เทียบท่าทีสหรัฐ-จีน ชิงได้เปรียบภูมิรัฐศาสตร์ หลังไทย-กัมพูชา ครบกำหนดหยุดยิง 72 ชม. ชี้จีนผสานหยุดยิง มีเพาเวอร์มากกว่าทรัมป์ “ฮุน เซน” ค้านยึดพื้นที่ใช้กำลัง โอกาสปะทะรอบ 3 ยังมีโอกาสสูง
เมื่อวาน (29 ธ.ค.68) ที่ประชุมไตรภาคีที่จีน แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บรรลุข้อตกลง โดยไทยต้องการให้การหยุดยิงมีความยั่งยืน และดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ถ้าหยุดยิง 72 ชั่วโมง ไม่มีปัญหาอะไร ก็จะเริ่มกระบวนการมอบทหารกัมพูชา 18 คน ให้กับกัมพูชา จากนั้นก็ขอให้กัมพูชา พิจารณาเรื่องคนไทยติดค้างที่ปอยเปต ได้กลับบ้าน
แต่เฟซบุ๊กของ "สมเด็จฯ ฮุน เซน" มีการเผยแพร่ แถลงการณ์สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการกิจการชายแดน มีเนื้อหาระบุถึงเรื่องการขอนัดประชุม ร่วมกับคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ของฝ่ายไทยแบบเร่งด่วน เพื่อจะได้เร่งสำรวจ และปักปันเขตแดนให้ชัดเจนในเดือนมกราคม ปี 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ในเอกสารมีถ้อยคำที่ย้ำชัด ว่า "กัมพูชา" จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้กำลัง ไม่ว่าจะเป็นที่ บ้านจกเจย เปรยจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจย, จังหวัดพระตะบอง พื้นที่ทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ รวมถึงจุดผ่านแดนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังอ้างว่า คณะกรรมการยังยึดมั่นในจุดยืนเดิมที่จะปกป้องเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ พร้อมเคารพกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเต็มที่
...
ขณะที่ล่าสุดรายงานจากฝั่งไทยระบุว่า หลังมีการหยุดยิง แต่ในยามค่ำคืนหลายพื้นที่ริมชายแดน กลับพบโดรนของกัมพูชา บินเพื่อสำรวจตามแนวชายแดนอยู่จำนวนมาก สิ่งนี้ทำให้เตรียมชะลอการส่งกลับทหารกัมพูชาทั้ง 18 นาย
ด้วยท่าทีดังกล่าวของจีน ทำให้หลายประเทศจับตามอง เพราะจีนถือเป็นมหาอำนาจที่มีผลต่อกัมพูชา และอาวุธที่กองทัพกัมพูชาใช้ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากจีน ซึ่งสายข่าวจากกองทัพวิเคราะห์ว่า ไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มจะปะทะกันอีกเป็นระลอกที่ 3
จีน ตัวกลางมหาอำนาจเจรจาไทย-กัมพูชา
ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชา มีการเจรจาหยุดยิง ผ่านตัวกลางอย่างผู้นำสหรัฐ ที่มีการลงนามที่ประเทศมาเลเซีย แต่หลังจากนั้น ทั้งสองประเทศก็ปะทะกันอย่างหนักอีกครั้ง จนล่าสุดจีน ได้เข้ามาเป็นตัวกลาง จึงมีนัยยะสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยแหล่งข่าวระดับสูง ทางทหาร ให้ข้อมูลว่า ถ้าประเมินจากพฤติกรรมของกัมพูชา หลังจากที่เจรจาหยุดยิงก็ยังมีการบินโดรนเพื่อก่อกวน คาดว่าน่าจะมีการปะทะกันอีกรอบ เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็ว เพราะผู้นำกัมพูชา ก็พูดชัดเจนว่าไม่ยอมแพ้
นัยยะการที่จีนเข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิงรอบนี้ก็เป็นการสร้างแต้มต่อ เพราะพื้นที่ความขัดแย้งของไทยกับกัมพูชา ก็เป็นหนึ่งในสมรภูมิของการชิงความได้เปรียบของมหาอำนาจสหรัฐกับจีน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ชาวโลกเห็นถึงอำนาจที่อยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งสหรัฐหลังมีการลงนามในรอบแรก แต่มีการปะทะกันอีกประธานาธิบดีทรัมป์ ก็โพสต์ผ่านโซเชียลส่วนตัว แต่น่าสนใจถึงการเข้ามาของจีน ที่เชิญทั้งไทยและกัมพูชา ไปคุยที่จีน ซึ่งในเนื้อหาเจรจาเบื้องลึกยังไม่มีใครทราบ แต่ในบทสรุปสุดท้ายจีนก็อยากให้กัมพูชาอยู่กับตัวเอง ซึ่งแยกคนละประเด็นกับการจะรบกับไทยต่อหรือไม่
การที่จีนเป็นตัวกลางเจรจา ถือว่าได้ภาพของชาติมหาอำนาจ ที่ใช้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่มีบทบาทสำคัญกว่าอนุภูมิภาคที่มีสหรัฐเข้ามาช่วย จึงเป็นความร่วมมือของชาติมหาอำนาจที่เข้ามาคานกันในภูมิรัฐศาสตร์
เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาหยุดยิงของไทยกับกัมพูชา แหล่งข่าวมองว่า เพาเวอร์ของสองมหาอำนาจมีความใกล้เคียงกัน เพราะฮุนมาเนต ก็สนิทกับอเมริกา เห็นจากช่วงที่มีการปะทะ เขาเลือกที่จะโทรหาอเมริกาก่อนจีน
...
กัมพูชา มีฐานทัพเรือเรียม ที่เป็นสิ่งที่ทำให้มหาอำนาจอย่างอเมริกาและจีน อยากจะมีอิทธิพลเหนือพื้นที่นี้ แต่การเข้ามาของจีน ในการเป็นตัวกลางเจรจา ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตา เพราะอาวุธที่กัมพูชาใช้ ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากจีน ดังนั้นจึงต้องสร้างสภาวะในความไว้ใจ
“การที่กัมพูชา กล้ารบกับไทย ก็เห็นได้ชัดว่าเขาตุนอาวุธสงครามมานาน และดูจากสภาพที่มั่นดัดแปลงมีการทำมานาน และมีการวางกำลังรถถังมาตั้งแต่ปี 2554 แต่กัมพูชา ก็ไม่คิดว่าไทย จะโจมตีหนักขนาดนี้”
การที่ฮุนเซน ออกมาประกาศว่าไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้กำลัง ก็ถือเป็นสิทธิของเขา เพราะสิ่งที่ฮุนเซนต้องการตอนนี้คือ ให้ประชาชนกัมพูชายอมรับ และไม่สนใจว่าไทยจะยอมรับหรือไม่ ที่สำคัญกัมพูชารู้ว่าไทยจะไม่รุกออกนอกประเทศ อย่างน้อยก็เสียพื้นที่ที่เป็นกรณีพิพาทให้ไทย
สิ่งที่ไทยจะต้องทำหลังจากนี้นอกจากจะตั้งรับแล้ว ทหารก็เชื่อว่ากัมพูชายังไม่หยุด ตอนนี้เพียงหยุดพักชั่วคราว ซึ่งในการปะทะครั้งถัดไปถ้ามีอีก ทหารไทยต้องระดมกำลังให้หนักมากกว่าเดิม ส่วนทหารกัมพูชา ทั้ง 18 นายไทยไม่ควรจะกักตัวไว้ ควรปล่อยไป เพราะไม่ได้มีผลต่อการปะทะ แล้วถ้าเกิดทหารที่ควบคุมอยู่เสียชีวิตหรืออาจมีการทำร้ายตัวเอง ก็จะเป็นผลเสียต่อไทยได้
...