จากเอเชีย ถึงยุโรป สู่แอฟริกา เมื่อ “ธงวันพีซ” กลายเป็นสัญลักษณ์ม็อบ Gen Z ต่อต้านอำนาจรัฐบาล-ชนชั้นนำ-คอร์รัปชัน ของม็อบ Gen Z
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นปรากฏการณ์ “ม็อบ Gen Z” เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เมื่อเยาวชนคนรุ่นใหม่ออกมาเป็นแกนนำมวลชนประท้วงต่อต้านรัฐบาล เรียกร้องการแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจงไปในแต่ละประเทศ
แต่หนึ่งในสิ่งที่มักปรากฏร่วมกันในการชุมนุมเหล่านี้ คือธงโจรสลัด Jolly Roger รูปกะโหลกไขว้ สวมหมวกฟางคาดผ้าสีแดงจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดัง “วันพีซ” (One Piece) ที่เหล่าผู้ชุมนุมใช้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญ
...
ทำไมถึงเป็น “วันพีซ” ?
เชื่อว่าใครที่เป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ คงเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมธงวันพีซถึงถูกหยิบมาใช้ในการชุมนุม
แต่สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านหรือรับชมมาก่อน วันพีซ (One Piece) เป็นการ์ตูนและเอนิเมะชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีแฟนๆ หลากหลายช่วงวัย เขียนโดยเออิจิโร โอดะ ตีพิมพ์ตอนแรกเมื่อกรกฎาคม 2540 ปีเดียวกับการเริ่มต้นของยุคสมัย Gen Z ก่อนได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เอเชีย และทั่วโลก กลายเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่มียอดขายมากที่สุดในโลกกว่า 500 ล้านเล่ม มีการทำเป็นอนิเมชันรายสัปดาห์มากกว่า 1 พันตอน รวมถึงเวอร์ชันคนแสดง หรือ Live Action ออกฉายทาง Netflix เมื่อปี 2566 และกลายเป็นซีรีส์ที่มีผู้ชมมากที่สุดในช่วงครึ่งปีหลังของแพลตฟอร์มที่ 71.6 ล้านวิว
One Piece เล่าเรื่องราวของ “ลูฟี่” เด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันอยากเป็นราชาโจรสลัด และค้นพบ One Piece มหาสมบัติปริศนาที่ราชาโจรสลัดคนก่อนทิ้งเอาไว้
เขากิน “ผลปีศาจ” และกลายเป็นผู้มีความสามารถเหนือมนุษย์ ก่อนตั้งกลุ่มโจรสลัดที่ชื่อว่า “กลุ่มหมวกฟาง” ใช้ธง Jolly Roger รูปกะโหลกไขว้สวมหมวกฟางเป็นธงของกลุ่ม ออกเดินทางตามหาวันพีซไปตามเกาะต่างๆ โดยระหว่างการเดินทางพวกเขาได้ปลดปล่อยผู้คนจากผู้ปกครองที่กดขี่ เป็นศัตรูกับผู้มีอำนาจรัฐอย่าง ทหารเรือ รัฐบาลโลก และเผ่ามังกรฟ้า
อาจกล่าวได้ว่าสำหรับแฟนๆ การใช้ธงวันพีซในการชุมนุม จึงเป็นสัญลักษณ์สะท้อนการต่อสู้ของผู้คนต่อผู้มีอำนาจในโลกแห่งความจริง ที่ไม่แตกต่างไปจากการต่อสู้ของกลุ่มหมวกฟางในการ์ตูน
ม็อบ Gen Z และ วันพีซ
ภาพของธงวันพีซ ปรากฏในการชุมนุมก่อนหน้านี้มาแล้วหลายครั้ง เช่น ในการชุมนุมสนับสนุนชาวปาเลสไตน์เมื่อปี 2566 ในประเทศอินโดนีเซีย หรือนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ แต่มันถูกใช้อย่างกว้างขวางที่สุด ในการ ประท้วงที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
มีรายงานว่า จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม กลุ่มคนขับรถบรรทุกที่มักจะติดธงชาติในช่วงวันประกาศอิสรภาพ (Independence Day) ในวันที่ 17 ส.ค.ของทุกปี เพื่อฉลองครบรอบอินโดนีเซียเป็นเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ แต่ในปีนี้หลายคนเลือกติดธงวันพีซแทน เพื่อประท้วงการปฏิรูประบบขนส่งที่พวกเขามองว่าเพิกเฉยต่อชนชั้นแรงงานแต่เอื้อประโยชน์ให้ชนชั้นสูง
...
ขณะที่บ้างก็บอกว่าการใช้ธงวันพีซ เริ่มต้นขึ้นในระหว่างการประท้วงของนักศึกษา “Dark Indonesia” เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าด้วยเหตุใดธงโจรสลัดของเหล่าคนขับรถบรรทุกกลายเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย และถูกนำไปใช้ในการประท้วงรัฐบาลในประเด็นอื่นๆ เช่น นโยบายเศรษฐกิจ, การขยายบทบาทของกองทัพในรัฐบาล
ประชาชนผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่งในสุรายาบา บอกว่า เขาติดธงวันพีซไม่ใช่เพื่อแสดงออกไม่รักชาติ แต่เป็นการบอกว่าเขายังรักประเทศนี้อยู่แต่ผิดหวังกับรัฐบาล
ธงวันพีซ ได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกเมื่อถูกคนในรัฐบาลวิจารณ์ โดยนายซูฟมี ดัสโก อาหมัด รองประธานสภาฯ และผู้บริหารพรรคเกรินดรา ของ ปธน.ปราโบโว เชิญชวนให้ประชาชนต่อต้านม็อบธงวันพีซ ชี้ว่าเป็น “ความพยายามในการแบ่งแยกชาติ” เช่นเดียวกับนายเฟอร์มาน ซูบัก สส.พรรคโกลคาร์ พรรคใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ที่มองว่า “อาจถือเป็นการกบฏ”
...
ธงนี้ถูกใช้มาต่อเนื่องจนถึงการประท้วงใหญ่ปลายเดือนสิงหาคม-ต้นกันยายน ที่ประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z ลงถนนประท้วงปมรัฐบาลเพิ่มเงินสวัสดิการค่าที่พักให้ สส.เดือนละกว่า 1 แสนบาทสะสมกับปัญหาอื่นๆ ก่อนหน้า มีการบุกเผาสถานที่ราชการและบ้านนักการเมือง ขณะเดียวกันก็มีรายงานการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง รวมผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน บาดเจ็บนับพัน ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซีย ยอมถอยการเพิ่มเงิน สส. และเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี 5 คน
อีกภาพที่ถูกแชร์กันอย่างกว้างขวาง คือการที่ธงวันพีซถูกติดอยู่ด้านหน้าอาคารรัฐสภาที่ถูกเผากลายเป็นทะเลเพลิง ในการประท้วงใหญ่เนปาล เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังการแบนโซเชียลมีเดียของรัฐบาลกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้บรรดาประชาชนคนรุ่นใหม่ลงถนนประท้วงปัญหาคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกมายาวนาน รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจ และอัตราว่างงานที่สูงถึง 20%
...
กลุ่มผู้ชุมนุมได้บุกเผาสถานที่ราชการ สิ่งของสาธารณะต่างๆ รวมถึงบ้านของเหล่านักการเมือง มีการสลายการชุมนุมด้วยกระสุนจริง การประท้วงครั้งรุนแรงนี้นำไปสู่การเสียชีวิตมากกว่า 70 ศพ สร้างความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ผู้ชุมนุมสามารถโค่นนายกฯ และล้มรัฐบาลลงได้ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเฉพาะกาลกำลังปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก็ปรากฏภาพของธงวันพีซในการชุมนุมของประชาชนกว่า 5 หมื่นคน ประท้วงการคอร์รัปชันโครงการบริหารจัดการอุทกภัย มูลค่ารวม 5.45 แสนล้านเปโซ (ราว 3.5 แสนล้านบาท) ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากรับสินบนมหาศาลแลกสัมปทานโครงการป้องกันน้ำท่วมที่ “ไม่มีอยู่จริง” ซ้ำเติมปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ที่ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญเนื่องจากตั้งอยู่ในโซนที่เปราะบางต่อภัยธรรมชาติเป็นทุนเดิม
ข้อกล่าวหาเรื่องรับสินบนเริ่มปรากฏขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตรงกับช่วงที่มรสุมและพายุกำลังถล่มฟิลิปปินส์ แม้ประธานาธิบดีบงบง มาร์กอส จะได้ตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบความผิดปกติของโครงการ แต่ประชาชนจำนวนมาก มองว่าควรเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2565 แล้ว
นอกจากนี้มีการขุดบทสัมภาษณ์และภาพการใช้ชีวิตอย่างหรูหราของบรรดาผู้รับเหมาที่ชนะการประมูล รวมถึงมีผู้รับเหมารายหนึ่งออกมาแฉว่า มีเจ้าหน้าที่กว่า 30 คนรับสินบน สร้างความไม่พอใจสะสมในหมู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และนำมาสู่การประท้วงในวันที่ 21 ก.ย. ซึ่งตรงกับวันที่อดีตประธานาธิบดีมาร์กอสผู้พ่อ ประกาศกฎอัยการศึกในปี 2515 โดยผู้ชุมนุมเรียกร้องให้มีการคืนเงินที่ทุจริตและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ในฝั่งโลกตะวันตก ไม่นานมานี้ก็ปรากฏภาพการใช้ธงวันพีซ ในการประท้วง Block Everything ในฝรั่งเศส กดดันชนชั้นการเมืองและต่อต้านมาตรการตัดงบประมาณของรัฐบาล และการประท้วงรัฐบาลในสโลวาเกียต่อนโยบายเศรษฐกิจและท่าทีเข้าข้างรัสเซีย
ล่าสุดที่ทวีปแอฟริกา ในการประท้วงในมาดากัสการ์ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อ 25 กันยายน ผู้ชุมนุมบางคนถือธงวันพีซ ร่วมม็อบ Gen Z ต่อต้านปัญหาน้ำประปาและไฟฟ้าขัดข้องเรื้อรัง บวกกับความไม่พอใจสะสมต่อการบริหารที่ไม่โปร่งใส กลายเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีและมีการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีรายงานผู้เสียชีวิต 22 คน บาดเจ็บอีกนับร้อย
ล่าสุด 29 กันยายน ประธานาธิบดีอ็องดรี ราโจเอลินา ประกาศยุบรัฐบาลและปลดนายกฯ แล้ว ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รัฐทำงานล้มเหลว เตรียมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่และเปิดทางเจรจากับกลุ่มเยาวชน อย่างไรก็ดีขณะนี้การประท้วงยังคงเดินหน้าต่อ เรียกร้องให้ประธานาธิบดีลาออก
ณ ตอนนี้เรื่องราวการเดินทางของ “ลูฟี่” และกลุ่มหมวกฟางยังไม่สิ้นสุด แต่ทางผู้เขียนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเนื้อเรื่องกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว ซึ่งแฟนๆ ใกล้จะได้รู้ตอนจบของการผจญภัยและคำตอบว่ามหาสมบัติ One Piece คืออะไรกันแน่?
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ตราบใดที่ปัญหาและข้อเรียกร้องของประชาชนยังไม่ได้รับการตอบสนองและแก้ไข การต่อสู้ก็คงต้องดำเนินต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
อ้างอิง : theconversation, time, cnn, apnews, theguardian