ต้องบอกว่า ตอนนี้ตลาดมือถือ “สมาร์ทโฟน” แบบจอพับ ยังมีผู้เล่นในตลาดไม่มากนัก บางค่ายเปิดตัวก่อน ขณะที่บางค่ายซุ่มเงียบกำลังพัฒนา ในขณะที่บางค่ายทำก่อน แต่เปิดตัวทีหลัง อย่างเช่น มือถือสัญชาติจีน นามว่า “ออปโป้” กับโทรศัพท์มือถือตัวล่าสุด อย่าง OPPO Find N2 flip มือถือจอพับ ที่กำลังขายดี และยอดจองเต็มไปแล้ว 

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียน มีโอกาสได้เดินทาง ไปดูโรงงานสายการผลิต ของ ออปโป้ ถึงเมือง “เซินเจิ้น” ดินแดนมังกร ซึ่งต้องบอกว่า “คุ้มค่า“ เป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วงที่ไป เป็นช่วงที่ประเทศไทยอากาศร้อนสุดๆ และที่ดีงามไปกว่านั้น คือ ทำให้เราเข้าใจสายการผลิตสมาร์ทโฟน ที่น้อยนักที่จะเปิดให้สื่อเข้าเยี่ยมชม เพราะถือเป็นเรื่อง “ความลับ” ทางการค้า และสิ่งที่เราไปเจอจริงๆ คือ การผลิตที่มากมายหลายร้อยขั้นตอน และการทดสอบรอบด้าน ตั้งแต่ความถึก ทน ที่ต้องเจอในทุกสภาพอากาศ ร้อน ฝน หนาว เปียกชื้น รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งภาพถ่าย การใช้งานจริง 

เมืองเซินเจิ้น ในปัจจุบัน ถือว่า “พลิก” จากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเมื่อก่อน... เพราะภาพลักษณ์ของเมือง จากคำดูแคลนว่าเป็นดินแดนของ “ก๊อบปี้” แต่ตอนนี้เมืองนี้คือ “ซิลิคอนวัลเลย์” แห่งเมืองจีน

...

สภาพเมืองถือว่ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เต็มไปด้วยตึกสูง ถนนเรียบ ฟุตปาท ไม่มีหลุมบ่อ แต่ผู้คนก็ไม่หนาแน่นนัก เรียกว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเติบโต ก่อสร้าง เมื่อหันไปทางไหน ก็จะเห็นผู้คนอยู่ 3 ประเภท คือ พนักงานออฟฟิศ คนงานก่อสร้าง และผู้คนสัญจรไปมาด้วยรถยนต์ และ จักรยานยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ค่าใช้จ่าย สินค้าที่ขายกันนั้น ถือว่ามีราคา “ค่อนข้างแพง” เมื่อเทียบกับเงินไทย (1 หยวน เท่ากับ 5 บาท) แต่ของที่ขายราคาไม่หยวนๆ เลย (ฮา)

กลับมาๆ เรื่องสมาร์ทโฟน ออปโป้กันดีกว่า....การเดินทางครั้งนี้ สิ่งที่เข้าไปเยี่ยมชมที่แรก ก็คือ “ประวัติศาสตร์” ของออปโป้ และเทคโนโลยีและนวัตกรรม 

จุดเริ่มต้นของ ออปโป้ เริ่มสตาร์ตในปี 2004 เรียกว่าเกือบ 20 ปีมาแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือ ไม่ใช่โทรศัพท์ แต่...เป็นเครื่องเล่นเพลง MP3 ส่วนโทรศัพท์เครื่องแรกๆ เขาเริ่มต้นทำในปี 2008 ซึ่งก็หน้าตาบ้านๆ เหมือนกับที่เราเคยใช้ เนื่องจากตอนนั้น “สมาร์ทโฟน” ยังไม่มีการแพร่หลาย จากนั้นก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง กระทั่งในปี 2013 ออปโป้ได้คลอด “Color OS” ซึ่งถือเป็น ระบบปฏิบัติการของตัวเองที่ทำกับ แอนดรอยด์ ซึ่งจุดเด่นของเขา คือ ลูกเล่นต่างๆ ที่ไม่เหมือนโทรศัพท์อื่นๆ

จากจุดเริ่มต้นที่ทำ MP3 ในวันนั้น สู่ บริษัทสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่ของ Top 3 ในเอเชีย และประเทศจีน และ Top 4 ของโลก! 

ส่วนไฮไลต์ของการเดินทางครั้งนี้ คือ การโชว์นวัตกรรม โทรศัพท์ พับได้! ซึ่งแน่นอนว่า คนที่ใช้โทรศัพท์ “สมาร์ทโฟน” กลัว...และไม่กล้า ที่จะถอยโทรศัพท์ “จอพับ” มีสาเหตุมาจาก...

1.รอยพับ
2.สายพาน (มือถือพับสมัยก่อน มักเจอปัญหานี้)
3.ความคงทน
4.หน้าจอใหญ่-เล็ก

เรื่องนี้ทาง ผู้ออกแบบ ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว และ คุณ Li Zigui  Senior Product Manager ของ OPPO บอกว่า เราได้แก้ปัญหานี้ได้แล้ว 

การทดสอบจอพับของ ออปโป้ รุ่น find N2 flip มีเปิดปิดจอด้วยการพับ กว่า 400,000 ครั้ง ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่มีการทดสอบประมาณ 3 แสนครั้ง โดยการทดสอบเป็นการทดสอบไปเรื่อยๆ จนกว่าแบตจะหมด จากนั้นก็นำออกมาชาร์จ เมื่อชาร์จเต็มก็นำกล้บไปทดสอบใหม่ซ้ำๆ จนกว่าจะครบ 

...

ทั้งนี้ จากพับเปิดและปิดมากถึง 216,000 ครั้ง ความลึกของรอยพับของ Find N2 Flip วัดได้เพียง 0.15 มม. ซึ่งแทบไม่สังเกตเห็นได้ในสภาวะส่วนใหญ่

สำหรับ เทคโนโลยีจอพับ นั้น ทางออปโป้ เลือกใช้ระบบเหล็กยืดหยุ่น SUS (สเตนเลสสตีล) โดยเหตุผลการเลือกใช้เหล็กนั้นมีสองอย่าง โครงสร้างหน้าจอต้องแข็งแรงเมื่อใช้งาน แต่สามารถดัดโค้งได้รอบจุดโค้ง แม้ว่าเหล็กอาจฟังดูเป็นวัสดุที่ไม่อาจดัดแปลงได้ แต่เหล็กยืดหยุ่น SUS เฉพาะในบานพับของ OPPO Find N2 Flip นั้นมีความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ที่ให้ผลลัพธ์ที่ได้คือจอแสดงผลที่ราบเรียบเมื่อเปิด และจุดโค้งมนสม่ำเสมอที่รอยพับเมื่อปิด ซึ่งนอกจากความทนทานและยืดหยุ่น ความลึกของรอยพับตื้นในระดับชั้นนำ วิศวกรของ OPPO จึงได้นำเทคนิคการแกะสลักมาใช้กับโครงสร้างเลเยอร์ย่อยของหน้าจอ นั่นคือ Reticular Matrix Plate

นอกจากนี้ จะมีการทดสอบมาตรฐานกับโทรศัพท์ทุกรุ่น ด้วยการ drop test จากความสูง 3 ระดับ คือ 0.5 เมตร 1 เมตร และ 1.5 เมตร โดยทดสอบ 6 ครั้ง จาก 8 มุมการตก

ทดสอบการชาร์จ ความคงทนของสายชาร์จ ปุ่ม-เปิด กว่า 2 แสนครั้ง เพิ่ม-ลดเสียง 1 แสนครั้ง และการสแกนลายนิ้วมือกว่า 5 แสนครั้ง 

...

ส่วนสภาพอากาศ ทดสอบเจอสภาพฝน 21 วัน สภาพอากาศ ติด -15, 25 และ 55 องศาเซลเซียส 

นี่คือหัวใจหลักๆ ในการทดสอบ 

ในขณะที่ระบบปฏิบัติการ ColorOS13  เป็นระบบปฏิบัติการ Android ที่ปรับแต่งได้ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานระบบนี้กว่า 500 ล้านเครื่อง 

ทั้งนี้ Zeng Xi Director of ColorOS Design บอกว่า แนวคิดของระบบปฏิบัติการครั้งนี้ มาจากการที่ต้องการให้ผู้คนสัมผัสถึงธรรมชาติ ผ่านความรู้สึกเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องไปยังผิวน้ำทะเล โดยมีการออกแบบเป็น Aquamorphic Design ทำให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลาย 

...

ขณะที่การใช้งานจริงๆ ของผู้เขียนนั้น ต้องบอกว่า จุดเด่นหลักๆ คือ การถ่ายรูป เพราะเราสามารถถ่ายรูป หรือ คลิปวิดีโอได้หลายมุมมอง จากการใช้จอพับ มันทำให้สะดวกมากขึ้น จะถ่ายเซลฟี่ ด้วยตัวเอง หรือ แม้แต่ วางไว้แล้ว หามุมถ่ายรูป ด้วยการยกมือชูห้านิ้วก็ตาม... ซึ่งการพับได้ หมายความว่า เราสามารถใช้ “กล้องหลัง” อย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่สำคัญ แม้จะหันหลังกล้อง เราก็สามารถใช้ฟีเจอร์ ดูภาพระหว่างถ่ายได้ด้วย 

แต่สำหรับ จุดที่ยังรู้สึกว่า น่าจะมีการพัฒนาต่อ จะเป็นเรื่อง สปีดชัตเตอร์ ของกล้อง จากการทดสอบของผู้เขียน พบว่า ยังกดรัวๆ ทำได้ไม่ดีนัก ยกเว้นว่าจะกดค้างไปเลย ในขณะที่คุณภาพของภาพนั้น ไม่ต้องห่วง เพราะให้มาถึง 50 MP Wide-Angle Camera ส่วนกล้องหน้ามี 32MP

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ จะใช้แบตเตอรี่ 2 ก้อน ขนาดใหญ่รวมกัน 4,300 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว เท่าที่ใช้งานจริง ก็อยู่ได้ทั้งวัน 

ขณะที่ หน้าจอด้านหลัง ดูมีขนาดใหญ่ สามารถถ่ายรูป เล่นแอปต่างๆ ได้ ทั้ง youtube, spotify หรือแม้แต่ TikTok โดยเฉพาะ TikTok ดูจะเหมาะ เพราะเป็นหน้าจอแบบตั้ง จึงเหมาะกับแพลตฟอร์มดังกล่าวมากที่สุด 

แผนในอนาคต ทางผู้บริหารออปโป้ ได้เปิดเผยว่า ได้เตรียมเงิน 2.4 พันล้านหยวน ในการเพิ่มสายการผลิตออกไปอีก และตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2050 บริษัทออปโป้ จะสามารถเป็นบริษัทผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาระบบพัฒนาพลังงานสะอาด หมุนเวียน ซึ่งปัจจุบัน 1 สายการผลิต จะผลิตสมาร์ทโฟน ได้ 3,000 เครื่อง ซึ่งโทรศัพท์ 1 เครื่องใช้เวลาผลิตประมาณ 8 ชั่วโมง มีขั้นตอนกว่า 120 ขั้นตอน แต่สำหรับ OPPO find N2 flip เป็นโทรศัพท์ที่ผลิตยากกว่านั้น คือ มีการเพิ่มกระบวนการผลิตอีก 1 เท่าตัว คือ 240 ขั้นตอน ซึ่งโทรศัพท์แต่ละรุ่นที่ออกมา ใช้เวลาวิจัยและพัฒนานานกว่า 1-2 ปี และเกือบทุกขั้นตอนยังใช้แรงงานคนร่วมกับเครื่องจักร  

สำหรับผู้เขียน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ในการเปิดหู เปิดตา เปิดใจยอมรับเทคโนโลยี "โทรศัพท์จอพับ" มากขึ้น