ส่องมาตรการ “สหรัฐฯ - อังกฤษ - เกาหลีใต้” จัดการสแกมเมอร์ในกัมพูชา

ส่องมาตรการ “สหรัฐฯ - อังกฤษ - เกาหลีใต้” ช่วยเหลือพลเมืองที่ตกเป็นเหยื่อ - จัดการเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา

ปัญหาองค์กรอาชญากรข้ามชาติ ที่มีฐานอยู่ในประเทศกัมพูชา หลอกลวงสร้างความเสียหายให้เหยื่อหลายชาติทั่วโลก โดยมีเหยื่อถูกหลอกลวงออนไลน์รวมถึงถูกหลอกไปทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยหลายชาติออกมามีมาตรการในการคว่ำบาตร -เร่งรัดการดำเนินการแก้ไข

โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา มีหลายมาตรการที่ดุเดือด ไทยรัฐออนไลน์ รวบรวมมาให้อ่าน 

สหรัฐฯ - อังกฤษ คว่ำบาตรองค์กรสแกมเมอร์ 

วันที่ 14 ต.ค.2568 ทางการสหรัฐฯ ร่วมมือกับ สหราชอาณาจักร จับมือคว่ำบาตร “Prince Group” กลุ่มบริษัทด้านการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ ซึ่งมีฐานที่มั่นในกัมพูชา โดยคว่ำบาตรครอบคลุมเป้าหมาย 146 ราย กำหนดให้เป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” มีการค้ามนุษย์ หลอกลวงเหยื่อทั่วโลกลงทุนคริปโตและโรแมนซ์สแกม รวมถึงการฟอกเงิน

สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ประจำเขตตะวันออกของนิวยอร์ก และแผนกความมั่นคงแห่งชาติของกระทรวงยุติธรรม ยังได้ยื่นฟ้องร้องริบทรัพย์สินสกุลเงินดิจิทัลบิตคอยน์ (Bitcoin) ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (ราว 4.9 แสนล้านบาท) ของ “นายเฉิน จื้อ” ชายเชื้อสายจีนวัย 37 ปี สัญชาติกัมพูชา ประธาน Prince Group  

นอกจากนี้จะมีการอายัดทรัพย์สินของนายเฉินในสหราชอาณาจักร ซึ่งคาดว่าจะประกอบด้วย คฤหาสน์หรูมูลค่า 16 ล้านดอลลาร์ (ราว 520 ล้านบาท) อาคารสำนักงานมูลค่า 126 ล้านดอลลาร์ (ราว 4 พันล้านบาท) และห้องพักในอาคารอีกหลายแห่งในกรุงลอนดอน

ข้อมูลพบว่าการหลอกลวงทางออนไลน์ ทำให้เหยื่อชาวอเมริกันสูญเสียมากกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5.2 แสนล้านบาท)ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับเฉพาะในปี 2024 การหลอกลวงที่มีต้นทางจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สร้างความสูญเสียอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อนหน้า  

สำหรับนายเฉิน จื้อ มีเครือข่ายธุรกิจกว้างขวางในกัมพูชา เขาได้รับสัญชาติปี 2557 เคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน สมัยดำรงตำแหน่งนายกฯ เมื่อปี 2563 และเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฮุน มาเนต ในปี 2566

สหรัฐฯ ตัด บ.การเงินกัมพูชา จากระบบการเงิน

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายภายใต้มาตรา 311 ของกฎหมาย USA PATRIOT Act ตัดกลุ่ม Huione Group กลุ่มบริษัทบริการทางการเงินที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา ออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ ชี้ว่าทำการฟอกเงินที่ได้จากการหลอกลวงและการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลให้แก่ผู้กระทำความผิดทางไซเบอร์มานานหลายปี

ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ Huione Group ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำคัญในการฟอกเงินที่ได้จากการโจรกรรมไซเบอร์ฝีมือเกาหลีเหนือ และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (TCO) กลุ่มต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่หลอกลวงลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ "Pig Butchering" (หลอกเชือดหมู) และการหลอกลวงอื่น ๆ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า “ฮุน โต” ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของสมเด็จฮุนเซน และลูกพี่ลูกน้องของนายกฯ ฮุน มาเนต นั่งเป็นผู้บริหารของบริษัทในเครือ Huione Group ด้วย

เกาหลีใต้ ส่งทีมพิเศษไปกัมพูชา 

เกาหลีใต้ เดินหน้ามาตรการต่อขบวนการค้ามนุษย์และแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา หลังพบว่ามีชาวเกาหลีใต้ถูกหลอกไปทำงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเกิดกรณีนักศึกษาวัย 22 ปีถูกหลอกไปทำงานและถูกทรมานจนเสียชีวิต

กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ เผยว่า มีรายงานคดีลักพาตัว 330 คดี ในปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.2568 ) โดย 260 ได้ข้อสรุปแล้ว ไม่ว่าจะมาจากการจับกุมของตำรวจในท้องถิ่น ถูกเนรเทศ หลบหนีออกมาได้เอง หรือเดินทางกลับเกาหลีใต้แล้ว ขณะที่ปี 2567 มีรายงาน 220 คดี และ 95% ได้ข้อสรุปแล้ว เมื่อรวมกับคดีในปีนี้ เหลือประมาณอีก 80 คน ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งทางการเกาหลีใต้วางแผนจะพากลับมาทั้งหมดภายในเดือนนี้

ก่อนหน้านี้ 10 ต.ค.68 ทางการเกาหลีใต้ ได้ยกระดับการเดินทางไปกรุงพนมเปญเป็น คำเตือนการเดินทางพิเศษ (special travel advisory) และในวัน 11 ต.ค.68 ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ให้คำมั่นว่าจะปกป้องประชาชน และจะดำเนินมาตรการทุกอย่าง

ขณะที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ ระบุว่า ในการหารือทวิภาคีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงกัมพูชาในช่วงปลายเดือนนี้ จะมีการเร่งรัดให้มีความร่วมมือและผลักดันการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงอาจมีการเสนอให้จัดตั้ง "Korean Desk" หรือหน่วยเจ้าหน้าที่พิเศษชาวเกาหลีใต้ ประจำการที่สถานีตำรวจในกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือดูแลคดีของชาวเกาหลี

ล่าสุดวันนี้ (15 ต.ค.68) ทางการเกาหลีใต้ได้ส่ง “คณะทำงานพิเศษ” ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยข่าวกรอง (NIS) เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อหารือกับทางการกัมพูชาโดยตรง เร่งรัดความร่วมมือในการแก้ปัญหาอาชญากรรมและการส่งตัวพลเมืองเกาหลีกลับ 

อ้างอิง : theguardian, koreaherald,  thairath