“เชื่อ คิดและทำ อย่างวิทยาศาสตร์” วันนี้ ขอนำท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับเรื่องราวชีวิตมหัศจรรย์บางส่วน และ “แสงเทียน” ที่จุดประกายสร้างสองดวงดาว เฮเลน เคลเลอร์ และ คาร์ล เซแกน....

ทุกดวงดาวที่สุกสว่าง ล้วนผ่านช่วงการจุดประกายดั่งแสงเทียนแก่ทารกดวงดาว!

ดวงดาวทุกดวงมีกำเนิดเหมือนกัน จากการรวมกลุ่มกันของฝุ่นผงในอวกาศ แต่มิใช่การรวมตัวของฝุ่นผงดวงดาว จะได้เติบโตเป็นดวงดาวสุกสว่างในจักรวาลทุกครั้ง

การรวมตัวกันของฝุ่นผงในอวกาศจำนวนมากก็จุดไม่ติด คือ ไปไม่ถึงปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน ดวงดาวจึงมิได้เกิด

เงื่อนไขของการจุดติดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ “ประกายดั่งแสงเทียน” ที่ทำให้การรวมตัวของฝุ่นผงอวกาศ รวมตัวกันอย่าง “ถูกทาง” หรือไม่?

เฮเลน เคลเลอร์ เป็นดาวดวงสุกสว่างสำหรับ “คนตาบอด หูหนวกและเป็นใบ้” มีชื่อเสียงเป็น “นักพูด นักเขียน” ทั้งๆ ที่ตัวเธอเอง “ตาบอด หูหนวกและเป็นใบ้” มาตั้งแต่เป็นเด็ก

คาร์ล เซแกน เป็นดวงดาวสุกสว่างที่สุดดวงหนึ่งในจักรวาลนักดาราศาสตร์คนสำคัญของโลก ในท้องฟ้า (มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า) ทุกวันนี้ มีดาวเคราะห์น้อย ชื่อ 270 Sagan กำลังโคจรอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อย

แต่ “ใคร” หรือ “อะไร” เป็นแสงเทียนจุดประกายให้เกิดดวงดาวเฮเลน เคลเลอร์ และ คาร์ล เซแกน

“เชื่อ คิดและทำ อย่างวิทยาศาสตร์” วันนี้ ขอนำท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับเรื่องราวชีวิตมหัศจรรย์บางส่วน และ “แสงเทียน” ที่จุดประกายสร้างสองดวงดาว เฮเลน เคลเลอร์ และ คาร์ล เซแกน

...

เฮเลน เคลเลอร์ เด็กหญิงที่สิ้นหวังสำหรับทุกคน!

เฮเลน เคลเลอร์ เป็นชาวอเมริกัน เกิดวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2423 เธอมิได้ตาบอด หูหนวกและเป็นใบ้มาตั้งแต่เกิด

เมื่ออายุ 19 เดือน เธอป่วยเป็นโรคประหลาด ซึ่งแพทย์ในปัจจุบันคาดว่า เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้เธอ ตาบอดและหูหนวก

เมื่อตาบอดและหูหนวก เฮเลนจึงกลายเป็นใบ้ไปด้วย นั่นคือ ส่งเสียงได้ แต่ไม่มีความหมายเพราะเธอไม่ได้ยินการออกเสียงที่ถูกต้อง

ช่วงตั้งแต่หลังจากการป่วย จนกระทั่งถึงอายุ 7 ปี เฮเลน จึงมีสภาพเป็น “เด็กสิ้นหวัง” โมโหร้าย เอาแต่ใจตัวเอง ทำลายสิ่งของ ทำร้ายตนเองและคนอื่นที่ขัดใจ กรีดเสียงร้องเมื่อไม่พอใจ

แล้วชีวิตของเฮเลนก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อเธอมีอายุ 7 ปี

แอนน์ ซัลลิแวน แสงเทียนสู่ดวงดาวของเฮเลน เคลเลอร์!

แสงเทียนผู้จุดประกายสู่ดวงดาวสำหรับเฮเลน เคลเลอร์ คือ แอนน์ ซัลลิแวน เธอมีอายุมากกว่า เฮเลน 7 ปี

แอนน์ ผ่านประสบการณ์ในวัยเด็กคล้ายเฮเลน แต่ไม่สาหัสเท่า

เมื่อตอนอายุห้าขวบ แอนน์ ป่วยเป็นโรคริดสีดวงตา ทำให้ตาซ้ายเกือบบอด และก็ได้ผ่านการรักษาผ่าตัดหลายครั้งจนกระทั่งอาการดีขึ้น

แอนน์ เรียนจบจากโรงเรียนเพอร์คินส์สำหรับคนตาบอด (Perkins School For The Blind) เมื่อเธอมีอายุ 20 ปี ซึ่งในตอนนั้น เฮเลน มีอายุ 7 ปี แต่ก็ยังตาบอด หูหนวก และเป็นใบ้ 

จุดเปลี่ยนชีวิตของเฮเลน เริ่มต้นเมื่อคุณพ่อของเธอ ติดต่อโรงเรียนเพอร์คินส์ เพื่อขอ “ครู” จากโรงเรียน ไปสอนและดูแลเฮเลน และโรงเรียนก็แนะนำ แอนน์ ซัลลิแวน ซึ่งเธอก็ยอมรับ

แอนน์ พบกับ เฮเลน วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2430 

เฮเลน เขียนในอัตชีวประวัติของเธอว่า วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2430 เป็น “วันเกิดแห่งจิตวิญญาณ” ของเธอ

แต่ความรู้สึกที่ดีนี้ มิได้เกิดขึ้นง่ายๆ เลย

ลูกศิษย์กับครูทำสงคราม “เพื่อเอาชนะกัน” อย่างหนักตั้งแต่แรก

แอนน์ มีความตั้งใจสูง จะ “ฝึก” เฮเลนให้ได้โดยเร็ว

เฮเลน ก็ไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว และก็ขัดขืนดื้อแพ่งอย่างหนัก การขัดขืนดื้อแพ่งที่มิใช่ “การดื้อเงียบ” แต่รุนแรงประเภทตาต่อตา ฟันต่อฟัน

เมื่อครูสอนให้ลูกศิษย์ใช้ช้อนตักอาหารในจาน ลูกศิษย์ก็โยนช้อนทิ้ง ใช้มือขยุ้มอาหารใส่ปาก

เมื่อครูบังคับให้ลูกศิษย์ตักอาหารใส่ปากจนได้ ลูกศิษย์ก็พ่นอาหารใส่หน้าครู

...

ในตอนแรก แอนน์ ก็ใช้วิธีการสอนที่เข้มงวด แต่ก็พบอย่างไม่ช้านานนักว่า เฮเลน ไม่ใช่เด็กโง่ มีความอยากรู้ แต่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เพราะไม่มีใครเข้าใจเธอ

อีกทั้ง แอนน์ ก็มีประสบการณ์ของตัวเธอเอง ในช่วงที่ตามีปัญหาอย่างหนัก และจึงหงุดหงิด ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่บ่อยๆ

แอนน์ จึงเปลี่ยนวิธีใหม่ ใจเย็นกับเฮเลนมากขึ้น พยายามเข้าใจความต้องการของเฮเลน และช่วยให้เฮเลนได้เรียนรู้ ทั้งในเรื่องของการอยู่ร่วมกับคนอื่น และการเรียนรู้ “หนังสือ” จริงๆ

ถ้าการสอนความประพฤติว่ายากแล้ว การสอนให้รู้จัก “หนังสือ” จริงๆ ก็ไม่ง่ายกว่าเลย เพราะตอนถึงอายุ 7 ปี เฮเลน ไม่รู้จักตัวอักษร ตัวเลข ชื่อของวัตถุทุกสิ่ง ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ

แอนน์ พยายามสอนเฮเลน ให้รู้จักตัวอักษร ด้วยการใช้นิ้วมือขีดเขียนบนฝ่ามือของเฮเลน ซึ่ง เฮเลน ก็ดูจะพยายามเรียนรู้ แต่ก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “ไม่เข้าใจ” และทำไม่ได้

แล้ววันที่เกิดประกายแสงเทียนขึ้นมา ก็มาถึง คือ วันที่ 5 เมษายน หลังการพบกันของลูกศิษย์กับคุณครูคู่พิเศษนี้หนึ่งเดือน

...

วันนั้น แอนน์ ใช้นิ้วมือสะกดคำว่า W-A-T-E-R บนฝ่ามือของเฮเลน ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็โยกปั๊มน้ำ ให้น้ำไหลลงสู่มือของเฮเลน

แล้วสิ่งที่แอนน์พยายามสอนเฮเลนก็เกิดผล!

เฮเลน รู้สึกได้ถึงของเหลวบางอย่างที่ไหลสู่มือของเธอ แล้วเธอก็รู้สึกสว่างวาบขึ้นมาในสมองว่า สิ่งที่ไหลสู่มือของเธอ มีชื่อเรียกตามคำที่แอนน์กำลังสะกดบนฝ่ามือของเธอ

WATER จึงเป็นคำแรกที่เฮเลน เคลเลอร์ รู้จัก และรู้ว่า WATER คืออะไร

แล้ว แอนน์ ก็พบสิ่งที่ “คาดคิด” อยู่แล้วว่า เฮเลน เป็นเด็กฉลาดมาก มีความอยากเรียนรู้ และเรียนรู้ได้เร็ว ถ้า “ถูกทาง” 

หลังจากนั้น โลกก็เปิดกว้างสำหรับการรู้จักสรรพสิ่งรอบตัว เพราะ เฮเลน แทบจะไม่หยุดเลย ที่จะให้ แอนน์ สอนให้รู้จักกับสิ่งของใหม่ๆ และชื่อของสิ่งใหม่ๆ เหล่านั้น

แล้วก็มาถึงการพูด!

เฮเลน เป็นใบ้ มิใช่พูดไม่ได้ แต่ไม่รู้วิธีออกเสียง เพราะหูหนวก ก่อนที่จะได้รู้จักการพูด

การสอนของแอนน์ เป็นวิธีที่เฉพาะครูที่รักลูกศิษย์จริงๆ จะยอมทำ เพราะต้องยอมให้ลูกศิษย์จับหน้า จับปาก จับฟัน เพื่อสัมผัสให้รู้วิธีการขยับปาก ให้เป็นเสียงออกมาตรงกับคำที่ต้องการ

ในที่สุด เฮเลนก็พูดได้ แต่การพูดของเฮเลน ก็ “ฟังยาก” สำหรับคนทั่วไป ยกเว้น แอนน์

แอนน์ ซัลลิแวน เห็นศักยภาพของเฮเลน ถ้าได้พัฒนาการเรียนรู้ต่อไปได้เต็มที่ เธอจึงเต็มใจจะอยู่และช่วยเฮเลนในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

เฮเลนจึงเข้าเรียนหนังสือจนกระทั่งถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยมี แอนน์ อยู่เป็น “เพื่อนเรียน” เพื่อให้เฮเลนติดตาม “เลกเชอร์” และกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดเวลา จนกระทั่งในที่สุด เฮเลน ก็สำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญาตรี ศิลปศาสตร์ จากวิทยาลัยแรดคลิฟฟ์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำให้เฮเลนเป็นคนตาบอดและหูหนวกคนแรกในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับปริญญา

...

แสงเทียนอยู่คู่ดวงดาวถึงวันเทียนดับ!

หลังสำเร็จการศึกษา เฮเลน เคลเลอร์ ก็ทำงานหาเลี้ยงชีพดังเช่นคนทั่วไป ด้วยการเขียนหนังสือ สอนหนังสือ ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนพิการ และเรื่องอื่นๆ ดังเช่น สิทธิสตรี จนกระทั่งในที่สุด เฮเลน ก็ประสบความสำเร็จ กลายเป็นนักเขียน นักพูด มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

สำหรับ แอนน์ ซัลวิแวน ผู้เป็นแสงเทียนจุดประกายและส่องนำทาง เฮเลน เคลเลอร์ ก็อยู่เป็นเพื่อนแท้ตลอดกาลกับเฮเลน จนกระทั่งถึงวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2479 แสงเทียนก็ดับ โดยเฮเลนจับมือของแสงเทียนนำทาง จนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้าย ในขณะที่ แอนน์ ซัลลิแวน มีอายุ 70 ปี

ส่วนดวงดาว เฮเลน เคลเลอร์ เธอยังส่องสว่างต่อไป จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิต คือ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2511 ขณะมีอายุ 87 ปี

คาร์ล เซแกน
คาร์ล เซแกน

CONTACT คาร์ล เซแกน และโรงภาพยนตร์ลิโด้!

ประสบการณ์ทำให้ (ผู้เขียน) นึกถึง คาร์ล เซแกน เป็นประจำ!

คาร์ล เซแกน เขียนหนังสือวิทยาศาสตร์สำหรับผู้อ่านทั่วไปหลายเล่ม ทุกเล่มล้วนเป็นเบสต์เซลเลอร์

ผู้เขียนมีหนังสือของ คาร์ล เซแกน แทบทุกเล่ม แต่ทุกเล่มที่มี ก็ยังนำมาอ่านใหม่บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง COSMOS แล้วก็ CONTACT 

คาร์ล เซแกน เขียนนิยายวิทยาศาสตร์อยู่เพียงเล่มเดียว คือ Contact 

สำนักพิมพ์ Simon Schuster จ่ายเงินค่ามัดจำล่วงหน้าแก่ คาร์ล เซแกน เป็นเงินสองล้านดอลลาร์ เพื่อให้เขาเขียน Contact เป็นเงินมัดจำล่วงหน้าจ่ายแก่นักเขียนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การพิมพ์ และคาร์ล เซแกน ก็ไม่ทำให้สำนักพิมพ์ผิดหวัง

Contact ตีพิมพ์ครั้งแรกจำนวน 265,000 เล่ม ในปี พ.ศ. 2528 ขายได้ 1,700,000 เล่ม ในสองปีแรก

คาร์ล เซแกน เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ Contact จากบทภาพยนตร์ที่เขาและแอนน์ ดรูแอน (Ann Druyan) ได้เขียนขึ้นมา แต่มีปัญหาในการสร้างเป็นภาพยนตร์ คาร์ล เซแกน จึงนำมาเขียนเป็นหนังสือ Contact

ในที่สุด Contact ก็ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ กำกับโดย โรเบิร์ต เซเมกคิส แสดงนำโดย โจดี ฟอสเตอร์ และ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์

คำว่า Contact ในหนังสือและภาพยนตร์ หมายถึง การติดต่อระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว พล็อตหลักของเรื่อง เป็นการเดินทางทะลุผ่านมิติของเวลาและอวกาศ โดย “พิมพ์เขียว” ที่มนุษย์โลกได้รับจากมนุษย์ต่างดาว และปัญหาที่เกี่ยวเนื่องทั้งในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ศาสนา และปรัชญา

ก่อนภาพยนตร์ Contact ในวงการภาพยนตร์ยกให้ 2001 : A Space Odyssey ของ สแตนลีย์ คูบริก ออกฉายปี พ.ศ. 2511 เป็นภาพยนตร์ดีที่สุดตลอดกาล (แยกจากภาพยนตร์วิทยาศาสตร์สนุกที่สุด คือ ชุด Star Wars)

เมื่อ Contact พร้อมจะออกฉาย ก็หวังกันว่า Contact อาจจะเข้ามาแทนที่ 2001 : A Space Odyssey ในฐานะเป็นภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ดีที่สุด

ในประเทศไทย บริษัทนำเข้า Contact จัดรายการพิเศษฉาย Contact รอบเพิเศษ ที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ ในสยาม สแควร์ สำหรับแขกรับเชิญเป็นคนในวงการภาพยนตร์ ผู้กำกับและสื่อมวลชน โดยเชิญให้ผู้เขียนเป็นผู้ร่วมชมและสนทนากับผู้ชมเกี่ยวกับ Contact

ก่อนการฉาย Contact ผู้เขียนก็คุยกับผู้ชมประมาณเกือบหนึ่งร้อยคน เป็นเวลาประมาณ 15 นาที เกี่ยวกับ Contact ความคาดหวัง แต่ไม่สปอยล์ภาพยนตร์

หลังภาพยนตร์ที่มีความยาว 150 นาทีจบลง ผู้เขียนจึงสนทนากับผู้ชมต่อ เล่าเรื่องราวเบื้องหลังที่มาของภาพยนตร์ ประเด็นเป้าหมายของภาพยนตร์ ตอบคำถาม และเปลี่ยนความคิดเห็น

มันเป็นประสบการณ์ที่ฝังอยู่ในความทรงจำของผู้เขียนมาถึงทุกวันนี้ เรา (ผู้เขียนและผู้เข้าชม) สนทนากันอย่างสนุกสนาน จากที่คาดว่า จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหลังการฉายภาพยนตร์ที่จบลง เมื่อเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง

แต่เราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน จึงจำใจจะต้องยุติการสนทนากัน

สำหรับประเด็นใหญ่ว่า แล้ว Contact จะเข้ามาแทนที่ 2001 : A Space Odyssey ได้หรือไม่?

ความคิดเห็นของผู้เขียนและผู้ร่วมชมรอบพิเศษที่ลิโด้เห็นตรงกันว่า Contact  สนุกกว่า 2001 : A Space Odyssey และดีในระดับใกล้เคียงกับ 2001 : A Space Odyssey แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่ 2001 : A Space Odyssey ในฐานะเป็นภาพยนตร์ดีที่สุดได้

เป็นความคิดเห็นที่ตรงกับความคิดเห็นในระดับโลกที่ผู้เขียนได้ติดตามหลัง Contact ออกฉายจริงทั่วโลกว่า Contact เป็นหนึ่งในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ดีที่สุดตลอดกาล แต่ก็ยังเป็นรอง 2001 : A Space Odyssey

ในส่วนของโลกหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ Contact ก็สร้างปรากฏการณ์ส่งให้ คาร์ล เซแกน เป็นเสมือนกับ “ซูเปอร์โนวา” ดวงพิเศษดวงเดียว ที่ส่องแสงเจิดจรัสอยู่คู่กับโลกนิยายวิทยาศาสตร์ตลอดมา

คาร์ล เซแกน กับข่าวสารจากโลกสู่จักรวาล!

“สวัสดีค่ะ สหายในธรณีโพ้น พวกเราในธรณีนี้ ขอส่งมิตรจิตมาถึงท่านทุกคน”

ในอนาคต ถ้ามนุษย์ต่างดาวจับยานวอยเอจเจอร์ 1 หรือ วอยเอจเจอร์ 2 ได้ ก็จะพบ แผ่นเสียงทองคำพิเศษ หรือแผ่นวิดีโอ ติดอยู่ที่ผิวด้านนอกของยานวอยเอจเจอร์ทั้งสอง พร้อมด้วย “คู่มือ” เป็นภาษาวิทยาศาสตร์ บอกวิธีการเล่น แล้วมนุษย์ต่างดาว ก็จะได้เห็นทั้งภาพและเสียงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสรรพสิ่งบนโลก พร้อมด้วยข้อความเป็นภาษาต่างๆ รวม 55 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย ที่กล่าวทักทายมนุษย์ต่างดาว

Contact เป็นผลงานหนึ่งเดียวของ คาร์ล เซแกน ในโลกนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ในโลกของวิทยาศาสตร์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับชีวิตนอกโลก การสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาหรืออีทีนอกโลก คาร์ล เซแกน ก็เป็นดวงดาวเด่นจรัสแสงจริงๆ

ก่อนยานวอยเอจเจอร์ 1 และ วอยเอจเจอร์ 2 ก็มียานไพโอเนียร์ 10 และ ไพโอเนียร์ 11 ที่ คาร์ล เซแกน มีบทบาทสำคัญ สำหรับการส่งข่าวสารจากโลกสู่จักรวาล ในรูปแบบของ “บัตรทักทาย” แกะสลักบนแผ่นโลหะ ติดอยู่กับผิวยานอวกาศด้านนอก แสดงลักษณะภายนอกของมนุษย์หญิงและชาย ภาพระบบสุริยะ ภาพเส้นทางการเดินทางของยาน ไพโอเนียร์ทั้งสอง

ยานไพโอเนียร์ 10 และ ไพโอเนียร์ 11 ถูกส่งขึ้นจากโลก พ.ศ. 2515 และ พ.ศ. 2516 ตามลำดับ ยานวอยเอจเจอร์ 1 และยานวอยเอจเจอร์ 2 ถูกส่งขึ้นจากโลกในปี พ.ศ. 2520 ทั้งสองลำ

ยานไพโอเนียร์ 10, ไพโอเนียร์ 11, ยานวอยเอจเจอร์ 1 และวอยเอจเจอร์ 2 เป็นยานอวกาศ 4 ลำแรกที่ถูกส่งออกนอกระบบสุริยะ สู่จักรวาลกว้าง

ถึงวันนี้ มีเฉพาะยานวอยเอจเจอร์ 1 และยานวอยเอจเจอร์ 2 ที่โลก (นาซา) ยังสามารถติดต่อได้ ส่วนยานไพโอเนียร์ 10 และ ไพโอเนียร์ 11 ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว

แต่ยานอวกาศทั้ง 4 ลำ ก็ได้ให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับระบบสุริยะ และอวกาศนอกระบบสุริยะ อย่างที่มนุษย์ได้เคยได้มาก่อน

แล้วเป้าหมายสุดท้ายของยานอวกาศทั้ง 4 ลำ คืออะไร?

นาซากล่าวว่า ยานอวกาศทั้งสี่ลำ ถูกออกแบบให้คงทนอยู่กับการเดินทางในอวกาศได้เป็นล้านๆ ปี ถ้าไม่ชนกับดาวดวงใด หรือถูกจับได้โดย “มนุษย์ต่างดาว” เสียก่อน

และเป้าหมายก็อยากให้ “มนุษย์ต่างดาว” ขึ้นไปจับในอวกาศ เพราะถ้ามนุษย์ต่างดาวขึ้นไปจับได้ก็แสดงว่า เป็นมนุษย์ต่างดาวที่ทรงปัญญาจริงๆ และก็จะสามารถอ่าน เล่น (แผ่นวิดีโอ) และฟัง “ข่าวสารจากโลกสู่จักรวาล” ได้

2001 : A Space Odyssey
2001 : A Space Odyssey

แสงเทียนจุดประกายดวงดาว คาร์ล เซแกน!

เส้นทางสู่การเป็นดวงดาวของ คาร์ล เซแกน ไม่สาหัสเท่าของ เฮเลน เคลเลอร์ แต่น่าสนใจ และมีเทียนถึง 4 เล่มส่องนำทาง

สองเล่มแรกและสำคัญที่สุด คือ คุณแม่และคุณพ่อของ คาร์ล เซแกน

คุณพ่อของ คาร์ล เซแกน ชื่อ แซมูเอล เซแกน (Samuel Sagan) เป็นคนเชื้อสายยูเครน อพยพมาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ทำงานเกี่ยวกับเสื้อผ้า เป็นนักต่อสู้ชีวิต มีขึ้นๆล่องๆ ช่วงลำบากที่สุด เคยทำงานเป็นพนักงานประจำโรงภาพยนตร์

คุณแม่ของ คาร์ล เซแกน ชื่อ ราเชล มอลลี กรูเบอร์ (Rachel Molly Gruber) เป็นคนอเมริกัน ที่มีความใฝ่ฝันในทางการใช้ความสามารถทางสมอง แต่ยากจนมาก โอกาสจึงมีน้อย และก็จึงพยายามส่งเสริมให้ลูก ได้ศึกษาและหาทางก้าวหน้าในการใช้สมอง

ในชีวประวัติของ คาร์ล เซแกน เขากล่าวถึงแรงบันดาลใจของเขาว่า เขาได้ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เกิด “sense of wonder” จากคุณพ่อของเขา...

และได้ความคิดในการทำงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องมีการศึกษาวิเคราะห์และสังเคราะห์อย่างเป็นระบบจากคุณแม่ของเขา ที่แม้จะยากจน แต่ก็รู้จักวางแผนการดำเนินอย่างให้มีศักดิ์ศรีมากที่สุด

เทียนเล่มที่สาม คือ นิยายวิทยาศาสตร์!

คาร์ล เซแกน “ติด” นิยายวิทยาศาสตร์มากในช่วงวัยเด็ก และตื่นเต้นมากเมื่อทราบว่า ดวงดาวในท้องฟ้าทุกดวง ก็เป็นดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์

เทียนเล่มที่สี่ คือ “ไทม์แคปซูล” (time capsule) หรือแคปซูลเวลา ที่ คาร์ล เซแกน ได้เห็นในงาน “เวิร์ลด์แฟร์” (World Fair) ที่กรุงนิวยอร์ก เมื่อปี พ.ศ. 2482

ขณะนั้น คาร์ล เซแกน มีอายุเพียง 4 ปี แต่ไทม์แคปซูลก็ฝังอยู่ในความทรงจำของเขา จนกระทั่งในที่สุด ความฝันของเขาก็เป็นจริง ในรูปของ “ข่าวสารจากโลกสู่จักรวาล” ที่กำลังเดินทางไปในอวกาศกระหว่างดวงดาว กับยานไพโอเนียร์ 10, ไพโอเนีย์ 11, วอยเอจเจอร์ 1 และวอยเอจเจอร์ 2

ที่หนึ่งตลอดการของ เฮเลน เคลเลอร์ และ คาร์ล เซแกน!

คนทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนหรือมีชื่อเสียงเพียงใด ย่อมมีทั้งคนรักและคนที่ไม่ชอบ !

สำหรับ เฮเลน เคลเลอร์ ที่หนึ่งตลอดกาลของ เฮเลน เคลเลอร์ นั้น ชัดเจน คือ แอนน์ ซิลลิแวน

สำหรับ คาร์ล เซแกน ถึงแม้จะมีคนที่รักเขาอย่างไม่เสื่อมคลายสองคน คือ คุณพ่อและคุณแม่

แต่สำหรับคุณพ่อ ก็มักจะสงวนท่าทีบ้าง คงเพื่อมิให้ลูกชายที่กำลังดัง “เหลิง”

ส่วนคุณแม่ เป็นคนที่สม่ำเสมอ รักและห่วงใยลูกอย่างไม่เคยเสื่อมคลาย และเมื่อลูกประสบความสำเร็จ ลูก คือ คาร์ล เซแกน ก็รู้ว่ามี “แม่” ที่ดีใจและภูมิใจกับเขาอย่างจริงจังที่สุด

ดังนั้น ถ้าจะถามหา “ที่หนึ่งในดวงใจ” ตลอดกาลสำหรับ คาร์ล เซแกน คนนั้นก็คือ “แม่” ของ คาร์ล เซแกน

ผู้เขียนชอบดู “หนัง”

หลังจากที่ได้รำลึกถึง เฮเลน เคลเลอร์ และ คาร์ล เซแกน แล้ว ก็มีหนังสองเรื่องที่ตั้งใจจะ “ดูซ้ำ” จำไม่ได้ว่า เป็นครั้งที่เท่าไร

หนึ่ง คือ The Miracle Worker  ที่มี แพตตี คุด เล่นเป็น เฮเลน เคลเลอร์

สอง คือ Contact

แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ นึกอยากดู “หนัง” เรื่องไหนเป็นพิเศษขึ้นมาไหมครับ?