ผู้ประกอบการวิตก พ.ร.บ. แอลกอฮอล์ใหม่ คุมเวลาดื่ม บีบท่องราตรี กฎหมายใหม่เพิ่มโทษ กระทบนักท่องเที่ยว - สถานประกอบการ นายกสมาคมฯ ชี้ จัดระบบใบอนุญาตแทนการจำกัดเวลา
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้วันแรกในวันที่ 8พฤศจิกายน 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภค คือการกำหนด “ความผิดเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ในช่วงเวลาห้ามจำหน่าย โดยล่าสุด จากความสับสนที่เกิดขึ้น ทำให้มีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ วันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.68) เพื่อทบทวนเรื่องเวลาใหม่
การเพิ่มบทบัญญัติดังกล่าวกลับสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการในหลายภาคส่วน ทั้งธุรกิจท่องเที่ยว ภาคบริการ และร้านอาหาร ตลอดจนสร้างความสับสนให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) เนื่องจากกฎหมายยังคงข้อจำกัด “เวลาห้ามจำหน่าย” ระหว่างเวลา 14.00–17.00 น. และหลัง 24.00 น. พร้อมเพิ่มบทบัญญัติ “ห้ามดื่ม” ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งมีโทษปรับสำหรับผู้ฝ่าฝืน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
...
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการได้รับผลกระทบอย่างมาก หลายรายแสดงความไม่เข้าใจว่ารัฐออกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาได้อย่างไร โดยเฉพาะร้านค้าและสถานบริการที่ต้องบังคับลูกค้าให้ออกจากร้านหลังเที่ยงคืน หากนักท่องเที่ยวนำไปเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดีย ก็อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่า สถานบริการที่มีใบอนุญาตสามารถเปิดได้ถึง 04.00 น. และโรงแรมสามารถเปิดให้บริการเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ถึงเวลาเดียวกัน พร้อมประกาศยกเลิกระบบ Zoningซึ่งถือเป็นเรื่องดีต่อการท่องเที่ยว แต่เมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้กลับสร้างความวุ่นวาย เพราะเนื้อหาไม่สอดคล้องกันเลย
นายสง่า เสนอแนวทางว่า รัฐควรพิจารณายกเลิกช่วงเวลาห้ามจำหน่าย 14.00–17.00 น. และจัดทำระบบ “ใบอนุญาตสถานบันเทิง” ที่ชัดเจน ทั้งนี้ กฎหมายตัวนี้มีอยู่แล้ว เพียงแต่นำมาปัดฝุ่น และสร้างรูปแบบให้มันถูกต้อง คือกำหนดเวลาเลย ว่าสถานประกอบการคุณจะขอเปิดถึงกี่โมง และทุกคนต้องจดในนามบริษัท ถึงจะมีใบอนุญาตได้
เช่น หากร้านใดต้องการเปิดถึงตี 2 หรือ ตี 4 ก็สามารถขอใบอนุญาตตามเวลานั้น โดยจ่ายค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนด หากใครทำผิดกฎระเบียบ ก็มีบทลงโทษ เช่น การสั่งปิดสถานประกอบการนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ สถานประกอบการที่เปิดอย่างไม่ถูกต้อง ไม่มีการจดบริษัท ก็จะหายไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็อาจจะต้องจ่ายค่าส่วยหนักขึ้น
“หากวันหนึ่ง ผู้ประกอบการเปิดถึงตี 4 แล้วเขาทำไม่ไหว เพราะเปิดดึกๆก็ไม่มีลูกค้า เขาก็มาขอยกเลิกอยู่ดี เพราะใบอนุญาตมันแพง เขาก็อาจจะลดลงมาเหลือตี 2 เหมือนเดิม สิ่งนี้จะทำให้ทุกคนกลับเข้ามาอยู่ในลูปของการเสียภาษีที่ถูกต้อง และทุกคนไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องเวลา การค้าขายก็จะคล่องตัวขึ้น ส่วนใครที่ทำผิดกฎระเบียบ ก็ยึดใบอนุญาต และก็ปิดสถานที่ ประกาศให้รู้ว่า สถานประกอบการนี้ ใบอนุญาตเลขที่เท่านี้ ห้ามเปิดให้บริการอีก 5 ปี ถ้าแบบนี้ทุกคนก็จะรักษาใบอนุญาตตัวเอง”
...
นายสง่า อธิบายเพิ่มเติมว่า แนวทางนี้จะทำให้ผู้ประกอบการอยู่ในระบบภาษีที่ถูกต้อง และช่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถตรวจสอบด้านความปลอดภัยของสถานประกอบการได้ครบถ้วน เช่น ระบบหนีไฟ อุปกรณ์ดับเพลิง หรือวัสดุไวไฟต่าง ๆ หากทำแบบนี้ ทุกคนก็จะอยู่ในบริบทของความถูกต้อง
ด้านสถานบันเทิงบริเวณถนนข้าวสาร นายสง่า เผยว่า ปัจจุบัน ร้านค้าและสถานบันเทิงในพื้นที่ถนนข้าวสารยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากกฎหมายฉบับใหม่นี้ นักท่องเที่ยวยังคงเดินเล่นและใช้บริการตามปกติ โดยเฉพาะในช่วง High Season ที่มีเที่ยวบินจากยุโรปเพิ่มขึ้น
...
ทั้งนี้ สมาคมผู้ประกอบการฯ ได้จัดทำหนังสือและยื่นหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ พร้อมเน้นว่ากฎหมายควรเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ