ซื้อชื่อละ 1 บาท อุบายแม่ค้าหัวใส แพ็กของเก็บเงินปลายทาง ทั้งที่ลูกค้าไม่ได้สั่ง ซุ่มส่งสินค้ากว่า 2,000 ชิ้น เผยต้นตอซื้อที่อยู่ลูกค้าจากบริษัทขนส่ง เฉลี่ยเป็นเงินปลายทางกล่องละ 150 บาท เงินหมุนในระบบกว่า 3.1 ล้านบาท

เมื่อวาน (16 พ.ย.68) สภ.เมืองภูเก็ต แถลงเข้าตรวจสอบโกดังต้องสงสัยอาจมีสิ่งผิดกฎหมาย อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต หลังสืบทราบว่าผู้ต้องสงสัยมาเช่าอาคารดังกล่าวไว้ เพื่อทำเป็นโกดังส่งสินค้าที่ไม่ถูกต้อง โดยที่ลูกค้าไม่ได้สมัครใจในการสั่งซื้อ และพบว่าผู้ต้องสงสัยมีเงินหมุนเวียนในแต่ละวันเกือบแสนบาท


ได้เข้าตรวจค้น อาคารพาณิชย์ 1 คูหา มองไปด้านในเห็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาดต่างๆ วางกองอยู่เป็นจำนวนมาก ด้านนอกห้องเช่ายังมีถุงกระสอบขนาดใหญ่ ภายในมีกล่องกระดาษบรรจุอยู่วางเรียงรายเป็นจำนวนมาก มีผู้ต้องสงสัยที่เป็นหญิงสาวและคนงานจำนวนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาแพ็กสิ่งของใส่กล่องกระดาษอยู่

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น ทำให้หญิงสาวผู้ต้องสงสัย ซึ่งมีรูปพรรณตรงตามที่สายแจ้งเบาะแสมายังชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ถึงกับตกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ น.ส.ขนภา หรือ มุข เม่งซ่าน อายุ 31 ปี ชุดสืบสวนจึงควบคุมตัวนำชี้ของกลางภายในห้องเช่าดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน

...


จากการตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ในลังและกล่องกระดาษขนาดต่างๆ พบเป็นสินค้าหลากหลายชนิด เช่น สบู่ ครีมทาตัว ยาสระผม ครีมบำรุงผิว เป็นต้น นับหมื่นๆ ชิ้น เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดสินค้าทั้งหมด รวมไปถึงกล่องกระดาษที่มีการแพ็กเตรียมจัดส่งออกไปยังบ้านเรือนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยสินค้าทั้งหมดจะเป็นการเรียกเก็บเงินปลายทางทั้งสิ้น เบื้องต้นรวมมูลค่าหลายแสนบาทพร้อมกับประสาน อย. และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค จ.ภูเก็ต ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่พบทั้งหมด


จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ขนภา หรือ มุข อดีตเป็นแม่ค้าออนไลน์ ขายสินค้าทั่วไปผ่านโซเชียลมีเดีย จากนั้นได้ผันตัวมาซื้อสินค้าจากกรุงเทพฯ มาบรรจุลงกล่องที่ จ.ภูเก็ต ส่งไปตามบ้านเรือนของประชาชนทั่วประเทศ โดยมีการเก็บเงินปลายทางทั้งสิ้น ทั้งที่ประชาชนตามชื่อที่ติดสติกเกอร์อยู่หน้ากล่องไม่ได้มีการสั่งซื้อจริง

โดยได้ซื้อรายชื่อลูกค้ามาจากบริษัทขนส่งเอกชน รายชื่อละ 1 บาท จากนั้นได้ปริ๊นต์ชื่อลูกค้าแล้วติดหน้ากล่องกระดาษที่ภายในมีสินค้าชนิดต่างๆ โดยผ่านบริษัทขนส่งเอกชนอีกทอดเพื่อนำส่งไปยังบ้านเรือนประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อถึงหน้าบ้านลูกค้า บางรายรับสินค้าและจ่ายเงิน บางรายไม่รับสินค้า เนื่องจากไม่ได้สั่ง สินค้าก็จะตีกลับมายังบริษัทขนส่งเอกชนรายดังกล่าว จากนั้นขนส่งจะนำกลับมาส่งที่โกดังที่ผู้ต้องหาเช่าไว้ และก็จะนำสินค้าในกล่องกลับมาแพ็กใหม่ จ่าหน้ากล่องใหม่ รายชื่อใหม่ เพื่อจัดส่งไปอีก ทำเช่นนี้จนมีรายได้ต่อวันเกือบแสนบาท ซึ่งทำมาตั้งแต่เดือน ส.ค.67 จนถึงปัจจุบัน


...

โดยก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุมได้มีการจัดส่งสินค้าออกไปแล้วกว่า 2,000 ชิ้น ควบคุมตัวพร้อมของกลางโน้ตบุ๊กที่ใช้ปริ๊นต์รายชื่อลูกค้า 1 เครื่อง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต แจ้งข้อหาเบื้องต้นขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง มีความผิดตามมาตรา 32(1) โทษตามมาตรา 78 วรรค 1 ปรับไม่เกิน20,000 บาท และขายเครื่องสำอางที่ฉลากไม่แสดงข้อความภาษาไทย มีความผิดตามมาตรา 22 วรรค2(2) และ มาตรา 32(4) โทษตามมาตรา 68 วรรค 2 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล หากพบความผิดจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้ง


ของกลางเป็น 1.สินค้าผิดกฎหมายจำนวน 7,492 ชิ้น 2.อุปกรณ์พัสดุจำนวน 5,223 ชิ้น 3.พัสดุที่แพ็กแล้วจำนวน 3,890 ชิ้น 4.พัสดุพร้อมส่งจำนวน 1,099 ชิ้น 5.พัสดุตีกลับจำนวน 3,125 ชิ้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 20,829 ชิ้น และเมื่อมีการจัดส่งสินค้าทั้งหมดโดยมีการเก็บเงินปลายทางไปยังบ้านลูกค้าประมาณการเฉลี่ยกล่องละ 150 บาท จะเป็นเงินกว่า 3.1 ล้านบาท ซึ่งสินค้าที่แพ็กลงกล่องส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอางนำเข้ามาจากต่างประเทศราคาถูก

...