สถานการณ์ในเมียนมา ยังคงลุกเป็นไฟ แม้ "เผด็จการทหารเมียนมา" ประกาศหยุดยิงเป็นเวลา 1 เดือน เฉพาะกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์เท่านั้น และมีรายงานจากสำนักข่าวอิระวดีระบุว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพิ่งสังหารประชาชนไปอีกอย่างน้อย 6 ศพ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 555 ศพ นับตั้งแต่การรัฐประหาร
ความโหดร้ายของเผด็จการทหารเมียนมา ต่อผู้บริสุทธ์ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ทำให้ทั่วโลกออกมาเรียกร้องไทย และอาเซียน รวมถึงองค์การสหประชาชาติ ออกมาแสดงบทบาทในการแก้วิกฤติที่เกิดขึ้น ก่อนจะเกิดความหายนะทางมนุษยธรรมรุนแรง และเริ่มมีคลื่นผู้อพยพลี้ภัย หนีตายจากเมียนมา ข้ามฝั่งเข้าสู่พรมแดนไทยไม่หยุด
“อนุสรณ์ ธรรมใจ” ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ กล่าวว่า สถานการณ์ในเมียนมาได้เข้าสู่ภาวะรัฐล้มเหลวแล้ว และเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอย่างแน่นอน โดยประเทศไทยควรเตรียมรับมือคลื่นผู้อพยพจำนวนมากตามแนวชายแดน ฝ่ายความมั่นคงไม่ควรผลักดันผู้อพยพหนีภัยสงครามและถูกคุกคามต่อชีวิต กลับไปยังภูมิลำเนาที่มีความเสี่ยงภัยต่อชีวิตและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ประเทศเสียหายในเวทีประชาคมระหว่างประเทศ และยังแสดงถึงความไม่มีมนุษยธรรม
...
“กองทัพไทย และผู้นำรัฐบาลไทยที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้นำคณะรัฐประหารในเมียนมา ควรใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันดีนั้นในทางสร้างสรรค์ เพื่อสร้างสันติภาพผ่านการเจรจาหารือฟื้นฟูประชาธิปไตย หยุดยั้งความรุนแรงนองเลือด การเข่นฆ่าประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง การมีบทบาทเชิงรุกและการบริหารความสัมพันธ์ในทางที่ถูกต้อง ย่อมส่งผลดีต่อประเทศไทย ต่อภูมิภาคอาเซียน เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและการค้าตามแนวชายแดน รวมทั้งสามารถหยุดยั้งการพังทลายของเศรษฐกิจเมียนมาที่จะส่งกระทบต่อกลุ่มทุนไทยจำนวนไม่น้อย”
ด้านมูลค่าการค้าระหว่างไทยและเมียนมา ประมาณ 6.6-7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีมูลค่าโครงการลงทุนต่างๆ เป็นอันดับสาม รองจากสิงคโปร์ และจีน ผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา ได้แก่ ซีพี กรุ๊ป เครือปูนซิเมนต์ไทยหรือเอสซีจี กลุ่ม ปตท. กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ กลุ่มค้าปลีกและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกลุ่มโอสถสภา มีสัดส่วนรายได้จากตลาดเมียนมา ประมาณ 10% กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลบำรุงราษฎร มีสัดส่วนรายได้ ประมาณ 8% และกลุ่มธุรกิจก่อสร้างและนิคมอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ จากภาวะอัตราเงินเฟ้อสูงรุนแรง พร้อมกับการขาดแคลนสินค้าจำเป็นบางประเภท อาจทำให้มีความต้องการสินค้าจากฝั่งไทยมากขึ้น แต่การค้าและการส่งมอบสินค้าจะกระทำด้วยความยากลำบาก หน่วยงานทางด้านความมั่นคง จึงต้องอำนวยความสะดวกเพื่อให้การค้าและการส่งมอบสินค้าจำเป็นสามารถดำเนินต่อไปได้ใกล้เคียงภาวะปกติ
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เศรษฐกิจเมียนมา จะหดตัวติดลบรุนแรงในปีนี้ ระบบและกลไกทางเศรษฐกิจไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ประสบการขาดแคลนเงินตรา เศรษฐกิจโดยภาพรวมอาจถอยหลังไปไม่ต่ำกว่า 20-30 ปีเป็นอย่างน้อย หากไม่รีบแก้ไขและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้น โดยการคืนอำนาจให้กับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะผู้ชนะการเลือกตั้ง จะมีการถอนการลงทุนออกจากเมียนมาครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มทุนตะวันตก สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ย่อมส่งผลกระทบต่อการค้าและสินค้าส่งออกของไทยไปเมียนมา
...
ส่วนโครงการลงทุนของกลุ่มทุนไทยที่ลงทุนในเมียนมา คงจะชะลอตัวหรือหยุดลง และบางส่วนอาจถอนการลงทุน หากไม่มีการเจรจาเพื่อยุติวิกฤตการณ์ทางการเมืองและความรุนแรงนองเลือด จะทำให้เมียนมาอยู่ในภาวะรัฐล้มเหลวและสงครามกลางเมืองไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี
ขณะนี้มีรายงานว่า ชาวบ้านในเมียนมา ได้ประดิษฐ์อาวุธขึ้นเองเพื่อสู้กับเผด็จการเมียนมา สถานการณ์นี้จะลุกลามสู่สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ หากมหาอำนาจนอกภูมิภาคเข้าแทรกแซง ดังนั้นบทบาทองค์กรในภูมิภาคและกองทัพไทย จึงมีความสำคัญต่อเสถียรภาพในภูมิภาคและการแก้ปัญหาความรุนแรงนองเลือดในเมียนมา
จากวิกฤติที่เกิดขึ้นในเมียนมา ผู้มีอำนาจรัฐ รวมทั้งอาเซียน และองค์กรสหประชาชาติ ควรร่วมมือกันในการสร้างเครือข่ายในภูมิภาค ทั้งในระดับองค์กรของรัฐ ระดับองค์กรธุรกิจ ระดับองค์กรพัฒนาเอกชนและภาคประชาสังคม และระดับประชาชน เพื่อก่อให้เกิดการส่งเสริม พัฒนา และปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เสรีภาพ ประชาธิปไตย ความยุติธรรมและความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดสันติภาพถาวรในภูมิภาคด้วยพลังของเครือข่ายภาคประชาสังคมในภูมิภาค.
...