เบื้องหลังปฏิบัติการเนิน 350 ภารกิจ120 ชม. บทพิสูจน์เหนือชัยชนะ "แม่ทัพภาค 2” กับการทำหน้าที่ผู้นำหน้าแนว กับภารกิจที่สูงกว่าคือ การจบสถานการณ์อย่างมีศักดิ์ศรี และเป็นรากฐานสันติภาพที่ยืนยาวอย่างแท้จริง


การยึดพื้นที่คือจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบ ภาพสะท้อนจากเนิน 350 สู่สมรภูมิโลก


ยึดพื้นที่ได้แล้ว… คำถามสำคัญกว่าคือ เราจะจบสถานการณ์นี้อย่างไร โดยไม่ให้ความสูญเสียเกิดซ้ำ การยึดพื้นที่ได้ ไม่ได้แปลว่าสงครามจบ และการเสียสละของทหารกล้า ไม่ได้มีความหมายเพียงชัยชนะในช่วงเวลาหนึ่ง แต่มีความหมายยิ่งกว่า เมื่อความสูญเสียนั้นไม่ต้องเกิดซ้ำ และตลอดภารกิจ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้บัญชาการรบอยู่หน้าแนวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับกำลังพล

...



สถานการณ์บริเวณ เนิน 350 พื้นที่ปราสาทตาควาย ทำให้สังคมไทยได้ประจักษ์อีกครั้งว่า “พื้นที่สูง” ไม่ใช่เพียงตำแหน่งบนแผนที่ แต่คือจุดชี้ขาดของความมั่นคง เป็นทั้งสายตา เป็นทั้งเกราะ และเป็นเส้นแบ่งระหว่างความปลอดภัยของประชาชนกับความเสี่ยงในแนวหน้า


ภายใต้การบัญชาการรบของกองทัพภาคที่ 2 การปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าวดำเนินไปบนหลักความรอบคอบ ความแม่นยำ และการควบคุมสถานการณ์ เพื่อจำกัดความสูญเสีย การตัดสินใจแต่ละขั้น มิได้มุ่งผลลัพธ์เฉพาะหน้า แต่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวต่อเสถียรภาพและความมั่นคงโดยรวม

เพื่อให้เห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรม


ไทม์ไลน์ เหตุการณ์ 5 วัน เนิน 350 จากการปะทะสู่การควบคุมสถานการณ์ (16–20 ธันวาคม 2568)


  • 16 ธันวาคม 2568 วันที่ความกล้าหาญถูกพิสูจน์ มีรายงานเหตุปะทะในพื้นที่ เนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย ส่งผลให้กำลังพลไทย เสียชีวิต 2 นาย พื้นที่ดังกล่าวถูกจับตาในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ต้องได้รับการควบคุมอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม นี่คือวันที่ความกล้าหาญของทหารแนวหน้าปรากฏชัด และเป็นจุดตั้งต้นของการตัดสินใจเชิงความรับผิดชอบในระดับบัญชาการ

...


  • 17 ธันวาคม 2568 คุมจังหวะสถานการณ์ การดำเนินการในพื้นที่ปรับเข้าสู่กรอบการควบคุมสถานการณ์อย่างเป็นระบบ


โดยมุ่งยับยั้งการรุกคืบ ควบคุมพื้นที่สำคัญ


และป้องกันการเสริมกำลังของฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายหลักในช่วงนี้คือ ไม่ให้ความสูญเสียเกิดซ้ำและไม่เปิดช่องให้ความรุนแรงขยายตัว

...



  • 18 ธันวาคม 2568 การทำงานของระบบบัญชาการรบ การปฏิบัติการดำเนินอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน ทีมบัญชาการรบ กำลังแนวหน้า และฝ่ายสนับสนุน ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด


โดยยึดหลักความรอบคอบ ความแม่นยำ และการลดความเสี่ยงต่อชีวิตกำลังพล


"ความนิ่งในวันนี้ไม่ใช่ความชะลอ แต่คือการตัดสินใจที่ไม่ใช้อารมณ์นำ"

...


  • 19 ธันวาคม 2568 สถานการณ์เริ่มชัดเจน

รายงานข่าวสะท้อนว่า การควบคุมพื้นที่มีความคืบหน้า การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่ยุทธศาสตร์ถูกจำกัด สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะที่การคุกคามไม่สามารถขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ


  • 20 ธันวาคม 2568 ควบคุมพื้นที่ ปิดวงจรความสูญเสีย

มีการยืนยันว่าฝ่ายไทยสามารถ ควบคุมพื้นที่เนิน 350 และบริเวณปราสาทตาควายได้ พร้อมการลำเลียงร่างทหารผู้เสียสละลงมาประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ และการตรวจความเรียบร้อยของพื้นที่ รวมถึงการตรวจยึดอาวุธจากฐานปฏิบัติการ เพื่อป้องกันไม่ให้ความรุนแรงย้อนกลับมาอีก


"วันนี้ไม่ใช่วันแห่งการเฉลิมชัย แต่คือวันที่ความสูญเสียถูก “หยุดไว้” ด้วยการตัดสินใจอย่างมีศักดิ์ศรี


ภาพสะท้อนจากสมรภูมิโลก


ประวัติศาสตร์การทหารโลกสะท้อนตรงกันว่า

การยึดพื้นที่เพียงอย่างเดียวไม่เคยเพียงพอ หากไม่เชื่อมโยงไปสู่การยุติความขัดแย้ง


Hill 609 (ตูนิเซีย, 1943) แสดงบทบาทของพื้นที่สูงต่อการเปลี่ยนดุลสนามรบ


Hamburger Hill (เวียดนาม, 1969) สะท้อนความสำคัญของการเชื่อมการยึดพื้นที่กับแผน “จบสถานการณ์”


คาร์กิล (อินเดีย–ปากีสถาน, 1999) แสดงให้เห็นว่าการควบคุมพื้นที่สูงสามารถจำกัดการขยายการปะทะ และนำไปสู่การยุติความขัดแย้งในกรอบจำกัด



สามกรณีจากสามยุค ยืนยันตรงกันว่า

พื้นที่สูงไม่ได้มีไว้เพื่อยึดครองอย่างโดดเดี่ยว แต่มีไว้เพื่อเปลี่ยนสมการของทั้งเกม


จบสถานการณ์อย่างมีศักดิ์ศรี การทำให้ภัยคุกคาม “สิ้นสภาพ” ไม่ใช่ถ้อยคำแห่งความโกรธหรือเกลียดชัง แต่คือหลักคิดเชิงปฏิบัติการที่มุ่งทำให้การคุกคาม ไม่สามารถดำเนินต่อได้ในทางปฏิบัติ (combat-ineffective) เพื่อหยุดวงจรความสูญเสียให้เร็วที่สุด


ทหารที่ยืนอยู่แนวหน้า ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อคำยกยอ แต่เพื่อให้ความรุนแรงหยุดอยู่ตรงหน้าเขา และไม่ลุกลามไปยังชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์


วันนี้เราอาจยึดพื้นที่ได้แล้ว แต่ภารกิจที่สูงกว่า คือการ จบสถานการณ์อย่างมีศักดิ์ศรี เพื่อให้การเสียสละที่จารึกไว้ในหัวใจของแผ่นดิน กลายเป็นรากฐานของสันติภาพที่ยืนยาวอย่างแท้จริง