เปิดนโยบาย 3 พรรคการเมือง สร้างศักยภาพคนรุ่นใหม่ รองรับอาชีพอนาคต หวังปั้นสตาร์ทอัพทั่วประเทศ หวังให้เรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีการเกษตร

วันนี้ 23 ธ.ค. 2568 “ไทยรัฐดีเบต” เวทีดีเบตครั้งแรกของศึกเลือกตั้ง 2569 เพื่อนำแนวคิด นโยบาย ในการประกอบตัดสินใจก่อนถึงวันเลือกตั้งจริงในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 โดยทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมสัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบายที่ส่งเสริมอาชีพให้กับคนรุ่นใหม่จาก 3 พรรคการเมือง


"เพื่อไทย" เด็กไทย ต้องเข้าถึงโอกาส


...

"ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพัฒนาคนรุ่นใหม่ เราจะมุ่งเน้นในกลุ่มคนระดับมัธยมปลาย และในระดับมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นไปใน 2 ระดับคือ 1.สตาร์ทอัพ ที่ต้องพัฒนาในระบบต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ทำอะไรอย่างที่ตัวเองคิดได้ อย่างแรกคือ การออกแบบโปรโตไทป์ (Prototype) ที่เมื่อเรานึกอะไรขึ้นมาบางอย่าง และทำออกมาเป็นสไลด์เพาเวอร์พอยต์ และถ้ารัฐบาลสามารถทำให้คนรุ่นใหม่มาเจอกับคนที่มีเงินลงทุน หรือเรียกว่า Angel Fund (แองเจิ้ล ฟันด์) ที่จะช่วยลงทุนให้โปรเจกต์ที่เป็นสไลด์ให้ออกมาเป็นชิ้นงาน เมื่อออกมาเป็นชิ้นงาน ก็อาจมีเวทีที่ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาเป็นโปรเจกต์ที่ใหญ่ขึ้น หรือเขาสามารถไปเจอคนอื่นที่สามารถมาร่วมเป็นทีมเดียวกันได้ และทำให้เกิดระบบที่เกิดการขับเคลื่อนจะทำให้เกิดโอกาสมหาศาล


ต้องมีการทำมหาวิทยาลัยให้เป็นศูนย์บ่มเพาะ ที่จะมีกิจกรรมที่จะสามารถทำให้มาเจอเพื่อนที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน ซึ่งต้องมีการเชิญชวนให้บริษัทเอกชนมาจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งบริษัทเองก็จะได้คนรุ่นใหม่มาช่วยงานพาร์ทไทม์ เมื่อพากลุ่มคนเหล่านี้มาเจอกัน ในระดับประเทศรัฐบาลจะต้องมีการนำคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพไปเจอกับผู้ประกอบการในประเทศหรือต่างประเทศ

สุดท้ายแล้วการที่คนรุ่นใหม่จะยืนอยู่ได้ ต้องมี อาร์แอนดี (R&D) ของตัวเอง แต่ถ้าทำเองไม่ได้ ต้องมีระบบในการเชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัย เพื่อซัพพอร์ตในการทำงานบางอย่าง นี่จะเป็นการสร้างศักยภาพให้ไทยแข่งขันในระดับโลกได้

โมเดลการพัฒนาคนรุ่นใหม่ สามารถทำได้ทุกภูมิภาคในประเทศไทย โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญต่างกัน ดังนั้นการนำนวัตกรรมไปใส่ในมหาวิทยาลัยทุกภาค จะทำให้เกิดโปรดักต์ใหม่ๆ เป็นการดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“คนไทย เด็กไทย เกิดที่ไหนก็ได้ แต่ต้องเข้าถึงโอกาสได้ทัดเทียมกัน การพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในทุกภาค จะทำให้เขาไม่ต้องออกมาไกลบ้าน แต่เราพยายามทำให้สตาร์ทอัพ ได้เจอกับบริษัทหรือนักลงทุนขนาดใหญ่ และควรจะต้องอยู่ใกล้ๆ กับแหล่งความรู้ในท้องถิ่น ซึ่งควรจะเข้าถึงนักลงทุน ดังนั้นการพัฒนาเพื่อรองรับคนในทุกภูมิภาคเพื่อให้มีการกระจายตัว”

สิ่งสำคัญผู้นำประเทศต้องมีเป้าหมายพัฒนาคนรุ่นใหม่ที่ชัดเจน คนรุ่นใหม่จะสามารถพัฒนาตัวเองได้ว่าเส้นทางของเขาถ้าเรียนในด้านนี้จะไปยังจุดไหนได้ต่อ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาที่ผ่านมาคือ คนรุ่นใหม่จบมาแล้วหางานไม่ได้ในสาขานั้น ทั้งที่จริงเขาคือ คนที่มีความรู้ในเรื่องที่เรียน ดังนั้นถ้าเรามีการพัฒนาประเทศให้สามารถรองรับคนที่เริ่มในการพัฒนาธุรกิจใหม่


...

“พลังประชารัฐ” เรียนฟรีกลุ่มวิชา STEM


“ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ เราพยายามเปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ แต่ก็ไม่ง่าย ตอนนี้มีความคิดกันว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนการเรียนในระดับปริญญาตรี สำหรับบางสาขาให้มีการเรียนฟรี โดยเฉพาะกลุ่มวิชา STEM คือ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics)

อีกประเด็นคือการดูแลเอสเอ็มอี ที่โดยรวมมีประมาณ 3.4 แสนราย มีการจ้างงานประมาณ 13 ล้านคน ซึ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำธุรกิจจะออกมาในรูปแบบเอสเอ็มอี จึงต้องมีการกำหนดกติกาเพื่อขอให้แบงก์พาณิชย์ ปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอีที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น

...


และต้องมีการตั้งกองทุนสตาร์ทอัพ ที่เป็นกองทุนในการสนับสนุนธุรกิจหรือกิจการที่เป็นธุรกิจใหม่ เน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีเอไอ และนวัตกรรมที่มีความก้าวหน้า เงินของกองทุนจะมาจากรัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์ หรือจากสมาคมธนาคาร เงินในกองทุนจะเป็นเงินที่ร่วมลงทุนในธุรกิจของคนรุ่นใหม่

ที่ผ่านมาการพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากผู้บริหารรัฐบาลขาดความเข้าใจของคนรุ่นเก่าเสียส่วนใหญ่ ขณะนี้หลายพรรคการเมืองมีคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปร่วมจำนวนมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องมีการเปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ได้ทำงานในสิ่งที่ต้องการ ขณะเดียวกันก็ต้องมีพื้นที่ให้กับผู้สูงวัยด้วย เพราะหลายคนก็ตกรุ่นในการใช้เทคโนโลยี จึงต้องมีการพัฒนาพื้นที่ในชุมชนให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ได้มาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สูงวัยในชุมชนด้วย


"พรรคเศรษฐกิจ" แปรรูปเกษตรทฤษฎีใหม่


...

พลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์ พรรคเศรษฐกิจ มองว่า การพัฒนาคนรุ่นใหม่ ต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและตัดวงจรหนี้ที่มีด้วยกัน 3 ก้อนคือ 1.หนี้รัฐบาล 2.หนี้ประชาชน 3.หนี้ภาคธุรกิจ ที่ทำให้วันนี้เด็กรุ่นใหม่จบมาแล้วตกงาน

ยิ่งถ้าประเทศไทยติดกับดักหนี้ จะทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีและการศึกษาลดลงไป เลยทำให้พรรคเศรษฐกิจ มีนโยบายแก้หนี้เป็นอันดับแรก โดยจะมีโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ เพื่อให้ไทยกลับเข้าสู่เวทีการแข่งขัน และจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางราง ซึ่งจะมีการสร้างงานสร้างอาชีพจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลดีต่อเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะจบ


การพัฒนาคนรุ่นใหม่จะต้องมีการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะประเทศไทยมีศักยภาพในเรื่องการเกษตร โดยเฉพาะในการแปรรูปเกษตรทฤษฎีใหม่ แต่จะต้องมีเทคโนโลยีการเกษตรเข้ามาช่วย เพื่อให้สินค้าการเกษตรไม่มีอายุสั้น เช่น ประเทศจีน มีการถนอมอาหารสามารถเก็บได้ 10 ปี ซึ่งคุณค่าทางอาหารเหมือนเดิม

แต่ปัญหาของคนรุ่นใหม่ตอนนี้ เมื่อเราไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง แต่จะเป็นการลอกเลียนแบบทั้งที่จริงแต่ละประเทศมีความถนัดเป็นของตัวเอง ดังนั้น ไทยต้องกลับมาเป็นตัวเองในการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรที่จะมารองรับ