สรุปปม เด้ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังพบเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมเอื้อ "นักโทษจีนเทา" สะพัดกินหรูอยู่สบาย เครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกครบครับ มีสาวสวยต่างชาติเข้าเยี่ยมประจำ
สรุปปมร้อน เด้ง นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2568 มีรายงานว่า นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 233/2568 เรื่อง มอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยที่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุว่า ได้จู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และพบการกระทำผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจมีความเกี่ยวข้อง เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้เกี่ยวข้อง จึงมีคำสั่งย้ายนายมานพ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่ 16 พ.ย.เป็นต้นไป
ทั้งนี้แม้ในคำสั่งจะไม่ได้มีระบุลักษณะของการกระทำผิด แต่ในโลกออนไลน์มีข่าวสะพัดว่า เนื่องจากทางกระทรวงฯ สืบทราบว่าเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมรับเงินจากนักโทษจีนเทา แลกกับการจัดหาสิ่งของอำนวยความสะดวกให้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีสาวสวยต่างชาติเข้าไปเยี่ยมประจำ โดยในการจู่โจมตรวจค้นพบเครื่องใช้ไฟฟ้า วัตถุมีคมจำนวนมาก
...
ต่อมาวันที่ 19 พ.ย. กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงกรณีย้าย ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าจากการเข้าจู่โจมและตรวจค้นดังกล่าว พบว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการควบคุมและปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง จึงได้ดำเนินการย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และย้ายผู้บัญชาการเรือนจำฯ ไปปฏิบัติหน้าที่ยังกรมราชทัณฑ์
กรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกรม เจ้าหน้าที่กองทัณฑวิทยา เจ้าหน้าที่กองบริหารทรัพยากรบุคคล กลุ่มงานวินัยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกประเด็นโดยละเอียด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน
ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีผู้ต้องขังชาวจีนบางรายที่มีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำฯ จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ต้องขังชาวไทย จึงมีผู้แจ้งเบาะแสมายังกรมราชทัณฑ์ให้ทราบถึงพฤติการณ์ดังกล่าว
โดยทางกรมราชทัณฑ์จะเร่งรัดกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว และหากพบการกระทำผิดจริง พร้อมดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษามาตรฐานการบริหารงานราชทัณฑ์ให้เป็นที่เชื่อมั่นของสังคม
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 20 พ.ย.68 กรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งกรรมการสอบอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมผู้คุมมากกว่า 10 ราย
รายงานข่าวเปิดเผยว่า กรณีการตรวจค้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีนักโทษชาวไทยร้องเรียนถึงกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม ว่ามีเจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์พิเศษให้นักโทษกลุ่มจีนเทา ได้รับสิทธิพิเศษต่างจากนักโทษทั่วไป และยังมีสาวสวยระดับนางแบบเข้าเยี่ยมได้เป็นประจำ
เมื่อได้รับเบาะแสกรมราชทัณฑ์จึงส่งชุดปฏิบัติการเข้าตรวจสอบ แต่ก็มักเจอเกลือเป็นหนอน ข่าวรั่วก่อนเข้าตรวจค้น จนล่าสุดอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้จัดชุดเฉพาะกิจเข้าจู่โจมตรวจค้น ทำให้พบว่า 3 แดนที่คุมขังนักโทษกลุ่มจีนเทา มีสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก ทั้งไมโครเวฟ แอร์ กาน้ำ รวมถึงยังพบของมีคม มีด ไฟแช็ก ซึ่งเป็นของต้องห้ามในเรือนจำ เพราะใช้เป็นอาวุธได้ และไฟแช็กบ่งชี้ได้ว่ามีการสูบบุหรี่
เบื้องต้นนอกจากการย้าย ผบ.เรือนจำ ยังได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ผู้คุมที่เกี่ยวข้องในการควบคุมผู้ต้องขังกลุ่มจีนเทา
สำหรับไมโครเวฟ และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ พบว่านำเข้ามาโดยใช้วิธีระบุเป็นของบริจาคเข้าไปในเรือนจำ ส่วนกรณีหญิงสาวต่างชาติที่เข้าเยี่ยม ติดปัญหาตรวจสอบความเป็นญาติได้ยาก เมื่อเห็นเป็นชาวต่างชาติด้วยกันก็ให้เข้าเยี่ยม
ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีคำสั่งตั้งกรรมการเข้าไปตรวจสอบ โดยจะให้รองอธิบดี เป็นหัวหน้าชุดตรวจสอบภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทุกรายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 พ.ย.นี้ และได้สั่งเก็บสิ่งของต้องห้ามออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และกวดขันจริงจัง
เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีแดนคุมขังนักโทษกลุ่มจีนเทา 3 แดน ซึ่งมีข้อมูลอีกว่า นักโทษจีนเทามีการใช้เงินจ้างนักโทษชาวไทยที่พอสื่อสารภาษาจีนได้ให้มาดูแลรับใช้ และใน 3 แดนขังยังมีการแบ่งให้หัวหน้ากลุ่มพักอยู่ในแดนเดียวกัน ระดับรองหรือลูกน้องพักแยกคนละแดน
...
สำหรับนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกรมฯ จากเหตุนี้ มีประวัติบรรจุรับราชการที่กรมราชทัณฑ์ ก่อนไปเติบโตที่สำนักกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม และกลับมาเป็นเลขานุการกรมราชทัณฑ์ ก่อนเป็นผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ สมุทรสาคร สมุทรปราการ ก่อนดำรงตำแหน่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเรือนจำสำคัญ
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน ม.ค.68 ที่ผ่านมา นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเคยถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ (ปัจจุบันถูกย้ายไปเรือนจำคลองเปรม) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าประสบการณ์ถูกคุมขังในเรือนจำพร้อมกับผู้ต้องขังจีนเทา ซึ่งรวมถึงบิ๊กบอสชเวโก๊กโก่ อย่าง “แส จิ้นเจียง” ผู้ต้องหาตามหมายแดง ซึ่งถูกจับกุมและเคยถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เอกชัย เล่าว่า ช่วงที่ตนอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปี 2565-2566 มีผู้ต้องขังจีนเทา แก๊งคอลฯ หลายคน ซึ่งรวมถึง แส จิ้นเจียง ที่มีสถานะเป็น “ผู้มีอิทธิพลลำดับต้นๆ” เสมือนหัวหน้าผู้ต้องขังจีนในเรือนจำ
...
ผู้ต้องขังจีนเหล่านี้จับกลุ่มกันเหนียวแน่น จ่ายเงินใต้โต๊ะแลกการอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องร่วมกิจกรรมใดๆ ของเรือนจำ มีอาหารพิเศษกิน เช่น ปลาแซลมอน มีซิการ์มวนละ 1.5 หมื่น สูบ มีเครื่องเสียงเปิดเพลงจีนดังลั่น
กลุ่มนักโทษจีนนอนรวมกันในห้องที่เป็นส่วนตัว จ้างผู้ต้องขังชาวไทยไปรับใช้ หากมีเรื่องกับผู้ต้องขังไทย จะเป็นฝ่ายถูกตลอด แต่ฝั่งคนไทยถูกลงโทษ โดยคนพวกนี้กลัวที่สุดคือการถูกส่งตัวกลับจีน บางคนดีใจที่ศาลไทยพิพากษาจำคุก เพราะรู้ว่าติดคุกจริงไม่กี่ปี แต่หากถูกตัดสินคดีในจีนโทษคือจำคุกตลอดชีวิตถึงประหาร