4 สิ่งที่ผู้นำควรทำ ในวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ แม้นายกฯ ลงนามแต่งตั้ง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำ ในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ยังมีประชาชนตกค้างในพื้นที่จำนวนมาก จนมีคำถามจากสังคมถึงแนวทางความเป็นผู้นำ ในการจัดการกับภาวะวิกฤต ที่ดูเหมือนหน่วยงานรัฐยังขาดประสิทธิภาพในการทำงาน

จากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดรอบ 15 ปี นับตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2553 ระดับน้ำที่เพิ่มสูงอย่างรวดเร็วและกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งไม่สามารถอพยพได้ทัน ส่งผลให้หลายครอบครัวยังคงติดค้างอยู่ภายในพื้นที่น้ำท่วม และกำลังรอการเข้าช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐด้วยความกังวลใจ โดยหวังว่าจะสามารถอพยพออกจากพื้นที่อันตรายได้โดยเร็วที่สุด

หน่วยงานภาครัฐและทีมกู้ภัยที่ลงพื้นที่ยังต้องเผชิญกับปัญหากำลังเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้ประสบภัยจำนวนมาก ทำให้การให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า แม้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ก็ตาม นอกจากนี้ เส้นทางหลายจุดถูกตัดขาดจากกระแสน้ำ ทำให้การเข้าถึงผู้ประสบภัยบางพื้นที่เป็นไปอย่างยากลำบาก


ภาครัฐได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานสนับสนุนทั้งในระดับจังหวัดและภาคเอกชน เพื่อเสริมกำลังอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพิ่มเติม พร้อมจัดตั้งศูนย์ประสานงานและศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้

ขณะที่ประชาชนในหลายพื้นที่ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลายฝ่ายได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับกระบวนการให้ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยตั้งข้อสงสัยถึงสาเหตุที่การเตรียมความพร้อมอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ และเหตุใดจึงยังคงเกิดอุทกภัยในลักษณะนี้ขึ้นอีก ทั้งนี้ ประชาชนบางส่วนเห็นว่า สิ่งที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญคือการทบทวนแนวทางบริหารจัดการน้ำและระบบการรับมือภัยพิบัติ เพื่อให้การช่วยเหลือและป้องกันเหตุการณ์ในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

...



อย่างเฟซบุ๊ก “ศศิน เฉลิมลาภ” ได้โพสต์ระบุถึงสิ่งที่ควรเกิดขึ้นในวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ไว้ดังนี้


1.นายกรัฐมนตรี

- นายกรัฐมนตรีต้องจัดตั้งศูนย์บัญชาการ (War Room) ที่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อประสาน ตัดสินใจ และจัดสรรทรัพยากร โดยใช้ข้อมูลเดียวทุกหน่วยงาน


2.รมว.เกษตร

- รมว.เกษตร ต้องรับผิดชอบและกำกับกรมชลประทานด้วยหลักวิชาการ-ข้อเท็จจริง

- ต้องมีทีมวิศวกร วางแผนสั่งปิด-เปิดประตูน้ำตามโมเดลคำนวณ

- ต้องจัดตั้งทีมภาคสนามลงพื้นที่ โดยรมว.จะติดตามผลบนหน้าจอและอนุมัติการระบายน้ำอย่างเร่งด่วนตามข้อมูลจริง


3.รองนายกรัฐมนตรี

- รองนายกรัฐมนตรีต้องควบคุมและประสานงานกับภาคสนาม เพื่อแก้ไข “พื้นที่เฉพาะจุดคอขวด” ซึ่งเป็นอุปสรรคเชิงนโยบาย เช่น ถนนเป็นเขื่อน ปิดประตูน้ำโดยไร้เหตุผล หรือ ชลประทาน-เทศบาลทะเลาะกัน


...

4.รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี

- รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนสื่อสารหลักของประเทศ สรุปสถานการณ์น้ำประจำ 1-2 ครั้ง / วัน และอธิบายสถานการณ์น้ำ