พิษคลิปเสียง ผบ.ตร. ย้ายด่วน “ผู้การนครศรีธรรมราช” ส่องโอกาสพื้นที่ผลประโยชน์ อดีตรองผู้บัญชาการภาค 8 ชี้พฤติกรรมมีมายาวนาน เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทางแก้เริ่มที่ระบบตำรวจในพื้นที่
จากกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีที่ปรากฏข้อมูลประเด็นทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีข้าราชการตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคมในวงกว้าง ล่าสุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ นุ่นเกลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช (ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช) ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากหน้าที่ตำแหน่งเดิม ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 68 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ต่อมาด้านสถานีตำรวจ สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช นำโดย พ.ต.อ.ภูวศิษฐ์ วังแก้ว ผกก.สภ.ฉวาง ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า จากตรวจสอบคลิปเสียงแล้ว ไม่สามารถยืนยันว่าเสียงชายสองคนที่ปรากฏในบทสนทนาเป็นเสียงของบุคคลใดที่เกิดขึ้นจริง จึงอาจจะเกิดจากการสร้างบทสนทนาผ่านเสียงพูด หรืออาจเกิดจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI สร้างขึ้น และขณะนี้ยังไม่ทราบแหล่งที่มาของเสียงในการสนทนาว่าเป็นของผู้ใด ทั้งข่าวที่เกิดขึ้นนี้ กระทำโดยไม่ทราบว่ามีจุดมุ่งหมายใด จะทำการตรวจสอบต่อไป
...
แม้หน่วยงานในพื้นที่จะออกมาชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว แต่กระแสสังคมยังตั้งคำถามถึงความโปร่งใส และกระบวนการตรวจสอบภายในของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศ
ท่ามกลางกระแสดังกล่าว ยังมีเสียงสะท้อนจากผู้มีประสบการณ์ในแวดวงตำรวจอย่าง พล.ต.ท.ดร.วันไชย เอกพรพิชญ์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (นครศรีธรรมราช) ที่ให้ข้อมูลกับทางทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า การกระทำลักษณะดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่เป็นพฤติกรรมที่มีมายาวนาน และเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพียงแต่ครั้งนี้สถานการณ์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้ประเด็นดังกล่าวถูกจับตามองในวงกว้าง
จากการพิจารณาในภาพรวม ส่วนตัวเห็นว่าพฤติกรรมในลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง เพราะนำไปสู่ปัญหาการทุจริตและคอร์รัปชัน การที่มีการออกมาพูดหรือเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งมีการรายงานตัวและข้อมูลที่ชัดเจน ถือเป็นเรื่องที่กล้ามาก และสะท้อนให้เห็นถึงการใช้กฎหมายในวิธีที่ไม่ถูกต้อง
“สิ่งเหล่านี้มีทุกที่ แต่ก็ยังไม่เป็นบทเรียนสักที เพราะการทำอะไรที่มันไม่จริงจัง คนก็ไม่กลัว”
พล.ต.ท.ดร.วันไชย เผยว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องเริ่มจากความจริงจังในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งในระดับผู้บริหาร ผู้บัญชาการระดับสูง ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ต้องแก้ปัญหาให้เกิดผลอย่างแท้จริง และไม่ปล่อยให้พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก พื้นที่ต่าง ๆ ไม่ควรถูกใช้เป็นแหล่งรายได้ของข้าราชการฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะตำรวจเท่านั้น แต่รวมถึงทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
หากทุกฝ่ายสามารถวางผลประโยชน์ส่วนตนลง ทำงานโดยยึดงานและประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ปัญหาเหล่านี้ย่อมยุติลงได้ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้บังคับบัญชายังมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและรับผิดชอบในทุกมิติ ทั้งนี้ เมื่อมองในภาพรวมของสังคม จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในหลายพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังต่อไป
...
ล่าสุดวันนี้ (22 ธ.ค. 2568) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ นุ่นเกลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม พร้อมแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 68 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีข้าราชการตำรวจประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ และไม่มีความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม หากยังคงให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิม อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกอบระเบียบสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการดังกล่าว เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเกิดความเป็นธรรม โดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ