หักส้ม-ตัดเกมแดง ท่าทีการเมืองหลัง “ภูมิใจไทย” ยุบสภา นักวิเคราะห์ มอง "น้ำเงิน" แรงเกาะกระแสชาตินิยม คาดกวาดเก้าอี้ สส.เขตทั่วไทย 130 ที่นั่ง จับตาพลังดูดบ้านใหญ่ แผนแยกกันตี-ไม่ตัดคะแนนกันเอง
หลังการยุบสภา ท่ามกลางวิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา หลายคนจับตาถึงการเลือกตั้ง 2569 ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2569 และมีแนวโน้มว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอยู่เกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นหรือไม่
ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ วิเคราะห์กับทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ว่า การที่พรรคภูมิใจไทย ตัดสินใจยุบสภาตอนนี้คงประเมินแล้วว่าเกมนี้จะได้เปรียบ ด้วยสถานการณ์ความเป็นชาตินิยมจะเป็นประเด็นที่สร้างกระแสความนิยม ขณะที่พรรคประชาชน ก็ค่อนข้างรับศึกหนักกับกระแสนี้อยู่พอสมควร เพราะเมื่อแสดงความคิดเห็นออกมา ก็มักจะไม่ได้รับการตอบรับในเชิงบวก ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะตัวเองก็เคยบริหารมาแล้ว และต้องออกไปเพราะความขัดแย้งเรื่องกัมพูชา
...
สิ่งนี้ทำให้พรรคภูมิใจไทย ได้เปรียบมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต่อให้ไม่ได้คะแนนเสียงโดยตรง แต่คะแนนเสียงก็ไม่ไปทางส้มหรือแดง แต่คะแนนเสียงในการเลือกตั้งก็จะวนอยู่ในกลุ่มพรรคการเมืองที่พร้อมจะสนับสนุนคุณอนุทิน กลับมาเป็นนายกฯอีกสมัย
การทำงานของรัฐบาลตอนนี้หลังยุบสภา ไม่ได้มีสุญญากาศ แม้จะมีข้อห้ามอยู่บ้าง โดยเฉพาะกรณีการปะทะของไทย-กัมพูชา จะไม่มีผลต่อการพิจารณาของรัฐบาลรักษาการ แต่จะมีผลต่อนโยบายที่เป็นโครงการระยะยาวที่จะผูกพันกับรัฐบาลชุดต่อไป โดยต้องใช้งบประมาณจากงบรายจ่ายประจำปี
“ในช่วงเลือกตั้ง การดูแลกองทัพที่ยังปะทะอยู่จะไม่มีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญได้เขียนว่า ถ้าต้องการโยกย้ายแม่ทัพนายกอง เพื่อไปช่วยในการรบ รัฐบาลรักษาการสามารถเขียนเรื่องมาที่ กกต. เมื่ออนุมัติก็ทำได้ เนื่องจากอำนาจนายกฯ หลังยุบสภา ไม่ได้ถูกจำกัดตามรัฐธรรมนูญเท่าไหร่ แต่จะแค่กำหนดว่าไม่ให้ใช้ตำแหน่งไปในลักษณะที่เอื้อต่อการเลือกตั้งเท่านั้น”
การเลือกตั้ง 2569 ประเมิน ณ วันนี้พรรคภูมิใจไทยยังน่าจะได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ด้วยความที่มีความเข้มแข็งมากในระบบ สส.เขต โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ในการที่เปิดตัวผู้สมัครเดิมและคนที่ย้ายเข้ามา อยู่ในระดับการันตีผลได้ และเคยมีผล งานในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แม้การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคก้าวไกล จะกระแสแรงมาก แต่คนเหล่านี้ก็ผ่านมาได้ และกระแสวันนี้ไม่ได้หนักเหมือนตอนนั้น แล้วทำไมจะผ่านไปไม่ได้
พรรคประชาชน อาจจะมาเป็นอันดับ 2 โดยคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ก็ต้องมาลุ้นว่าจะสร้างกระแสให้คนมาเลือกได้มากเท่าครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ แต่ สส.เขต น่าจะได้น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะถ้าเราเห็นการวางตัวผู้ลงสมัครของพรรคภูมิใจไทย จะมีลักษณะในการวางยุทธศาสตร์ร่วมกัน อย่างการเลือกตั้งครั้งที่แล้วแข่งกัน หั่นคะแนนของอีกฝั่ง แต่รอบนี้แบ่งกันไปคนละครึ่ง เพื่อที่จะไม่ต้องตัดคะแนนกัน กลยุทธ์นี้จะทำให้พรรคประชาชน ลำบากมากขึ้น
คาดว่าพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีแนวโน้มว่าจะกวาดเก้าอี้ สส.เขตได้ 120-130 ที่นั่ง ที่เหลือก็ต้องไปรวมปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งยังไม่รวมกับ สส.ที่พร้อมจะเข้ามา โดยมีแนวโน้มว่า สส.จากพรรคเพื่อไทย จะถูกดูดเข้ามาภูมิใจไทยมากขึ้น
...