ส่องท่าทีนานาชาติ ต่อเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชารอบใหม่ หนุนการเจรจา-เรียกร้องหยุดยิง ด้าน “ทรัมป์” โว ช่วยจบสงครามอีกครั้ง 

จากกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. หลายประเทศนานาชาติ ต่างได้ออกมาแสดงท่าทีและมีความเห็นต่อความขัดแย้งครั้งใหม่นี้เป็นระยะ ไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียงท่าทีล่าสุด ดังนี้ 

สหรัฐอเมริกา 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทมากในความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในฐานะสักขพยานการลงนามถ้อยแถลงร่วมไทย-กัมพูชาเมื่อ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา

ท่าทีแรกของสหรัฐฯ หลังการปะทะรอบใหม่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. โดย ปธน.ทรัมป์ เปิดเผยว่าจะมีการโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชา ก่อนต่อมา 12 ธ.ค. ปธน.จะโพสต์ผ่าน Truth Social ระบุว่าได้พูดคุยกับผู้นำทั้ง 2 ประเทศ และทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะหยุดยิงและกลับเข้าสู่ข้อตกลงสันติภาพตามเดิม พร้อมกล่าวด้วยว่า “เหตุกับระเบิดซึ่งทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น เป็นอุบัติเหตุ แต่ถึงกระนั้น ประเทศไทยก็ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง”

...

โพสต์ดังกล่าว ทำให้ 13 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ออกมาชี้แจงว่าในการพูดคุย ไม่ได้มีการพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงและกลับไปสู่ปฏิญญาสันติภาพ พร้อมยืนยันไปว่าเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ไทยต้องปกป้องอธิปไตยและปกป้องประชาชนอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันในบทสัมภาษณ์ของ ปธน.ทรัมป์ ของสำนักข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่ระบุว่าเป็นการสัมภาษณ์เมื่อ 12 ธ.ค. รายงานว่า ในการพูดคุยกับผู้นำไทย-กัมพูชา ปธน.ทรัมป์ ได้ขู่ขึ้นภาษี หากทั้ง 2 ฝ่ายไม่หยุดสู้รบ อย่างไรก็ดีนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ชี้แจงว่าในการพูดคุยกับผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีข้อบ่งชี้เรื่องการใช้มาตรการภาษี และไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการใช้มาตรการนี้

เช่นเดียวกับในวันนี้ (16 ธ.ค.) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว. พาณิชย์ ยืนยันว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้นำประเด็นภาษีตอบโต้มาเป็นเงื่อนไขต่อรองให้ไทย–กัมพูชาหยุดยิง โดยในการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐฯ ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเปลี่ยนแปลง

ล่าสุดวันที่ 15 ธ.ค. (16 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นไทย) ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอีกครั้ง ขณะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน

"อย่างที่คุณรู้ เราหยุดมาแล้ว 8 สงคราม และหนึ่งในนั้นเมื่อวานนี้มีปัญหาเล็กน้อย คือไทยกับกัมพูชา แต่เราสามารถจัดการให้สถานการณ์คลี่คลายได้แล้ว มีการฆ่าฟันเกิดขึ้น ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เราขอชื่นชมการทำงานของพวกเขาในการเข้ามาจัดการเรื่องนี้ และพวกเขาก็ทำได้จริงๆ" 

จีน

ประเทศจีน ถือเป็นประเทศต้นทางของอาวุธส่วนใหญ่ที่ถูกใช้ในแนวรบของกัมพูชา แต่ที่ผ่านมาจีนออกมาปฏิเสธโดยตลอดว่าไม่ได้มีการส่งอาวุธให้กัมพูชาใช้โจมตีไทย และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุความขัดแย้งชายแดน

ล่าสุด 15 ธ.ค. นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่สอบถามถึงความเห็นของประเทศจีนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และจีนได้มีความพยายามใดบ้างในการผลักดันการหยุดยิง 

นายกัว ตอบว่า ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านและมิตรของทั้งไทยและกัมพูชา จีนได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และขอแสดงความเสียใจและความห่วงใยอย่างยิ่งต่อการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของประชาชนทั้งสองประเทศ ไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายออกไม่ได้  

จีนมีสุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า “อยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยความเป็นมิตรและมีเมตตา ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศเอง” ภารกิจที่ด่วนที่สุดในขณะนี้คือการหยุดยิง หยุดการสู้รบ และคุ้มครองพลเรือน จีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะมองในแง่ของการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของบริเวณชายแดนและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสอง ยับยั้งช่างใจอย่างสุดซึ้ง และดำเนินมาตรการทุกประการที่เอื้อต่อการบรรลุการหยุดยิง เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดโดยเร็ว

นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ฝ่ายจีนได้ติดต่อสื่อสารกับทั้งสองฝ่ายอย่างใกล้ชิดโดยหลายช่องทางหลายระดับตามความประสงค์ของทั้งสองฝ่าย ดำเนินการไกล่เกลี่ยและส่งเสริมการเจรจาอย่างแข็งขัน เพื่อสร้างโอกาสและจัดเตรียมเวทีสำหรับการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ฝ่ายจีนสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาและปรึกษาหารือโดยตรง สนับสนุนความพยายามในการไกล่เกลี่ยและส่งเสริมการเจรจาของอาเซียน โดยเฉพาะของมาเลเซีย และสนับสนุนการแสวงหาแนวทางแก้ไขความขัดแย้งภายใต้กรอบอาเซียนที่ทั้งสองฝ่ายล้วนยอมรับ ฝ่ายจีนกำลังดำเนินการไกล่เกลี่ยและส่งเสริมการเจรจาด้วยความพยายามอย่างเต็มที่ และจะทำต่อไปในอนาคต เพื่อแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ตามแนวทางของตนเองในการผลักดันการหยุดยิงและฟื้นฟูสันติภาพ 

...

ในส่วนของอาวุธนั้น วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทางการจีนชี้แจงอาวุธที่ให้กัมพูชาเป็นของเก่า ไม่ได้ส่งมอบอาวุธใหม่ แต่อาจจะมีหลายวิธีในการได้มาซึ่งอาวุธต่างๆ เพราะมีตลาดทั่วไป แต่เรื่องนี้ไทยจะติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะการที่ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธจากประเทศจีน ซึ่งเป็นอาวุธหนักโจมตีเข้ามายังฝั่งไทย ทำให้เกิดความเสียหายและมีพลเรือนเสียชีวิต จึงต้องติดตามพูดคุยกับฝ่ายจีน

มาเลเซีย

มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน มีบทบาทในการเจรจาพูดคุยปมความขัดแย้งไทย-กัมพูชามาโดยตลอด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ทันทีหลังเกิดการปะทะรอบใหม่ นายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ได้โพสต์แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ทั้ง 2 ประเทศยับยั้งชั่งใจ หยุดการสู้รบกลับสู่เส้นทางการทูต

วันที่ 13 ธ.ค. หลังไทย-กัมพูชา หารือกับ ปธน.ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ นายกฯ อันวาร์ ได้เรียกร้องให้ ประเทศไทยและกัมพูชา ยุติการสู้รบตามแนวชายแดนโดยทันที ภายในเวลา 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ดีไม่มีการหยุดยิงเกิดขึ้น

...

ในวันนี้ (16 ธ.ค.) เดิมมีกำหนดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ แต่ได้มีการเลื่อนออกไปหลังสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาทวีความรุนแรง

นายอันวาร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อระดมความเห็นประเทศสมาชิกอาเซียนในการคลี่คลายวิกฤตชายแดน แต่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ร้องขอให้เลื่อนการประชุมเป็นการชั่วคราว โดยระบุว่าทุกฝ่ายยังคงประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง มีการเลื่อนการประชุมเล็กน้อย เนื่องจากยังต้องจัดการรายละเอียดหลายประการ แต่ยังคงเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบ

“เรายังเรียกร้องให้พวกเขาหยุดสู้รบ นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ผมติดต่อกับพวกเขาแทบจะเป็นประจำทุกวัน”

ฝรั่งเศส

กระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส ได้ออกมาโพสต์แถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.68 ระบุว่า ฝรั่งเศสรู้สึกเป็นกังวลต่อความตึงเครียดไทย-กัมพูชาที่กลับมาปะทุอีกครั้งและนำไปสู่การสูญเสียชีวิต พร้อมเรียกร้องให้ทั้ง 2 ประเทศเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค.และถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมอาเซียนเมื่อ 26 ต.ค.68 โดยยืนยันสนับสนุนความพยายามในการไกล่เกลี่ยของอาเซียน และเชื่อมั่นว่าแนวทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้อย่างยั่งยืนและสันติ คือการเจรจา เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ทำเอาไว้

...

ต่อมา 14 ธ.ค. ฝรั่งเศสได้ออกแถลงการณ์อีกครั้ง ระบุว่า ฝรั่งเศสขอแสดงความกังวลอย่างยิ่ง ต่อการทวีความรุนแรงของเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมขอชื่นชมความพยายามของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนในการผลักดันให้มีการกลับมาเจรจาอย่างสันติ

“ฝรั่งเศสขอสนับสนุนข้อเรียกร้องของนายกฯ อันวาร์ ให้มีการหยุดยิงทันที และสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดสู้รบโดยเร็ว และกลับสู่การเจรจาอีกครั้งตามบทบัญญัติของปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ เพื่อแสวงหาทางออกอย่างสันติในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศ”

รัสเซีย

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.68 สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย รายงานเนื้อหาการแถลงข่าวโดย นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ระบุว่า รัสเซียมีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีมาอย่างยาวนานกับประเทศไทยและกัมพูชา และมีความกังวลต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

รัสเซียขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อเลี่ยงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับพลเรือน เข้าสู่กระบวนการเจรจาหยุดยิงโดยเร็ว และดำเนินการแก้ไขความขัดแย้งร่วมกันอย่างรอบด้านเพื่อแก้ไขข้อพิพาทที่ลงนามไว้ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

ต่อมา 15 ธ.ค.68 สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ได้โพสต์ชี้แจงอีกครั้ง กรณีมีข่าวทหารรับจ้างชาวรัสเซียเข้ามาร่วมรบกับกองทัพกัมพูชา โดยระบุว่า “ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงและมีแนวโน้มว่าจะถูกสร้างขึ้นจากแหล่งข้อมูลนอกภูมิภาค มีเป้าหมายเพื่อบั่นทอนสิทธิพลเมืองชาวรัสเซียที่พำนักอยู่ในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวหรือประกอบธุรกิจ เป็นการสร้างความเสียหายต่อมิตรภาพอันยาวนานระหว่างประเทศรัสเซียและไทย

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทยและกัมพูชา และในประเด็นดังกล่าวได้มีการแจ้งให้ทราบแล้วโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ความว่า

ประเทศรัสเซียมีความสัมพันธ์อันเป็นมิตรและมีความร่วมมือกับประเทศไทยและกัมพูชา เราขอยืนยันและสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทนี้โดยสันติวิธีเท่านั้น”