เบี้ยหงาย
ช่วงนี้หันไปทางไหนมีแต่ความสุ่มเสี่ยง แม้จะป้องกันตัวหนักขนาดไหน จะฉีดวัคซีน ไม่ฉีดวัคซีน ฉีดเข็มหนึ่ง หรือเข็มสอง แต่ “ความเสี่ยง” ที่จะมีคุณพี่โควิดมาเยี่ยมเยียนก็ยังเกิดได้อยู่ตลอด เป็นอาการหวั่นไหว และหวาดผวาของผู้คนในยามนี้ ดูจะอยู่กันยากขึ้นไปทุกที
บางคน บางอย่าง รู้ว่าเสี่ยงแต่ก็ยังทำ หรือ ต้องทำ อย่างท่านผู้นำ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ และใหญ่มากว่า 7 ปีแล้ว ท่านก็แอ่นอกยอมรับถึงความเสี่ยง ในการเปิดจังหวัดภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยว จะเป็นกระบะทราย หรือปราสาททราย ก็ช่างเถอะ แต่ท่านก็รู้ทั้งทางสมองและทางใจว่าสุ่มเสี่ยงขนาดไหน
แต่ก็ยกเหตุถึงการเป็นก้าวสำคัญ ที่จะนำร่อง เพื่อดูความเหมาะสมและประสิทธิภาพของมาตรการและขั้นตอน อันเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัว
เดินหน้าไปสู่เป้าหมาย การเปิดประเทศใน 120 วันที่ประกาศไว้ แม้จะรู้ว่าเสี่ยงแต่ก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับความเสี่ยงบ้าง!
ใครที่ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรกันในยามนี้คงจะตาลุกโพลง เมื่อเห็นภาพของแฟนบอลในหลายสนามในยุโรป ทะลักอัดแน่นเข้าไปเชียร์บอลกันอย่างสนุกสนาน และแทบไม่เห็น หรือจะเรียกว่าไม่เห็นเลยก็พอสื่อความหมายได้ ด้วยไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัยไปเชียร์บอลกันเลย การเว้นระยะห่างยิ่งไม่ต้องไปคิดให้เป็นเรื่องตลกเลย
และที่ว่าตาลุกนั้น บ้างก็ลุกด้วยความอิจฉา บ้างก็ลุกด้วยความเสียวสยองจะเป็นคลัสเตอร์ขนาดยักษ์!
ซึ่งก็มีตัวเลขออกมาสนับสนุนทันทีจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน 53 ประเทศของทวีปยุโรปเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หลังจากก่อนหน้านี้ลดลงมาแล้ว 10 สัปดาห์ติดต่อกัน บ้างก็มองว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 นี่แหละ ซึ่งไม่มีเจ้าภาพหลัก แข่งกันในหลายเมือง ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายคนขนานใหญ่ ทั้งที่เปิดให้แฟนบอลเข้าชมในสนาม แถมมีแฟนโซนให้เชียร์ รวมทั้งผับบาร์เปิดเชียร์กันสนั่น เป็นปัจจัยสำคัญ
ขนาดรัฐมนตรีมหาดไทยเยอรมนียังออกมาจวกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า เจ้าของเกม ด้วยข้อกล่าวหาว่าเน้นการหารายได้มากกว่าความเป็นห่วงด้านสุขภาพของผู้คน อย่างไม่มีความรับผิดชอบ
ส่วนบ้านเรานั้น เรื่องของกีฬา การชม การเชียร์ รับรองว่าไม่มีความเสี่ยง เพราะยังไงก็คงไม่ยอมให้เกิดภาพเช่นนี้เป็นอันขาด จะเล่นกันแบบปิดสนาม หรือเปิดแบบจำกัดจำนวนน้อยนิดเท่านั้นแหละ
ความเสี่ยงตรงนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ ไปเสี่ยงตรงอื่นดีกว่า
ที่จะเสี่ยงหนักนั่นคือ เสี่ยงไม่มีงบสนับสนุน ไม่มีเม็ดเงินเข้ามาเจือจุน ด้วยเอกชนเองก็หนักหนาสาหัสมาจะสองปีแล้ว ค้ำยันธุรกิจตัวเอง และคนของเขาก็หนักแย่ จะเหลือกำลังมาอุ้มชูด้านกีฬากันอยู่กี่บริษัท
สโมสรเองก็ดิ้นจนรวยรินกันไปหมดแล้ว ขายบัตรขายของก็ไม่ได้ สมาคมก็ย่ำแย่ ผลงานทีมชาติก็ขาลง ธุรกิจสิทธิประโยชน์บอลลีกก็ยังจับต้องไม่ได้จริง ใครจะมาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เจ้าใหม่ เจ้าเก่า หรือที่ลือกัน เจ้าเดิมที่เพิ่งถูกยกเลิกไป จะกลับมาใหม่ เล่นตลกอะไรกันก็ไม่รู้
ดูจะโซซัดโซเซกันไปใหญ่
อีกไม่ถึง 1 เดือน ฟุตบอลลีกไทยในฤดูกาลใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“ความเสี่ยง” ที่รายรอบ ยังมีอยู่มากมายมหาศาล...
“เบี้ยหงาย”