บทสรุปมือยิงหัวร้อน ฉุนขับรถปาดหน้า ยิงหนุ่มดับบนทางด่วน พบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย รวบตัวก่อนหนีอำพรางคดี
เหตุการณ์สะเทือนขวัญบนท้องถนนสายสำคัญของกรุงเทพฯ เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 ธ.ค. 68 เมื่อเวลาประมาณ 04.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในรถยนต์ บริเวณหลังด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษศรีรัช ด่านประชาชื่น ฝั่งขาเข้า สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ใช้เส้นทางในช่วงเวลาดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์จอดอยู่ในสภาพผิดปกติ ภายในรถพบร่างของ นายอนุวรรตน์ ญาตินิยม อายุ 34 ปี เสียชีวิตอยู่บริเวณที่นั่งคนขับ จากบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณลำคอ 1นัด ขณะเดียวกันในที่เกิดเหตุยังพบ น.ส.สาวิตรี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งนั่งโดยสารมาด้วยและอยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา อยู่ในอาการตกใจอย่างหนัก ร้องไห้ด้วยความเสียใจและหวาดผวา
...
แฟนสาวของผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุ ทั้งคู่ขับรถออกจากห้องพักในพื้นที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มุ่งหน้าไปยังบ้านย่านเพชรเกษม โดยไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเหตุร้ายใด ๆ กระทั่งมาถึงด่านเก็บค่าผ่านทางประชาชื่น ได้มีรถตู้ โตโยต้า เวลไฟร์ สีขาว ขับเข้ามาทางด้านซ้าย และพยายามเบี่ยงเลนอย่างกะทันหันเพื่อเข้าช่องชำระเงิน
ในจังหวะนั้น เธอได้บอกให้แฟนหนุ่มชะลอรถและเปิดทางให้รถตู้คันดังกล่าวไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แต่เมื่อขับรถพ้นด่านมาแล้ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น รถตู้เวลไฟร์คันเดิมขับมาประกบด้านขวา ก่อนจะลดกระจกลง และมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จากนั้นรถตู้ได้เร่งเครื่องหลบหนี มุ่งหน้าไปทางย่านหมอชิต ทิ้งไว้เพียงความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืน
ภารกิจตามล่าหา “กาน เวลไฟร์”
หลังเกิดเหตุเพียง 1 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับ นายสงกรานต์ พานภู่ หรือที่รู้จักในชื่อ “กาน แทททู” หรือ “กาน เวลไฟร์” นักธุรกิจหนุ่มที่มีภาพลักษณ์โดดเด่นในสังคมออนไลน์ พร้อมฉายา “วัยรุ่นพันล้าน” ในหลายข้อหาร้ายแรง อาทิ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,พยายามฆ่าผู้อื่น, ครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการใช้อาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่เช็กวงจรปิด พบว่าคู่กรณีทั้งสองคนมีการขับรถปาดหน้า ก่อนถูกยิงเสียชีวิต โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณด่านเก็บเงิน พบว่า รถที่ก่อเหตุคือ รถตู้โตโยต้า เวลไฟร์ สีขาว รถคันที่ก่อเหตุ ได้ขับปาดหน้ากันมากับรถผู้เสียชีวิต ประมาณ 500 เมตรก่อนถึงด่านเก็บเงิน เมื่อถึงด่านต่างคนต่างขับรถเข้าคนละช่อง เมื่อจ่ายเงินแล้ว ผู้ก่อเหตุขับรถออกมา ก่อนชะลอรถรอ เมื่อรถผู้เสียชีวิตจ่ายเงินเสร็จ ขับออกมา
...
จึงถูกขับประกบ จากนั้นคนขับรถตู้เวลไฟร์ ใช้ปืน 9 มม.ยิง 3 นัด เข้าที่ลำคอ 1 นัด แขน 2 นัด แล้วหลบหนี จังหวะนั้นรถผู้ตายเสียหลัก แฟนสาวที่นั่งมาด้วย จึงพยายามบังคับรถก่อนไปชนข้างทางไปทางถนนพุทธมณฑลสาย 7 มุ่งหน้าลงใต้ ส่วนรถผู้ก่อเหตุ พบว่ามีการถอดป้ายทะเบียน แล้วนำไปจอดทิ้งไว้ที่โรงแรมในนครปฐม และเรียกแท็กซี่ให้มารับไปส่งที่ปทุมธานี ต่อมาตำรวจได้นำรถคันดังกล่าวมาไว้ที่ สน.ประชาชื่น เพื่อให้ตํารวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบรถ พบมีการติดป้ายทะเบียนปลอม เพื่ออำพราง หลบหนีการจับกุม ภายในรถยังพบปืนปลอมอีกหนึ่งกระบอก ส่วนผู้ก่อเหตุกับผู้เสียชีวิต
ในช่วงเย็นของวันที่ 24 ธ.ค. 68 พล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร.ปฏิบัติราชการ บช.น.พ พล.ต.ต. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อธิบดี เสริมสุข ผกก.สส.บก.น.2 สนธิกำลังร่วมกับหน่วย นปพ. ภ.จว.ตราด และ สภ.เกาะช้าง เข้าควบคุมตัวนายสงกรานต์ พานภู่ ได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งบนเกาะช้าง จังหวัดตราด ซึ่งกำลังข้ามท่าเรือหนีไป ชายแดน โดยผู้ต้องหาเปิดห้องพักไว้จำนวน 2 ห้อง แยกพักกับผู้พาหลบหนี ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมตัวได้โดยไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด
...
สารภาพก่อเหตุจริง เหตุฉุนเรื่องขับรถปาดหน้า
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.เปิดเผยภายหลังควบคุมตัว นายสงกรานต์ พานภู่ ว่า จากการสอบปากคำ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพอ้างว่า มูลเหตุมาจากการขับรถปาดหน้ากัน โดยก่อนเกิดเหตุ ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนในสถานบันเทิงย่านบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี หลังดื่มเสร็จทยอยขับรถส่งเพื่อน จากนั้นตัวเองเดินทางกลับจังหวัดชลบุรี ก่อนจะมาถึงจุดเกิดเหตุ ช่วงทางเข้าช่องชำระเงินค่าทางด่วน ได้ขับรถปาดหน้ากับรถผู้เสียชีวิต
...
หลังจ่ายเงิน รถผู้เสียชีวิตได้ลดกระจกจอดรถข้างทาง ผู้ต้องหาได้ขับไปจอดเทียบ จากนั้นเกิดการโต้เถียงกัน ก่อนจะใช้ปืนยิงจำนวน 3 นัด ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่มีเจตนาถึงชีวิต ต้องการยิงข่มขู่ แต่จากพฤติการณ์ และพยานหลักฐาน ตำรวจเชื่อว่า ผู้ต้องประสงค์ต่อชีวิต ด้วยระยะการจอดเทียบ การยิง เป็นเจตนาที่เล็งเห็นผล
จากการตรวจร่างกายผู้ต้องหา นอกจากพบแอลกอฮอล์ในร่างกาย ยังพบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย ชุดสืบสวนรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียว ไม่มีบุคคลอื่นอยู่ภายในรถ โดยลักษณะการก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้เอี้ยวตัวยิงปืนด้วยมือขวา มือซ้ายจับพวงมาลัย
หลังก่อเหตุได้ขับรถหลบหนี บนทางด่วนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ระหว่างทางได้จอดรถเพื่อสับเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนรถ ผู้ต้องหาอ้างว่าต้องการอำพรางไม่ให้ไฟแนนซ์ติดตามทวงหนี้ แต่จากการตรวจสอบ ตำรวจพบว่า ผู้ต้องหามักจะสับเปลี่ยนป้ายทะเบียนบ่อยครั้ง ผู้ต้องหามีหมายจับคดีพยายามฆ่าในปี 67 มาก่อนอยู่แล้วเช่นกันซึ่งจะต้องทำการสืบสวน ว่าเกี่ยวกับการกระทำผิดลักษณะอื่นอีกหรือไม่
ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ พบว่าชื่อผู้ครอบครองปืนได้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 4 ปี พบว่าเป็นบุคคลทั่วไป จากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหามีความชำนาญในการใช้ปืน เพราะก่อนหน้าพบว่าเคยไปซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืนในจังหวัดชลบุรีมาก่อน
หลังเกิดเหตุผู้ต้องหา ได้พยายามหลบหนีไปเกาะช้าง จังหวัดตราด โดยได้นัดกับภรรยาและลูกอยู่ที่นั่น และเตรียมเดินทางข้ามไปหลบหนีต่อ ส่วนปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้เก็บซ่อนไว้ที่ตัว ส่วนปืนและกล่องเก็บกระสุนได้พยายามนำไปทิ้งอำพรางตามจุดต่างๆ แต่ตำรวจสามารถสืบสวนติดตามมาได้