาปวดท้องด้วย เช่น ปวดท้องช่วงหลังรับประทานอาหาร ช่วงตื่นนอน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ และยังสังเกตตำแหน่งได้อีกด้วย เพราะสาวๆ รู้หรือไม่ ตำแหน่งที่ปวดท้องสามารถบ่งบอก โรค ได้คร่าวๆ ว่าน่าจะเกิดปัญหาเกิดขึ้นกับอวัยวะใดภายในช่องท้อง
...
เรื่อง "ปวดท้อง" ต้องใส่ใจมากๆ สาวๆ ไม่ควรรอให้หายเอง หรือซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด เรามีตำแหน่งของอาการ "ปวดท้อง" มาฝาก มาเช็กกันหน่อยว่าอวัยวะใดของเรา ส่งสัญญาณความผิดปกติออกมา จนถึงขั้นเป็น โรค หรือไม่
9 ตำแหน่งอาการ ปวดท้อง ที่บ่งบอก "โรค"
1. ปวดบริเวณชายโครงขวา
บริเวณนี้เป็นจุดของตับและถุงน้ำดี ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญมากๆ ถ้าสาวๆ มีอาการปวดท้องบริเวณนี้ แนะนำให้ลองกดดู หากเจอก้อนแข็งๆ บวกกับมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองปรากฏร่วมด้วย จะบ่งบอกว่าเกิดความบกพร่องที่ตับหรือถุงน้ำดี แนะนำว่าต้องรีบไปพบแพทย์เป็นการด่วน เพราะถือเป็นอวัยวะที่สำคัญมากๆ
2. ปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่
บริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือตรงกลางตัวเรา หรือถ้าไม่มั่นใจให้จับดูที่ซี่โครงซี่ล่างสุด จะมีตับ ตับอ่อน กระเพาะอาหาร และกระดูกลิ้นปี่อยู่บริเวณนี้ หากปวดใต้ลิ้นปี่ร่วมกับมีอาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก อาจเสี่ยงเป็นโรคหัวใจขาดเลือด แต่หากคลำเจอก้อนเนื้อขนาดใหญ่และค่อนข้างแข็ง อาจเป็นตับโต ถ้าหากคลำแล้วพบก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ อาจเป็นกระดูกลิ้นปี่ และถ้าปวดเป็นประจำตอนหิวหรืออิ่ม ก็เป็นโรคกระเพาะ ทีนี้ถ้าปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเสี่ยงตับอ่อนอักเสบ ควรพบแพทย์ทันที
3. ปวดบริเวณชายโครงซ้าย
ที่บริเวณชายโครงซ้าย ที่เป็นตำแหน่งของม้ามนั้น ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก หากเกิดความผิดปกติ ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที เพราะเป็นอวัยวะที่ขจัดเชื้อโรคและเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ตายแล้วออกจากกระแสเลือด โดยม้ามจะทำหน้าที่ในการดึงเอาธาตุเหล็กจากฮีโมโกลบินของเซลล์เม็ดเลือดแดง นำมาใช้ในร่างกาย และยังทำหน้าที่เอาของเสียออกจากกระแสเลือดในรูปของน้ำปัสสาวะเช่นเดียวกับที่ตับ นอกจากนี้ ม้ามยังสร้างแอนติบอดีในการต่อต้านเชื้อโรค และยังผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงขึ้นมาใหม่ได้ด้วย
4. ปวดบริเวณบั้นเอวขวา
จุดนี้ตรงกับตำแหน่งของท่อไต ไต และลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้ถ้าสาวๆ มีอาการปวดบริเวณนี้มาก อาจบ่งบอกถึงลำไส้ใหญ่อักเสบ แต่ถ้ามีอาการปวดร้าวถึงต้นขา อาจจะบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นเป็นโรคนิ่วในท่อไต แต่ถ้าเกิดอาการปวดร่วมกับปวดหลัง และมีไข้ หนาวสั่น พร้อมกับสีปัสสาวะมีสีขุ่น อาจเป็นกรวยไตอักเสบ ต้องรีบไปพบแพทย์ เช่นเดียวกับเมื่อคลำเจอก้อนเนื้อ
5. ปวดบริเวณรอบสะดือ
รอบสะดือคือตำแหน่งของลำไส้เล็ก มักมีอาการปวดบิด ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน แต่หากกดบิเวณนี้แล้วปวดมาก เป็นอาการของไส้ติ่ง ถ้าปวดมากจนทนไม่ได้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ก่อนไส้ติ่งจะแตก แต่ถ้ามีอาการปวดแบบมีลมในท้องด้วย อาจเป็นแค่กระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกตินั่นเอง
6. ปวดบริเวณบั้นเอวซ้าย
บริเวณนี้คือตำแหน่งท่อไต ไต และลำไส้ใหญ่ เหมือนเช่นข้อ 4 คือถ้ามีอาการปวดมาก คือลำไส้ใหญ่อักเสบ ปวดร้าวถึงต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต แต่ถ้ามีอาการปวดร่วมกับปวดหลัง และมีไข้ หนาวสั่นด้วย ปัสสาวะสีขุ่น คือกรวยไตอักเสบ แล้วคลำเจอก้อนเนื้อ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
...
7. ปวดบริเวณท้องน้อยขวา
บริเวณท้องน้อยขวา เป็นตำแหน่งของไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก ถ้ามีอาการปวดเกร็ง โดยปวดเป็นระยะๆ จนร้าวมาที่ต้นขา สัญญาณของโรคกรวยไตอักเสบ ควรไปพบแพทย์ แต่ถ้าปวดแบบเสียดตลอดเวลา เมื่อใช้มือกดแล้วเจ็บมาก คือไส้ติ่งอักเสบ ส่วนถ้าปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น และมีตกขาวร่วมด้วยคือ ปีกมดลูกอักเสบ ยิ่งถ้าสาวๆ คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ จะเป็นก้อนไส้ติ่ง หรือรังไข่ผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที
8. ปวดบริเวณท้องน้อย
จุดนี้ตรงตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะและมดลูก เวลาที่สาวๆ มีอาการปวดขณะถ่ายปัสสาวะ หรือถ่ายกะปริบกะปรอย จะบ่งบอกถึงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แต่ถ้าปวดเกร็งเวลาที่มีประจำเดือน และมีอาการปวดเรื้อรัง แสดงว่านี่คืออาการที่มดลูกผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
9. ปวดบริเวณท้องน้อยซ้าย
บริเวณท้องน้อยซ้าย เป็นตำแหน่งของปีกมดลูกและท่อไต ถ้าสาวๆ ปวดเกร็งเป็นระยะ และร้าวมาที่ต้นขา อาจส่งสัญญาณถึงโรคนิ่วในท่อไต แต่ถ้ามีอาการ "ปวดท้อง" ร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น และมีตกขาว คือมดลูกอักเสบ หากปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ คือลำไส้ใหญ่อักเสบ ทั้งนี้ หากเราตรวจคลำบริเวณนี้แล้วพบก้อน ที่มาพร้อมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ นั่นคือสัญญาณของเนื้องอกในลำไส้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
3 ท่า "โยคะ" แก้ปัญหาสุขภาพสาวออฟฟิศ
7 "รูปแบบการออกกำลังกาย" สร้างหุ่นเฟิร์มตั้งแต่ต้นปี
...