ย้อนรอย “แฟ้มลับเอปสตีน” คดีฉาวระดับชาติ มหาเศรษฐีนักการเงินอดีตเพื่อนรัก “ทรัมป์” ค้ากามผู้เยาว์ ล่าสุดสภาสหรัฐฯ ลงมติท่วมท้นให้เปิดเผยเอกสาร ที่อาจสะเทือนเหล่าชนชั้นนำ
วันที่ 19 พ.ย.68 ตามเวลาท้องถิ่น สภาผู้แทนสหรัฐฯ ได้ลงมติอย่างท่วมท้น 427 ต่อ 1 ผ่านร่างกฎหมาย "Epstein Files Transparency Act" หรือการเปิดเผย “แฟ้มเอปสตีน” แฟ้มลับคดีอาชญากรรมทางเพศของ “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” มหาเศรษฐีผู้ล่วงลับ เพื่อบังคับให้กระทรวงยุติธรรม (DOJ) เผยแพร่เอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้สู่สาธารณะ ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถค้นหาและดาวน์โหลดได้ภายใน 30 วันหลังจากกฎหมายบังคับใช้ ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งไปให้ประธานาธิบดีลงนาม และล่าสุด ปธน.ทรัมป์ ได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ เคยมีท่าทีคัดค้านการเผยแพร่เอกสารดังกล่าว จนกระทั่งช่วงที่ผ่านมา เขาได้สั่งให้มีการสอบสวนใหม่และสนับสนุนให้สมาชิกสภาฯ พรรครีพับลิกัน โหวตสนับสนุนการเผยแพร่
...
“แฟ้มลับเอปสตีน” คืออะไร?
แฟ้มลับเอปสตีน หรือ Epstein Files คือเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ที่รวบรวมไว้จากการสืบสวนคดีอาชญากรรมทางเพศของ “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” มหาเศรษฐีการเงิน ผู้มีความสนิทสนมและทำธุรกิจกับชนชั้นนำชื่อดังจำนวนมาก อาทิ โดนัลด์ ทรัมป์, บิล คลินตัน, ไมเคิล แจ็กสัน, เจ้าชายแอนดรูว์ แห่งอังกฤษ เป็นต้น
โดยเมื่อปี 2008 เอปสตีน ถูกแจ้งความล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิง 14 ปีในบ้านพักที่ฟลอริดา และตำรวจได้ตรวจค้นพบหลักฐานภาพถ่ายของเด็กหญิงจำนวนมาก เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานชักชวนค้าประเวณี ซื้อบริการผู้เยาว์ และถูกขึ้นทะเบียนเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ (sex offender) โดยเขารับสารภาพและได้รับโทษจำคุกเพียง 13 เดือน และส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบทำงานนอกเรือนจำ (work release)
ต่อมาในปี 2019 เอปสตีน ถูกดำเนินคดีในข้อหา ดำเนินการเครือข่ายจัดหาและค้าประเวณีเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก่อนที่เขาจะจบชีวิตตัวเองขณะที่อยู่ในการควบคุมตัวของรัฐบาลกลาง ระหว่างรอการพิจารณาคดี
เอกสารหลักฐานใน 2 คดีนี้ประกอบด้วยคำให้การของพยานและเหยื่อ รวมถึงหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์และพยานวัตถุที่ยึดมาจากการตรวจค้นทรัพย์สินหลายแห่งของเอปสตีน ทั้งในนิวยอร์กและหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐฯ
สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) พบหลักฐานข้อมูลมากกว่า 300 กิกะไบต์ ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 40 เครื่อง, ไดรฟ์จัดเก็บข้อมูล 26 อัน, ซีดีมากกว่า 70 แผ่น และอุปกรณ์บันทึกเสียง 6 เครื่อง
นอกจากนี้ ยังมีพยานวัตถุอีกประมาณ 60 ชิ้น เช่น ภาพถ่าย, บันทึกการเดินทาง (Travel logs), รายชื่อพนักงาน, เอกสารจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับเกาะส่วนตัว 2 แห่งของเอปสตีน โดยเฉพาะ Little Saint James ที่ผู้เสียหายให้การว่าเป็นสถานที่ที่เอปสตีนใช้ค้าบริการผู้เยาว์ รวมถึงบันทึกการเดินทางทางเรือเข้าออกเกาะ ซึ่งสามารถเปิดเผยได้ว่ามีใครเคยมาเยือนเกาะดังกล่าว
แฟ้มเอกสารยังรวมถึงหลักฐานที่มาจากการดักฟังโทรศัพท์ (wiretap) ของ กีสเลน แม็กซ์เวลล์ ไฮโซหญิงชาวอังกฤษ คนสนิทและผู้สมรู้ร่วมคิดของเอปสตีน ซึ่งในปี 2021 ศาลตัดสินว่าเธอมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับเอปสตีนค้ามนุษย์และบริการทางเพศ ต้องโทษจำคุก 20 ปี
อะไรใน “แฟ้มลับเอปสตีน” ที่ถูกเปิดเผยแล้วบ้าง?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บางส่วนของเอกสารถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่เป็นระยะๆ เช่น เอกสารของศาลที่เผยแพร่ในปี 2024 ในคดีของแม็กซ์เวลล์ มีการกล่าวถึง เจ้าชายแอนดรูว์แห่งอังกฤษ (ปัจจุบันถูกถอดยศ), อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และ ไมเคิล แจ็กสัน ซึ่งเจ้าชายแอนดรูว์และคลินตัน ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่รู้ถึงการก่ออาชญากรรมของเอปสตีน
...
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่กี่สัปดาห์หลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง แพม บอนดี อัยการสูงสุดในฐานะเจ้ากระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยเอกสารหลักฐานในคดี “ระยะแรก” โดยที่น่าสนใจคือ “รายชื่อหลักฐาน” (Evidence List) ความยาว 3 หน้า รวบรวมรายการหลักฐานที่ยึดได้ระหว่างตรวจค้นอสังหาริมทรัพย์ของเอปสตีน
หรือเมื่อกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการสภาฯ (the House Oversight Committee) เปิดเผยชุดเอกสารหลักฐาน ซึ่งรวมถึง “สมุดวันเกิด” ที่มีการเขียนข้อความอวยพรถึงเอปสตีน และมีภาพวาดพร้อมลายเซ็นของ “ทรัมป์” ปรากฏอยู่ ซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลายเซ็นของตน
รวมถึงบันทึกการบินเครื่องบินของเอปสตีน ที่ปรากฏชื่อของอีลอน มัสก์ และเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งมัสก์ ชี้แจงว่าเขาได้รับเชิญให้เดินทางไปที่เกาะของเอปสตีน แต่ได้ปฏิเสธไป
ล่าสุด 12 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ เปิดเผยเอกสารชุดใหม่ ส่วนใหญ่เป็นอีเมล โดยปรากฏชื่อของ สตีฟ แบนนอน อดีตผู้ช่วยทรัมป์ และ แลร์รี ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีคลังสมัยบิล คลินตัน
อย่างไรก็ดีการมีชื่อปรากฏในหลักฐาน ไม่ได้หมายความว่าบุคคลเหล่านี้ร่วมกระทำผิดเสมอไป
...
ความเกี่ยวข้องของ “ทรัมป์-เอปสตีน”
ทรัมป์และเอปสตีน ดูเหมือนจะรู้จักและเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี โดยอยู่ในแวดวงสังคมที่ใกล้เคียงกัน ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยหลักฐาน “สมุดปกดำ” (black book) ของเอปสตีน ที่มีการบันทึกรายชื่อ ข้อมูลติดต่อบุคคล ก็ปรากฏชื่อของทรัมป์ เช่นเดียวกับบันทึกการบิน ก็พบว่าทรัมป์เคยบินบนเครื่องบินของเอปสตีนหลายครั้ง
ทั้งสองคนเคยปรากฏตัวในภาพถ่ายคู่กันในช่วงปี ค.ศ.1990s และภาพที่ถูกเผยแพร่จากสำนักข่าว CNN เผยให้เห็นว่าเอปสตีนยังได้ร่วมงานแต่งงานของทรัมป์ กับมาร์ล่า เมเปิ้ล อดีตภรรยาคนที่ 2 ด้วย
ในปี 2002 ทรัมป์เคยเรียกเอปสตีนว่า “ชายผู้ยอดเยี่ยม” (terrific guy) ก่อนที่ต่อมาเอปสตีนจะได้กล่าวว่า “ผมเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของโดนัลด์มา 10 ปี”
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ระบุว่า พวกเขาแตกคอกันตั้งแต่ช่วงต้น 2000s เวลา 2 ปีก่อนที่เอปสตีนจะถูกจับกุมในปี 2008 โดยทรัมป์ระบุว่า เขาไม่ได้ "ชื่นชอบ" การกระทำของเอปสตีนนัก
ทำเนียบขาว อ้างว่า สาเหตุการแตกคอของทั้งคู่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของเอปสตีน โดยระบุว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ขับเขาออกจากกลุ่มเพราะเป็นคนที่น่าขยะแขยง”
อย่างไรก็ดี สำนักข่าววอชิงตันโพสต์ ระบุว่า ทั้งคู่แตกคอกันจากเป็นคู่แข่งทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในฟลอริดา
...
ทำไมคนถึงสนใจ “เอปสตีนไฟล์”
คดีนี้ปรากฏชื่อคนดังผู้ทรงอิทธิพลจำนวนมาก และสังคมยังมีข้อสงสัยที่ยังไม่ได้คำตอบ เช่น ทำไมในปี 2008 ที่เอปสตีนถูกจับ จึงได้รับโทษที่เบามาก, เขาและแม็กซ์เวลล์ร่วมมือกระทำกับเพียงสองคนจริงหรือไม่, ทำไมจึงปล่อยให้เขาจบชีวิตตัวเองในเรือนจำได้
ในส่วนของกลุ่ม MAGA หรือกองเชียร์สายแข็งของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เรียกร้องให้มีการเปิดเผยหลักฐานเช่นกัน โดยมีความเชื่อว่าทางการปิดบังความจริงเกี่ยวกับการตายของเอปสตีน รวมถึงมีทฤษฎีว่า มีกลุ่มอาชญากรที่ล่วงละเมิดเด็กทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับสูงของสังคมสหรัฐฯ และได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ
จะเกิดอะไรต่อจากนี้?
ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ แพม บอนดี อัยการสูงสุด ต้องเผยแพร่ไฟล์ทั้งหมดภายใน 30 วัน หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ดี มีข้อมูลบางส่วนที่สามารถระงับหรือปิดบังข้อมูลได้ เช่น ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ, หลักฐานที่แสดงให้เห็นการล่วงละเมิดเด็ก, ข้อมูลที่กระทบกับการสืบสวนสอบสวนที่กำลังดำเนินการอยู่
ทั้งนี้เมื่อ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สั่งให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนคดีเอปสตีนครั้งใหม่ ต่อรายชื่อของบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และพรรคเดโมเครต ซึ่งนักวิจารณ์บางส่วน กังวลว่า กระทรวงยุติธรรมอาจอ้างถึงข้อยกเว้นเรื่องการสอบสวนที่กำลังดำเนินการอยู่ เป็นเหตุผลในการระงับเอกสารส่วนใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูล