เปิดต้นเหตุ "เมียนมา" แผ่นดินไหวถี่ "นักวิชาการ" ชี้ห่างจากรอยเลื่อนสกาย 200 กม. ยันไม่กระทบไทย แต่ต้องจับตาอีกรอยเลื่อนยังสะสมพลังงาน
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “ที’ ลมฟ้าอากาศ” ได้โพสต์ข้อความลงโซเชียลเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 68 เวลา 22.17 น.โดยระบุว่า
เตือน!!! จับตา สัญญาณแผ่นดินไหว รอยเลื่อนสกาย เมียนม่าร์ ช่วงนี้ เริ่มมีปฏิกิริยา ค่อนข้างถี่มากขึ้น โดยมีจุดศูนย์กลางเดียวกับเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 68 ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ผ่านมา
ต่อมา ในคืนวันที่ 3 ธ.ค. 68 เวลา 02.37 น. ทางเพจได้โพสต์ข้อความลงโซเชียลอีกครั้ง โดยระบุว่า
เมื่อเวลา 01:50น. 03/12/68 ที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว บริเวณเมืองมองเขต ของประเทศเมียนม่าร์ ขนาด3.6 แมกนิจูด ลึกจากพื้นดิน 10กิโลเมตร
แผ่นดินไหวขนาดดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้าง
และในเวลา 04.53 น. ทางเพจได้โพสต์ข้อความลงโซเชียลอีกครั้ง โดยระบุว่า
เมื่อเวลา 03:50น. 03/12/68 ที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว บริเวณทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 4.1 แมกนิจูด ลึกจากพื้นดิน 31 กิโลเมตร
แผ่นดินไหวขนาดดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้าง
...
กระแสจากโพสต์เหล่านี้สร้างความวิตกกังวลให้ประชาชนเป็นวงกว้าง เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำคล้ายกับที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ส่งผลให้หลายพื้นที่หันมาติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและถกเถียงกันถึงความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ครั้งใหม่ ทั้งในด้านขนาด ระยะทาง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นว่า “รอยเลื่อนครั้งนี้จะส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยหรือไม่” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและความกังวลของประชาชนที่มีต่อปรากฏการณ์ทางธรรมชาติครั้งนี้
ทางทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง รศ. ดร.ภาสกร ปนานนท์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิจัยศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ภายใต้การสนับสนุนของกองทุน ววน. และ วช. เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นทางด้านตะวันตกของรอยเลื่อนสกาย ประเทศเมียนมา โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากตำแหน่งที่เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งก่อนจากรอยเลื่อนสกาย ราว 200 กิโลเมตร เป็นบริเวณโครงสร้างธรณีสำคัญของเขตมุดตัวระหว่างแผ่นอินเดียและแผ่นยูเรเซีย
จากการตรวจสอบพบว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อรอยเลื่อนสกายโดยตรง เนื่องจากไม่ได้เกิดบนรอยเลื่อนเดียวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ แต่หากมีผลกระทบจริง จำเป็นต้องเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึงระดับ 7–8 ริกเตอร์ขึ้นไป จึงอาจทำให้รอยเลื่อนดังกล่าวเลื่อนตัวและส่งผลถึงประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือนมีนาคม 2568 รอยเลื่อนสกายได้ปลดปล่อยพลังงานสะสมไปมากแล้ว จึงคาดว่าผลกระทบในอนาคตไม่น่าจะรุนแรง
ทั้งนี้ รอยเลื่อนดังกล่าว เคยเกิดการเลื่อนตัวครั้งใหญ่เมื่อราว 100 ปีก่อน และขณะนี้อาจใกล้ถึงรอบใหม่ แม้จะมีข้อสันนิษฐานว่ารอยเลื่อนนี้อาจส่งผลต่อรอยเลื่อนสกาย แต่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนยืนยันถึงผลกระทบ
รศ. ดร.ภาสกร อธิบายให้เห็นภาพว่า ลักษณะการเกิดแผ่นดินไหวคล้ายการนำมือทั้งสองชนกัน จากนั้นให้มือข้างหนึ่งมุดลงใต้มืออีกข้างและดันลงด้านล่าง แผ่นดินไหวจึงเกิดขึ้นบริเวณแนวมุดตัวดังกล่าว ซึ่งเป็นอีกแนวหนึ่งของโซนแผ่นดินไหวหลักในเมียนมา มีความยาวใกล้เคียงกับรอยเลื่อนสกาย และเกิดแผ่นดินไหวเป็นระยะอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แนวรอยเลื่อนนี้มีการเกิดเหตุถี่ขึ้นในช่วง 1–2 วันที่ผ่านมา ซึ่งควรติดตามอย่างใกล้ชิด
สิ่งที่น่ากังวลเป็นพิเศษตอนนี้ คือบริเวณตอนใต้ของรอยเลื่อนสกายใกล้พื้นที่ชายฝั่ง เนื่องจากยังไม่เกิดการเลื่อนตัวมานาน และเหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2568 บ่งชี้ว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจกำลังสะสมพลังงานเพิ่มขึ้น ทีมวิจัยจึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการเลื่อนตัวในอนาคตหรือไม่
...
แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ แม้คาดการณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่อาจระบุเวลาที่แน่นอนได้ หากกังวลเกินไปอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ สิ่งสำคัญคือการติดตามข่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ และเตรียมพร้อมด้านความปลอดภัยของบ้านเรือน หากโครงสร้างไม่แข็งแรงควรปรับปรุงหรือเสริมความมั่นคง เพื่อให้รับมือสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัย