เบี้ยหงาย
มติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2568 หรือ อีกราวๆ 3 ปี ข้างหน้า ควบกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ในปีเดียวกัน อันเป็นการได้จัดตามวงรอบ ไม่ได้ไปบิดเสนอตัวแย่งกับใครแต่อย่างไร
โดยคณะรัฐมนตรีวางกรอบวงเงินเป็นค่าใช้จ่าย รวม 2,055 ล้านบาท แบ่งเป็นจากงบประมาณ 1,683 ล้านบาท, รายรับจากฝ่ายสิทธิประโยชน์ 200 ล้านบาท, ค่าจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน 20 ล้านบาท,ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ของนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ 134 ล้านบาท และค่าลงทะเบียนเข้าร่วม การแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์อีก 16 ล้านบาท
ช่วยกันจดช่วยกันจำไว้นิด แล้วเมื่อวันจัดจริง มาถึงจะได้เทียบเคียงกันได้ว่า บานไม่บานกันอย่างไร!
ขณะที่ในส่วนของจังหวัด หรือเมืองเจ้าภาพของไทยเรานั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ชี้ชัดฟันธงลงไปว่าจะเป็นที่ไหน อันเป็นความรับผิดชอบของการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะที่กำกับดูแลกิจการงานกีฬาของชาติในหลายบทบาทยิ่ง
โดยจังหวัดที่สนใจและเสนอตัวเข้ามา ซึ่งมีการ พูดในที่ประชุม ครม.พร้อมระบุสนามกีฬารองรับด้วย มี จ.เชียงใหม่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี, จ.ชลบุรี ศูนย์กีฬาภาคตะวันออก บางละมุง, จ.นครราชสีมา สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, จ.ภูเก็ต และ สงขลา สนามกีฬาสุระกุล และสนามกีฬาติณสูลานนท์ รวมถึงกรุงเทพมหานคร สนามราชมังคลากีฬาสถาน สนามศุภชลาศัย
และยังมีอีกกลุ่มจังหวัดคือ กลุ่มจังหวัดอันดามัน ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล
จำได้ว่าแต่เดิมยังมี จ.อุบลราชธานี ที่ทั้งจังหวัด และภาคธุรกิจสนับสนุนและประกาศออกมา แต่ไม่รู้ว่า ทำไมชื่อหายไปไม่มีการพูดถึงขึ้นมา
ขณะที่ “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เทอม 2 ก็ได้พูดถึงหลักเกณฑ์ที่อยู่ในใจและ เตรียมจะประกาศเป็นทางการออกมา เพื่อให้แต่ละจังหวัด ที่เสนอตัวได้เตรียมข้อมูลและแผนงานนำเสนอ โดย กกท.จะเน้นให้มีการใช้สิ่งที่จังหวัดมีอยู่แล้วมาปรับปรุง ให้ดีขึ้นและใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ แต่ไม่ส่งเสริมการสร้างสนามกีฬาใหม่ รวมถึงจะไม่จัดการแข่งขัน ให้กระจายจังหวัดมากเกินไป เนื่องจากมีบทเรียนในซีเกมส์ ที่เวียดนาม ที่ทั้งสร้างความลำบากให้กับนักกีฬา การจัด และรวมถึงงบประมาณที่มากขึ้น
ถ้าใช้เงื่อนไขนี้เป็นหลักจริงๆ ก็คงพอจะมองเห็นจังหวัดที่อยู่ในข่ายมีเพียงน้อยนิด!!!
อย่างไรก็ตาม เมืองไทยเรานั้นยังมีปัจจัยอีกหลากหลาย รวมทั้งปัจจุบันแม้ได้นายกรัฐมนตรีคนเก่า กลับมาทำหน้าที่ แต่ก็นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งใหม่ การเมืองที่มีอยู่แล้วและการเมืองที่กำลังมา จะมีผลต่อ การพิจารณาหรือไม่ ลองคิดกันดูอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ มีตัวอย่างให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
แม้กระทั่งเงื่อนเวลาที่เราจะตัดสินใจเลือกจังหวัด เจ้าภาพ ที่ตามปกติต้องรู้ก่อนการไปรับธงเจ้าภาพซีเกมส์ต่อจากกัมพูชาที่จะเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปในเดือน พ.ค.ปีหน้าก็ตาม ประกาศแล้วก็ใช่ว่าจะเปลี่ยน แปลงไม่ได้ เหตุผลจะดีจะเลวก็มีช่องให้สนับสนุน และอธิบายความกันได้เสมอ แค่เรื่องนับเลขง่ายๆก็ยัง มีช่องดิ้น เมืองไทยเสียอย่าง
ลองดูว่า เจ้าภาพจัดซีเกมส์ไทย เรื่องไม่น่ายาก จะออกมาเป็นอย่างไร การเมืองวันนี้และวันหน้าจะมีอิทธิพลหรือไม่...
“เบี้ยหงาย”