ดราม่า “แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดประเด็นมีคนสั่งหยุดยิงหลังรบวันแรก 6 ชั่วโมง ทำสังคมตามหาคนสั่ง ก่อนกลับลำ-ติดภารกิจยาวไม่เข้าแจง กมธ.
สรุปดราม่า “แม่ทัพกุ้ง” ประเด็นถูกสั่งหยุดยิงที่กลายเป็นประเด็นร้อน สังคมตามหาตัว ใครเป็นคนสั่ง? ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง หรือ แม่ทัพกุ้ง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมบรรยายพิเศษที่พุทธสถานปฐมอโศก อ.เมือง จ.นครปฐม โดยกล่าวถึงประสบการณ์ในการสู้รบ ให้ข้อมูลว่ามีผู้สั่งการให้หยุดยิงในช่วง 6 ชั่วโมงแรกของการปะทะกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68
“ผ่านไปเพียง 6 ชั่วโมงหลังจากรบกับกัมพูชาวันแรก มีคนโทรมาสั่งให้หยุดยิง ผมขอร้องผู้บังคับบัญชาว่าไม่หยุดครับ ผมขอไปต่อ ถ้าผมหยุด ผมต้องออกมาพูดว่าใครสั่งให้หยุด เพราะผมจะเอาแผ่นดินคืน”
...
จากการเปิดเผยดังกล่าว ทำให้สังคมเกิดการตั้งคำถามคาดเดาตัวผู้สั่งการ มีการพาดพิงนักการเมืองหลายคน ทำให้ต้องรีบออกมาชี้แจง
วันที่ 10 พ.ย. 68 เวลา 10.17 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องที่ถูกโยงว่าเตือน พล.ท.บุญสิน ให้งดการบรรยายเกี่ยวกับทหารในวันปะทะ เพราะอาจส่งผลเสียต่อทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้า โดยนายอนุทิน ชี้แจงว่า “ข่าวปลอมนะครับ อย่าแกล้งกันอย่างนี้เลย ผมก็อยากจะทราบว่าใครเป็นคนสั่งให้หยุดยิงเหมือนกัน ผมกับแม่ทัพกุ้งรักกันดีครับ และเห็นท่านเป็นวีรบุรุษของชาติเราตลอดเวลา”
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้น ยืนยันชัดว่าไม่เคยเป็นผู้สั่งการหรือพูดให้หยุดยิง และในวันเกิดเหตุได้เพียงติดตามสถานการณ์ พร้อมมอบอำนาจการสั่งการให้คณะผู้บัญชาการทางทหาร ซึ่งมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะรับผิดชอบ
ในวันเดียวกัน เวลา 17.01 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งในขณะนั้น โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงคำสั่งหยุดยิงดังกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลในขณะนั้นได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 6 มิ.ย 68 ที่ประชุมได้มีการหารืออย่างรอบคอบ และมีมติสำคัญคือ “มอบอำนาจให้กองทัพสามารถตัดสินใจได้ตามหลัก Rules Of Engagement (ROE)” ซึ่งหมายความว่า กองทัพไทยมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเชิงยุทธวิธีเพื่อป้องกันประเทศตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากฝ่ายการเมือง
“ผมเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของผู้นำเหล่าทัพทุกท่าน ทำให้ภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศผ่านไปด้วยความราบรื่น และอำนวยประโยชน์ให้ประเทศอย่างสูงสุด โดยยึดหลักความรับผิดชอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ”
...
ต่อมา พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ (กมธ.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ออกแถลงการณ์เร่งเปิดประชุมด่วน ในวันที่ 11 พ.ย. 68 เวลา 08.00 น. เนื่องจากกรณีดังกล่าวอาจมีผลกระทบรุนแรงต่อความมั่นคงของชาติ โดยเชิญ พล.ท.บุญสิน เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตด้วย
หลังมีการชี้แจงและ กมธ.นัดประชุม พล.ท.บุญสิน ได้ชี้แจงในรายการคมชัดลึกถึงกรณีนี้ว่า เป็นความเข้าใจผิด การปะทะวันแรกเป็นเรื่องที่เขาปิดปราสาทตาเมือนธม โดยทหารกัมพูชายิงไทยก่อนทางด้านปีกซ้าย ทำให้เกิดการปะทะทั่วทั้งแนวชายแดน และเป็นแผนที่จะทวงคืนแผ่นดิน หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงในชีวิตของกำลังพล มีการหารือกันทุกวัน แต่ไม่ได้เป็นคำสั่งให้หยุดยิง ไม่มีผู้บังคับบัญชาท่านใดสั่งให้หยุดยิง เพียงแต่มีการหารือว่าเป็นอย่างไรบ้างว่าไหวไหม แต่จะมีคำสั่งอย่างชัดเจนให้หยุดยิงในวันที่ 28 ก.ค. จึงไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นอะไร
ทั้งนี้ในการประชุม กมธ.ทหาร ในวันที่ 11 พ.ย. 68 พล.ท.บุญสิน ไม่ได้เข้าร่วมและไม่ได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง โดยโทรศัพท์มาแจ้งว่าไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ เนื่องจากติดภารกิจยาวถึงเดือนธันวาคม
ขณะที่วันที่ 11 พ.ย. พล.ท.บุญสิน เดินทางไปบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “Thai DNA หัวใจเพื่อแผ่นดิน” ซึ่ง จัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายเรวัต อารีรอบ นายก อบจ.ภูเก็ต สมาชิกสภาฯ คณะผู้บริหาร ประชาชนชาวภูเก็ต รวมถึงนักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมอย่างล้นหลาม โดย พล.ท.บุญสิน ได้ตอบคำถามว่าใครสั่งให้หยุดยิง โดยยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีการสั่งหยุดยิง
...
"เรื่องการหยุดยิงวันที่ 28 (กรกฎาคม) เป็นเรื่องของคณะเจรจาของรัฐบาล ที่เขาไปเจรจาหยุดยิงอย่างเป็นทางการ ถึงได้นำมาซึ่งการหยุดยิง อันนี้เราก็หยุดยิงตามความเห็นระหว่างประเทศ ส่วนก่อนหน้านั้นไม่มีใครสั่ง ขอให้พี่น้องได้มีความร่วมมือร่วมใจกัน ณ วันนี้เราช่วยกันในห้วงเวลานี้ อดีตจบไปแล้ว"
ระหว่างการบรรยาย พล.ท.บุญสิน ยังได้เล่าด้วยว่า วันแรกที่รับตำแหน่งแม่ทัพภาค 2 กางแผนที่ดูทันทีว่าทำไมมีข้าศึกอยู่ในแผ่นดินไทย และก็รู้สึกผิดทันที คิดว่าหน้าที่ของตนคือการไล่คนกลุ่มนี้ออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งการจะผลักดันออกไปต้องมีเหตุผลไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการกลั่นแกล้ง จนกระทั่งเกิดเหตุว่าอีกฝ่ายเริ่มหาเรื่องก่อน ทั้งการเผาศาลาตรีมุข เอาทหารเข้ามาขุดคูเลด มาแสดงออกที่ตาเมือนธม
ทำให้ตนตัดสินใจปิดตาเมือนธมเนื่องจากมีความวุ่นวาย ทำให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจยิงปืนใส่ทหารไทยก่อน ซึ่งตนรู้สึกดีใจเพราะจะได้ตอบโต้ได้ ที่ผ่านมาถูกชาวบ้านด่ามาตลอดว่าจะรอให้ทหารเสียอวัยวะอีกเท่าไหร่ ซึ่งโล่งอกที่ได้ทำหน้าที่แทนพี่น้องคนไทยทั้ง 70 ล้านคนแล้ว
...
“วันนั้นเป็นวันที่แม่ทัพกุ้งดีใจที่สุด ภูมิใจที่สุดในชีวิต วันที่ทหารเขมรยิงเราก่อน เพราะจะได้ยิงบ้าง ผมรอมานานแล้ว เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะก่อนหน้านี้แม่ทัพกุ้งถูกชาวบ้านด่าตลอดว่าเมื่อไหร่จะบุก ขาขาดไปกี่ขาแล้ว”
พล.ท.บุญสิน กล่าวต่อว่า ยุคของเราจะต้องช่วยกันดูแลผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ได้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปรบกับใครทั้งนั้น มีเพียงเป้าหมายที่จะยึดผืนแผ่นดินไทยกลับมาให้ได้ และภูมิใจที่สุดที่ธงชาติไทยไปบนภูมะเขือ ขอให้พวกเราทุกคนส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้าทุกคนที่ทำหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยของไทย ซึ่งรัฐบาลและกองทัพ พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคนไทย ขอให้พวกเราส่งกำลังใจให้ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาชายแดนทุกคน