รู้จัก “สุชิลา การ์กี” อดีตประธานศาลฎีกาหญิงคนแรกและคนเดียว คนที่ม็อบเนปาลหวังดันเป็นนายกฯ ชั่วคราว
ความคืบหน้าการประท้วงต้านคอร์รัปชันที่เนปาลที่ได้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา และทวีความดุเดือด จนนายเคพี โอลี นายกรัฐมนตรีต้องลาออก ก่อนที่กองทัพเนปาลจะเข้ามาควบคุมสถานการณ์และประกาศเคอร์ฟิว
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าในวันนี้ (12 ก.ย.) สถานการณ์ค่อนข้างอยู่ในความสงบ ร้านค้าต่างๆ ในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวง เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ บนถนนมีรถสัญจรไปมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำการเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยถือกระบองแทนถือปืน ต่างจากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 51 คน ซึ่งรวมถึงผู้ชุมนุม 21 คน ตำรวจ 3 คน ผู้เสียชีวิตอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในหมู่นักโทษ 12,500 ที่อาศัยจังหวะการประท้วงแหกคุกออกมา ขณะที่ผู้บาดเจ็บมีมากกว่า 1,300 ราย
เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุม Gen Z ได้เปิดเผยแถลงการณ์ต่อสาธารณชนเพื่อรับฟังความคิดเห็น โดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการปฏิรูประบบต่อต้านการทุจริต จัดการเลือกตั้งใหม่ และปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
ในขณะที่การโหวตของผู้ชุมนุมส่วนใหญ่สนับสนุนให้นางสุชิลา การ์กี อดีตประธานศาลฎีกาหญิงคนแรกของเนปาล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ รักษาการ เพื่อบริหารประเทศชั่วคราว
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ คาดว่าการแต่งตั้งนางการ์กี มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากการประชุมที่บ้านพักประธานาธิบดีราม จันทรา พูเดล ซึ่งกำหนดไว้เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตามแหล่งข่าวจากกลุ่ม Gen Z ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาครั้งนี้
...
“สุชิลา การ์กี” คือใคร ทำไมม็อบหนุน
สุชิลา การ์กี วัย 73 ปี จบการศึกษาปริญญาด้านรัฐศาสตร์และด้านกฎหมาย เธอเริ่มทำงานด้วยอาชีพผู้ช่วยอาจารย์มหาวิทยาลัย และได้เข้าร่วมการประท้วงของประชาชนในปี 1990 เพื่อล้มล้างระบอบปัญจายัต (ระบอบการปกครองแบบไม่มีพรรคการเมือง กษัตริย์มีอำนาจสูงสุด) จนถูกคุมขังในเรือนจำ
ต่อมาเธอได้เริ่มทำงานกฎหมาย ในปี 2008 เธอดำรงตำแหน่งทนายความอาวุโสแห่งสมาคมเนติบัณฑิตเนปาล (Nepal Bar Association) ก่อนที่ในปี 2009 จะทำงานเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา
ในปี 2016 เธอได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดคือ ประธานศาลฎีกาเนปาล โดยเป็นผู้หญิงคนแรกและปัจจุบันยังเป็นคนเดียวที่เคยได้ดำรงตำแหน่งนี้ ปฏิบัติหน้าที่ในปี 2016-2017 ก่อนเกษียณราชการ และมีชื่อเสียงโด่งดังจากการไม่อ่อนข้อให้กับการทุจริต
ในช่วงการดำรงตำแหน่ง การ์กี แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระในการตัดสินคดี ไม่ฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด ทำให้ได้รับความเคารพในหมู่ประชาชนอย่างมาก
ผู้ประท้วงหญิงรายหนึ่ง กล่าวว่า สนับสนุนการ์กีเพราะหวังเธอจะยกระดับสิทธิของสตรีและแก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศด้วย
“ฉันหวังว่ารัฐบาลรักษาการจะวางรากฐานในการรักษาหลักนิติรัฐและนิติธรรม มีประวัติที่โปร่งใส ไม่เคยคอร์รัปชันหรือมีความเกี่ยวข้องกับการเมืองที่ชัดเจน”
อย่างไรก็ดี มีม็อบบางส่วนที่ไม่สนับสนุน โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นกลางของเธอ เนื่องจากการ์กีได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ในยุคของรัฐบาลอดีตนายกฯ โอลีที่เพิ่งลาออกไป รวมถึงมองว่าการโหวตทางออนไลน์อาจมีข้อบกพร่อง เนื่องจากในกลุ่มมีสมาชิกมากกว่า 40,000 คน แต่กลับมีการปิดโหวตหลังนางการ์กีได้คะแนนโหวตเกิน 50% ซึ่งตอนนั้นมีผู้ร่วมลงคะแนนแค่ 7,713 คนเท่านั้น
“เธอต้องสาบานตนต่อสาธารณะ สิ่งที่เป็นข้อดีอยู่บ้างคือที่ผ่านมาเธอมีแนวคิดไปในทางเดียวกับข้อเรียกร้องหลักของผู้ชุมนุมคนรุ่นใหม่ และได้รับการสนับสนุนจากบาเลน (อดีตแรปเปอร์ ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ) ซึ่งเป็นนักการเมืองอิสระไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด”
ความท้าทายของนายกฯ รักษาการ
ภัคสร เกาตัม นักวิจัยอิสระด้านสังคมและการเมืองร่วมสมัยของเนปาล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ว่าความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของนายกฯ รักษาการ คือการแบกรับความรับผิดชอบในการฟื้นฟูสันติสุขและความหวังในหมู่ชาวเนปาล ที่ผิดหวังกับการเมืองกระแสหลักมาหลายทศวรรษ
รวมถึงการสอบสวนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อความเสียหายที่เกิดจากการวางเพลิงและทำลายทรัพย์สินที่เกิดขึ้น รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของประเทศ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนและจัดการเลือกตั้ง
“เมื่อมีการจัดการเลือกตั้ง ในอุดมคติคือ ทุกภาคส่วนทุกพรรคควรได้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังมีความเป็นประชาธิปไตยอยู่” ภัคสร กล่าว “หากไม่เป็นเช่นนั้น มันก็เป็นเพียงละครหุ่นเชิดและเป็นที่ชัดเจนว่ากองทัพได้เข้ามาควบคุมอำนาจบริหารและจะใช้อำนาจเหล่านี้ต่อไป”
...