เพราะชาติตะวันตก ร่วมมือหักหลังรัสเซีย ในการเข้าไปข้องเกี่ยวกับสงครามยูเครน ทำให้วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมาขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ และประกาศต่อประชาชนผ่านทางทีวี จะระดมกำลังพลสำรอง 300,000 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการรบในยูเครน เพื่อปกป้องมาตุภูมิ อำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และประชาชนชาวรัสเซีย

ไม่เท่านั้นตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.นี้ ได้จัดให้มีการลงประชามติฉุกเฉินใน 4 ดินแดนทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครน ทั้ง ลูฮันสก์, โดแนตสก์, เคอร์ซอน และซาปอริห์เชีย ซึ่งพื้นที่บางส่วนรัสเซียควบคุมอยู่ เพื่อถามประชาชนให้ชัดเจนว่าต้องการอยู่กับรัสเซีย หรือจะอยู่กับยูเครน โดยปูติน หวังจะได้การสนับสนุนจากประชาชนที่ไม่ต้องการอยู่ในพื้นที่ของพวกนาซีใหม่

หรือสงครามในยูเครน กำลังจะรุนแรงมากขึ้นเข้าสู่สัญญาณอันตราย บอกให้ทั่วโลกเตรียมรับมือสงครามโลกครั้งที่ 3 ในไม่ช้า กับการปรับแผนของรัสเซีย ภายหลังยูเครนใช้เวลาอันรวดเร็วในการยึดคืนพื้นที่รอบคาร์คิฟกลับมาได้กว่า 1,000 ตารางไมล์ อาจสร้างความกังวลให้กับรัสเซีย จำเป็นต้องทำทุกวิถีทางระดมอาวุธมากมายตอบโต้ และอาจถึงขั้นใช้อาวุธนิวเคลียร์ทำลายล้าง ก็เป็นไปได้

...

จากการวิเคราะห์ของ ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู” ผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มองว่า คำประกาศของปูติน จะทำให้สงครามยืดเยื้อจากเดิมที่เคยคาดการณ์กันอยู่แล้ว ซึ่งการจะระดมกำลังพลสำรองแสดงให้เห็นว่าปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียล้มเหลว จนยูเครนสามารถยึดดินแดนคืนได้บางส่วน และเจ้าหน้าที่ยูเครนในดินแดนที่รัสเซียยึดครองและออกมาสนับสนุนรัสเซีย ได้ถูกสังหารไปแล้ว 4-5 คน หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ ย่ิงทำให้เป้าหมายของปูติน ห่างเป้าหมายไปอย่างมาก

“หากยูเครนตอบโต้รัสเซียได้เฉียบขาด จะทำให้พวกสนับสนุนปูติน อยู่ไม่ได้ จึงจัดประชามติผนวกดินแดนกับรัสเซีย เพราะหากถูกโจมตีอย่างไรแล้วก็เป็นของรัสเซีย แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่มีผลอะไร เพราะการลงประชามติผิดกฎหมายของยูเครนอยู่แล้ว ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลกลางและนานาชาติ หรือแม้แต่จีน แม้ไม่ออกมาพูดตรงๆ แต่ก็ไม่ยอมรับ รวมถึงผู้นำตุรกี ก็ไม่เห็นด้วย และสิ่งที่ปูตินทำ ไม่ได้ทำให้สงครามยุติได้ ยิ่งทำให้ขยายเป็นวงกว้าง ทำให้นานาชาติไม่ยอมรับได้กับการกระทำของปูติน”

อีกทั้งที่ผ่านมาในรัสเซียมีการประท้วงต่อต้านการกระทำของปูติน จนมีผู้ถูกจับกุมกว่า 1 พันคน หรืออาจมากกว่านั้น และมีคนรัสเซียพยายามหนีออกนอกประเทศ ทำให้ปูติน คิดหนัก ออกมาขู่ชาติตะวันตกหากมีการโจมตีรัสเซีย อาจจำเป็นต้องใช้อาวุธมหาประลัยตอบโต้ ทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตาดูว่ารัสเซียจะประสบความสำเร็จอย่างไรในการระดมทหารกองหนุนเข้ามาเพิ่มเติมในยูเครน หรือหากส่งเข้ามาแล้วจะสำเร็จหรือไม่ เพราะ 7 เดือนแรกในการสู้รบกับยูเครน ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการยึดยูเครนได้เลย

“การสู้รบจะก้าวหน้าต่อไปหรือไม่ ก็ยังเป็นคำถาม ภายหลังยูเครนสามารถยึดพื้นที่คืนได้ 1 พันตารางไมล์ และชาติตะวันตกยังคงสนับสนุนยูเครนในด้านต่างๆ แสดงให้เห็นว่าปูติน กำลังหลังพิงฝาแล้ว เพราะเสียหน้ามากๆ มีปัญหากับคนในประเทศที่ออกมาต่อต้านสงคราม โดนกดดันหลายด้าน จนมีการเคลื่อนไหวลงชื่อให้ทำอิมพีชเมนต์ ถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี อ้างว่าทำให้ประเทศเสียหาย โดยไม่เอ่ยเรื่องสงครามตรงๆ”

นอกจากนี้ปูติน ยังโดนแรงกดดันจากนานาชาติ อีกทั้งจีนไม่กล้าออกมาสนับสนุนอย่างเปิดเผย และอินเดีย ก็ออกมาตำหนิในทำนองว่าไม่ใช่ยุคสงคราม แต่เกิดวิกฤติเรื่องอาหารและพลังงาน จะยิ่งทำให้ปูตินถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น จากการถลำลึกมากขึ้น ทำให้หลายประเทศที่เคยสนับสนุนไม่อยากสนับสนุนอีกต่อไป และยังถูกหลายประเทศในระบอบประชาธิปไตยประณามในเวทีระหว่างประเทศ

...

สงครามจะขยายวงกว้างหรือไม่ขึ้นอยู่กับปูติน เพราะผลประชามติใน 4 ดินแดนทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครน ก็ทราบดีกันอยู่แล้วว่าต้องการให้แยกตัวออกมา และอย่างไรแล้วยูเครนก็ไม่หยุดยั้งในการสู้รบกับรัสเซียที่จะส่งกำลังเสริมเข้าไปอีก ทั้งๆ ที่ประวัติศาสตร์ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หากการสู้รบเดือนแรกไม่สำเร็จ จนเมื่อเวลาผ่านไปนานก็จะยิ่งไม่ประสบความสำเร็จ และท้ายสุดต้องถอยออกมา

การกระทำของปูติน ไม่ฉลาดเหมือนจีน เคยบุกทำสงครามสั่งสอนเวียดนามในปี 2522 เพื่อตอบโต้การบุกยึดครองกัมพูชาของเวียดนาม จนยุติการปกครองของเขมรแดงที่จีนเคยหนุนหลัง แต่จีนรู้ดีว่าไม่สำเร็จ จึงเป็นสงครามที่เกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพราะหากสงครามยืดเยื้อจะมีแต่หายนะ หากรัสเซียถอนตัวไปตั้งแต่แรกก็จะดีกว่า โดยหาข้ออ้างอื่น เพื่อไม่ให้เสียหายทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องทำสงคราม

แต่ด้วยเพราะปูติน ใฝ่ฝันจะฟื้นความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตให้กลับคืนมา จนขณะนี้ได้ทำให้ผู้นำกองทัพรัสเซียอยู่ในอาการเสียขวัญ อาจไม่เห็นด้วยกับปูติน ในการรุกรานย่ำยียูเครน เช่นเดียวกันผู้ต่อต้านในรัสเซีย ซึ่งเชื่อว่าปูติน พยายามควบคุมไม่ให้เคลื่อนไหว ท่ามกลางการปิดกั้นข่าวสารไม่ให้ออกมาในโลกภายนอก.

...