สรุปนโยบาย “ภูมิใจไทย” อนุทิน ชูสโลแกนพูดแล้วทำพลัส เปลี่ยนทหารเกณฑ์ เป็นทหารอาสา 1 แสนนาย เงินเดือน 12,000 บาท พร้อมเดินหน้าคนละครึ่งพลัส พร้อมเปิดนโยบายเศรษฐกิจ 10 ด้าน
วันที่ 24 ธ.ค.2568 พรรคภูมิใจไทย แถลงเปิดตัวนโยบาย ในการเลือกตั้ง 2569 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เผยในวันนี้พรรคภูมิใจไทยมีความมั่นใจ และพร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งเพื่อรับใช้ประเทศไทยและพี่น้องประชาชน การยกระดับนโยบาย ยุทธศาสตร์ บุคลากร จนเป็นที่มาสโลแกน “พูดแล้วทำพลัส” โดยมีการเปิดตัวนโยบายหลักดังนี้
ด้านเศรษฐกิจ
นโยบาย “เศรษฐกิจ 10 พลัส”
ตั้งเป้าหมายผลักดัน GDP เติบโตมากกว่า 3% ภายใน 4 ปีข้างหน้า โดยมีมาตรการ 10 ด้านแบ่งเป็น
...
1. คนตัวเล็กตัวน้อยพลัส แก้เศรษฐกิจปากท้อง ปฏิรูปบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รื้อระบบลงทะเบียนใหม่ให้ทั่วถึง เชื่อมโยงกับ “คนละครึ่งพลัส”, ลดรายจ่ายด้วยการคุมค่าไฟไม่เกิน 3 บาทต่อหน่วย (200 หน่วยแรก), ออกพันธบัตรรัฐบาลออมพลัส ดอกเบี้ยสูง, เปิดให้คนไทยมีบัญชีการออมเพื่อการลงทุนส่วนตัว ที่นำมาลดหย่อนภาษีได้, โครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ พลัส ดึงหนี้คนตัวเล็กเข้าบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ หากมีวินัยใช้หนี้ล้าง จะมีการลดต้น ลดดอก ปลดล็อกเครดิตบูโร เป็นต้น
2.ผู้สูงวัยพลัส ทักษะดี มีงาน มีคนดูแล
3.ชุมชนพลัส ผลิตสินค้าที่ใช่ ขายของที่ชอบ ตอบโจทย์ทุกคน พัฒนาท้องถิ่นให้คนไม่ต้องไปทำงานต่างถิ่น จัดโซนเพาะปลูกให้ตรงความต้องการตลาด สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวอันซีนในเมืองเล็กๆ
4.การศึกษาเท่าเทียมพลัส เรียนฟรี มีงาน ทุกที่ ทุกเวลา
5.เมดอินไทยแลนด์ SMEs พลัส เสริมสภาพคล่องลดต้นทุนโดยการออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มีกลไกค้ำประกันสินเชื่อใหม่ที่ใหญ่กว่า บยส., เปิดตลาดใหม่ ติดปีก SMEs สู่ระบบออนไลน์
6.ลงทุนพลัส เพิ่มการลงทุนในประเทศเป็น 30% ใน 4 ปี ดึงอุตสาหกรรมอนาคตจากต่างประเทศ ภาครัฐและเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ดึงเงินท้องถิ่นร่วมกับส่วนกลางลงทุนโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่น
7.เศรษฐกิจสีเขียวพลัส เลื่อนเวลาการเข้าถึง NET ZERO ให้เร็วขึ้น เพิ่มมูลค่าสินค้าจากการผลิตที่รักษ์โลก, เปิด Direct PPA (สัญญาซื้อขายไฟฟ้า) ให้นักลงทุนโซลาร์หรือชาวบ้านซื้อขายไฟได้โดยตรง แก้ปัญหาค่าไฟแพง, พัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า, ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ธุรกิจสีเขียว, สร้างตลาดคาร์บอน
8.AI พลัส ให้คนไทย ผู้ประกอบการ ธุรกิจไทย ใช้ AI สร้างรายได้ให้มากขึ้น
9.Trade พลัส สร้างพันธมิตร นำสินค้าไทยไปขายในตลาดโลกเปลี่ยนคู่ค้าเป็นพันธมิตรโดยการสร้างประโยชน์ร่วมกัน, ชู “เกษตรมั่นคง” การสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินพาณิชย์ ต้องไม่ซื้อด้วยเงินสดเท่านั้นแต่ต่อรองให้คู่ค้าซื้อข้าวหรือสินค้าการเกษตรจากประเทศไทยด้วย
10.ไทยแลนด์พลัส ลดระเบียบขั้นตอน อนุมัติฉับไว อำนวยความสะดวกด้านการลงทุน อนุมัติฉับไว
...
ด้านความมั่นคง
- โครงการ “ทหารอาสา” แทน “ทหารเกณฑ์” เปิดรับสมัครทหารมารับใช้ชาติโดยสมัครใจ 1 แสนคน ในรูปแบบการรับราชการ 4 ปี เงินเดือน 12,000 บาท มีโอกาสสอบเข้ารับราชการ-เติบโตในเส้นทางอาชีพ
การต่างประเทศ
- ชูแนวคิด “ไทยเป็นไท บนเวทีโลก” แก้ประเด็นเฉพาะหน้าคือชายแดนที่มั่นคง มั่งคั่ง เชื่อมโยง และปราศจากอาชญากรรม โดยเฉพาะยาเสพติดและสแกมเมอร์ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
- ยุทธศาสตร์ระยะยาว รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกขั้วอำนาจโลก ไม่เลือกข้าง สร้างความมั่นคงทางการทูตในทุกทิศทางและมิติทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ดำเนินความร่วมมือในระดับภูมิภาค เสริมความแข็งแรงอาเซียน
- การทูตเชิงรุกที่มองไกลกว่าประเทศไทย เข้าไปมีบทบาทแแก้ปัญหาที่เป็นสากล ทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ อาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อให้ไทยเข้าไปมีบทเด่นในเวทีโลก
- ทำการทูตทั้งในและต่างประเทศ ร่วมมือกับกระทรวงต่างๆ ทำงานร่วมกับภาคประชาสังคม ประชาชนต้องมีส่วนร่วมรับรู้ทิศทางนโยบาย โปร่งใส ตรวจสอบได้
...
การจัดการภัยพิบัติ
นโยบาย “พร้อมก่อนภัย เคียงข้างไทยทุกสถานการณ์” เตรียมรับมือภัยพิบัติ 2 ด้านคือ
1. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- ยกระดับฐานข้อมูลให้มากและละเอียดยิ่งขึ้น ประมวลผล พยากรณ์ภัยพิบัติต่างๆ โดยใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล พยากรณ์ภัยพิบัติลงลึกถึงระดับตำบล
- การป้องกันภัย บูรณาการระหว่างหลายหน่วยงาน ในการวางแผนรับมือ ตั้งแต่การวางผังเมือง สร้างเส้นเลือดฝอยทั่วประเทศเพื่อลดภัยแล้งและน้ำท่วม
- การฟื้นฟูและเยียวยา ส่งเสริมประกันภัยครัวเรือนให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยการตั้ง “กองทุนภัยพิบัติ” มอบเงินเยียวยาขั้นต่ำ 1 แสนบาทต่อครัวเรือน ต่อ 1 ภัยพิบัติ โดยประชาชนสามารถ Top-Up ได้
2. ภัยพิบัติจากมนุษย์
เร่งแก้ปัญหาภัยจากเครือข่ายสแกมเมอร์ พร้อมยืนยันว่าไม่เอา “กาสิโน”
...
ด้านดิจิทัล
นโยบาย “ดิจิทัลเอไอพลัส” ใช้เทคโนโลยีและเอไอ เปลี่ยนผ่านประเทศไทย 3 ด้าน คือ
1. ภาครัฐ
- ผลักดัน E-Document ยกระดับกระบวนการทำงานภายในให้อยู่บนออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดเวลา สืบค้นได้โดยง่าย และโปร่งใส
- เชื่อมโยงหน่วยงานภายในกระทรวงและระหว่างกระทรวง เพื่อใช้ข้อมูลร่วมกันนำมาประมวลผลและประกอบการตัดสินใจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ผลักดัน Data Centralization หรือการรวมศูนย์ข้อมูล แต่ละหน่วยงานมีฐานข้อมูลและดูแลระดับการเข้าถึงด้วยตนเอง แต่ต้องมี “ท่อเชื่อม” ถังข้อมูล ลดความเสี่ยงการรั่วไหลของข้อมูล
2. ภาคธุรกิจ : สนับสนุนภาคธุรกิจ และ SMEs ให้มี AI ใช้งาน จัดหาพาร์ทเนอร์ชิปกับกลุ่มที่มีความสามารถ เพื่อยกระดับธุรกิจ
3.ภาคประชาชน : ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงและใช้งาน AI แบบโปร
ด้านการศึกษา
นโยบาย “การศึกษาเท่าเทียมพลัส” เรียนฟรีมีจริง เรียนฟรีมีงานทำ เรียนฟรีได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยแบ่งออกเป็น
พลัส ที่ 1 : สร้างแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ฟรี หรือ 1 แพลตฟอร์ม 1,000,000 ความรู้ คลังรวมความรู้ทันสมัย ครอบคลุมการศึกษาทุกระดับ และทุกคนสามารถเรียนได้ฟรี ไม่มีการคิดค่าอินเทอร์เน็ต
พลัส ที่ 2 : Skill Bridge หรือ สะพานที่จะพาคนไทยข้ามไปสู่อนาคตที่ดีกว่า พัฒนาแพลตฟอร์ม Upskill แห่งชาติ ร่วมกับสถาบันการศึกษาและบริษัทชั้นนำเอกชน เน้นไปที่ 3 แกนหลัก คือ 1.ทักษะ 2.เน้นงาน 3.มีรายได้ เป็นใบเบิกทางในการเปลี่ยนงาน และยกระดับรายได้
พลัสที่ 3 : ธนาคารหน่วยกิต นำหลักสูตรขึ้นสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อสอบผ่านสามารถที่จะสะสมหน่วยกิตไว้ได้ เมื่อครบตามที่กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กำหนด สามารถออกวุฒิการศึกษาได้
ด้านผู้สูงอายุ
นโยบาย “สูงวัยพลัส” 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่
1. เอกชนจ้างงานผู้สูงอายุลดหย่อนภาษีได้สองเท่า สูงสุด 30,000 บาท ตามอัตราที่จ้างจริง
2. ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อปี ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50%
3. มาตรการ 1 หมู่บ้าน 1 พยาบาลอาสา เงินเดือน 15,000 บาท 100,000 อัตรา อัตราจ้างขั้นต่ำ 4 ปี จ้างผู้ที่จบการศึกษา ทั้งด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา พยาบาล หรืออื่นๆ ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ติดบ้าน รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ โดยทำงานเชิงรุก แบบเคาะประตูบ้านทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ
4. สร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมาลงทุนสร้างศูนย์ฯ ในที่ดินของรัฐ ช่วยลดต้นทุนให้ภาคเอกชนและส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุลดลง
ด้านยาเสพติด
นโยบาย “1 อำเภอ 1 ศูนย์บำบัดยาเสพติด” ไม่เรียก ผู้เสพ แต่เรียก “ผู้ป่วย” นำการรักษาไปไว้ใกล้บ้าน ให้คนที่พลาดกลับคืนสู่ครอบครัว กลับคืนสู่สังคม